ตอนที่ 23 สั่งสอนอันธพาล

จี้จือฮวนพยักหน้าตอบรับ “รอสักครู่”

นางรอจนกระทั่งไฟติดและกระทะร้อนขึ้นมา คนผู้นั้นก็ไม่ได้รีบร้อน เพียงพยักหน้าให้และเอ่ยว่า “ข้ารอเจ้าได้ เดิมคิดว่าเจ้าจะไม่มาแล้วเสียอีก ที่ตรงนั้นก็ถูกคนยึดไปแล้ว”

เมื่อวานเขาอยากกินจะแย่ ยังดีที่ในที่สุดจี้จือฮวนก็มา

กระทะเหล็กร้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จี้จือฮวนไม่ใช่คนพูดมาก นางแผ่แป้งเจียนปิ่งกั่วจืออย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมเพิ่งจะฟุ้งกระจายออกไปก็มีคนได้ข่าวแล้ว พวกเขาต่างมาดูด้วยความสนใจ เพียงครู่เดียวก็มีคนต่อแถวจนยาวเหยียด

เมื่อเห็นว่าตรงมุมที่เดิมทีไม่มีคนสนใจกลับขายดี ร้านอื่น ๆ ไหนเลยจะทนได้ จึงเข้าไปดูว่าขายอะไรกัน พวกเขาจะได้เลียนแบบและขายให้ถูกลง

ตำบลนี้มีขนาดเล็ก พอมีเรื่องอะไรก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานคำว่าเจียนปิ่งกั่วจือก็มีแต่คนรู้จัก

“อะไรนะ เจ้ายังไม่เคยกินอีกหรือ รสชาตินั่นไม่เลวจริง ๆ ราคาก็ไม่ถือว่าแพงด้วย”

“ข้าซื้อมาแล้ว สองชิ้นสุดท้ายเมื่อวานนี้เป็นของข้าเอง”

เหมือนกับว่าคนที่ไม่ได้กินเจียนปิ่งกั่วจือก็คือคนที่ล้าสมัยอย่างไรอย่างนั้น ผู้คนต่างก็พากันมาทางนี้ ทำให้ตลาดผักไช่ซือมีคนต่อแถวกันยาวเหยียดไปจนถึงมุมถนน

บนชั้นสองของภัตตาคารจุ้ยเซียนจวี่สามารถมองเห็นสถานการณ์ที่มุมถนนนั้นได้อย่างชัดเจน

ฉือชางไห่หรี่ตาลงพลางถูจมูกไปมา นี่เป็นท่าทางที่เขามักจะใช้ทุกครั้งเวลาที่ต้องการจะจัดการใครสักคน แค่ทำท่านี้ลูกน้องของเขาก็จะรู้ได้ทันทีว่า เถ้าแก่กำลังหงุดหงิดอีกแล้ว

“วันนี้สั่งสอนนางเบา ๆ ก่อน ข้าจะบีบให้นางเอาสูตรมามอบให้ข้าด้วยตัวเองให้ได้”

เขาไม่เชื่อว่าในตำบลนี้จะยังมีคนที่กล้าเป็นปรปักษ์กับเขาอีก

ปริมาณที่เตรียมมาวันนี้มากกว่าเมื่อวาน คนเหล่านี้มาถึงก็ซื้อกันคนละสี่ห้าอัน อาอินพับใบบัวจนปวดมือไปหมด แต่ว่าความสุขที่ได้เงินมานั้น คนอื่นจินตนาการไม่ออกหรอก

“หลีกไป ๆ!” แถวที่จากเดิมต่อกันเป็นระเบียบก็ถูกคนทำลายลง ก่อนจะมีบุรุษร่างกายกำยำสี่ห้าคนเดินเบียดมาจากทางด้านหลัง พวกเขาสวมเสื้อตัวสั้นที่เป็นผ้าเนื้อหยาบและเผยให้เห็นรอยสักที่ดูน่ากลัว ดูท่าทางก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนที่ควรมีเรื่องด้วย

ชาวบ้านหลายคนถูกพวกเขาผลักไปอยู่ข้าง ๆ จนเกือบจะล้มลงกับพื้น หลังจากเห็นหน้าชัด ๆ ว่าเป็นใคร พวกชาวบ้านก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนความโมโหนั้นเอาไว้

จี้จือฮวนเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะค่อย ๆ ตอกไข่ลงบนแผ่นแป้ง คนที่เป็นหัวหน้าก็คืออันธพาลที่มีชื่อเสียงของตำบล จางปาเหลี่ยง คนที่ตามมาด้วยก็คือลูกน้องของเขา จางปาเหลี่ยงพอใจกับสีหน้าหวาดกลัวของชาวบ้านเหล่านั้นเป็นอย่างมาก จากนั้นก็หัวเราะเสียงเย็นและเอ่ยกับจี้จือฮวน “ตาบอดหรืออย่างไร ไม่เห็นหรือว่าข้ามา”

จี้จือฮวนไม่ได้สนใจเขา ก่อนหันไปถามลูกค้าที่ถูกผลักไปอยู่ด้านหลัง “ใส่พริกด้วยใช่หรือไม่?”

คนผู้นั้นได้แต่ตกตะลึง

แม่นาง เจ้าถูกอันธพาลล้อมเอาไว้อยู่นะ เจ้าไม่กลัวเลยอย่างนั้นหรือ!!!

ท่าทีที่สงบนิ่งของจี้จือฮวนทำให้คนพวกนี้โมโหขึ้นมาแล้วจริง ๆ จางปาเหลี่ยงแยกเขี้ยวให้กับอาอิน จากนั้นก็กำลังจะเตะรถเข็นของจี้จือฮวน แต่ขณะที่เขาจะลงมือ จี้จือฮวนก็ดึงอาอินหลบไปอยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ส่วนมืออีกข้างก็บีบขากรรไกรล่างของจางปาเหลี่ยงอย่างแรง จนขากรรไกรล่างหลุดออกมา

“โอ๊ยยยยย” ปากของจางปาเหลี่ยงหุบไม่ได้อีกต่อไป น้ำลายจึงไหลหยดลงมาอย่างไม่มีอะไรกั้น เขาใช้มือที่สั่นเทานั้นชี้หน้าจี้จือฮวน

จี้จือฮวนชักมือกลับ ก่อนจะใช้เกรียงยกเจียนปิ่งกั่วจือที่เพิ่งขึ้นจากกระทะวางไว้บนใบบัวที่อาอินพับเสร็จแล้ว ก่อนจะเดินออกมาจากหลังรถเข็น อาศัยตำแหน่งที่คนอื่นมองไม่เห็น เตะไปทีหนึ่งอย่างแรง

จางปาเหลี่ยงเข่าอ่อนจนต้องคุกเข่าลงบนพื้น แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเดาไม่ออกสตรีผู้นี้จะทำอะไรลงไปกันแน่ แต่เหตุใดถึงแรงเยอะเพียงนี้ แล้วทำไมเขาถึงคุกเข่าลงเช่นนี้ได้!

ฉายาอันธพาลอันดับหนึ่งของตำบลฉาซู่ของเขาจะรักษาเอาไว้ได้อย่างไร!

“เจียนปิ่งกั่วจือของท่านได้แล้ว” จี้จือฮวนเดินไปทางลูกค้าพร้อมรอยยิ้ม หลังจากเก็บเงินแล้ว ก็ทำเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าจางปาเหลี่ยงคุกเข่าอยู่อย่างไรอย่างนั้น ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ไม่ใช่วันปีใหม่หรือตรุษจีน ไม่ต้องคารวะเป็นทางการเช่นนี้หรอก ข้าไม่ต้องการลูกชายเพิ่ม”

“…”

มีใครรังแกคนอื่นเช่นเจ้าบ้าง?!

จางปาเหลี่ยงลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง ก่อนจะบอกให้พี่น้องของเขาบุกเข้าไปพร้อมกัน เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการสตรีผู้นี้ไม่ได้ ถึงเวลาเขาจะทำให้นางอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้!

อาอินเห็นดังนั้นก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “ท่านแม่ระวัง!”

จี้จือฮวนวางเงินที่เพิ่งเก็บมาไว้บนรถเข็น และไม่หันไปมองด้านหลังเลยแม้แต่นิดเดียว หลังจากรับกำปั้นที่อีกฝ่ายเหวี่ยงมาได้แล้วก็บิดแขนของคนผู้นั้นทันที โดยที่ทั้งมือซ้ายและมือขวาล้วนลากบุรุษรูปร่างสูงใหญ่เข้าไปในตรอกด้านหลัง

อาอินคิดจะตามไปด้วย แต่เสียงที่เย็นชาของจี้จือฮวนกลับดังขึ้นมาเสียก่อน “อย่าตามมา เก็บเงินไว้ให้ดี”

ไม่มีชาวบ้านกล้าตามเข้าไป พวกเขาต่างก็อยากรู้ว่าแม่นางน้อยผู้นี้จะมีชีวิตรอดออกมาได้หรือไม่ จางปาเหลี่ยงผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่าย ๆ แต่หากจะบอกว่าเป็นห่วง ทว่าเมื่อครู่ก็ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยสักนิด กลับเป็น…พวกจางปาเหลี่ยงต่างหากที่ถูกลากไป!

คงไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้นกระมัง แม่นางน้อยผู้นั้นดูท่าทางแล้วอายุน่าจะไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ รูปร่างก็ผอมบาง จะไปสู้ได้อย่างไร!

ภายในตรอก จี้จือฮวนจัดการไม่กี่ทีก็ทำให้บรรดาบุรุษที่มีรูปร่างสูงใหญ่เหล่านี้หมอบลงกับพื้นแล้ว จากนั้นนางก็เตะเข้าที่หน้าอกของจางปาเหลี่ยงอีกครั้ง และแย่งมีดสั้นในมือของเขามา ก่อนจะตบไปที่ใบหน้าที่ดูไม่ค่อยพอใจของจางปาเหลี่ยง แล้วต่อขากรรไกรล่างของเขาให้กลับเข้าที่ พลางเอ่ยถาม “ใครใช้ให้พวกเจ้ามา?”

จางปาเหลี่ยงถุยน้ำลายออกมา ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร จี้จือฮวนก็ซัดเข้าไปอีกหมัด “ข้ายังต้องขายของต่อ ดังนั้นข้าจึงไม่มีความอดทนมากนักหรอกนะ รีบบอกออกมาซะ”

จางปาเหลี่ยงเจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา

สวรรค์ ตอนรับเงินก็ไม่ได้บอกว่าเป็นคนที่ร้ายกาจนี่นา นางเป็นสตรีเช่นไรกันแน่ รู้วรยุทธ์ด้วยอย่างนั้นหรือ!

“ก็เจ้าไม่ทำตามกฎ ถนนเส้นนี้พวกเราเก็บค่าคุ้มครองอยู่ เจ้ามาขายของแต่กลับไม่ถามพวกเราก่อน ดังนั้นข้าทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว!”

มุมปากจี้จือฮวนยกขึ้น ประกายเย็นเยียบพาดผ่านดวงตา “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ เช่นนั้นดูท่าข้าคงต้องสั่งสอนเจ้าเสียหน่อยแล้ว”

จี้จือฮวนยืดตัวขึ้น พลางใช้ปลายมีดสั้นแตะไล่ลงไปตามลำคอของจางปาเหลี่ยง และเลื่อนลงไปเรื่อย ๆ จนจางปาเหลี่ยงดวงตาเบิกโพลง “เจ้า ๆ ๆ ๆ เจ้าจะทำอะไร!”

“มองไม่ออกหรือ ก็ตอนเจ้าอย่างไรเล่า” จี้จือฮวนเอ่ยราวกับเป็นเรื่องธรรมดา

จางปาเหลี่ยงรีบหนีบขาทั้งสองข้างเข้าหากันด้วยความตกใจ “เถ้าแก่ฉือของภัตตาคารจุ้ยเซียนจวี่ เจ้าไม่ไว้หน้าเขา เขาจึงต้องการสั่งสอนเจ้า ข้าแค่รับเงินมาแล้วทำงานให้เขาเท่านั้น!”

จี้จือฮวนได้ยินดังนั้นก็ควงมีดสั้นในมือ “ยอมบอกตั้งแต่แรกก็จบแล้ว เจ้ามันหาเรื่องใส่ตัวเองจริง ๆ”

นางปักมีดสั้นลงไปบนกำแพงเฉียดขมับของจางปาเหลี่ยงไปเพียงเล็กน้อย ทำให้จางปาเหลี่ยงตกใจถึงขั้นฉี่รดกางเกง

“จอมยุทธ์หญิงไว้ชีวิตด้วย!!!”

จี้จือฮวนกลอกตามองบน ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยพวกอันธพาลที่นอนกองอยู่ออกไปให้พ้นทาง และเดินกลับไปที่ทางเข้าตรอก จางปาเหลี่ยงลืมตาขึ้นมาก็คิดว่าตัวเองรอดแล้ว ทว่าสุดท้ายกลับเห็นจี้จือฮวนกระดิกนิ้วพลางเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ารบกวนเวลาขายของของข้า ดังนั้นมาแจกใบปลิวให้ข้าเดี๋ยวนี้”

แจกใบปลิว? มันคือสิ่งใดกัน?

หลังจากนั้นผ่านไปหนึ่งเค่อ1 จางปาเหลี่ยงที่ใบหน้าบวมช้ำก็พาลูกน้องไปแจกใบปลิวเรียกลูกค้าอยู่ที่ทางเข้าตรอก “เจียนปิ่งกั่วจือร้อน ๆ จากเตาอันละแปดเหวิน ซื้อก่อนได้ก่อน เจียนปิ่งกั่วจืออร่อย ๆ มาลองชิมก่อนได้จ้า”

อาอินเก็บเงินไป พลางมองจี้จือฮวนอย่างพิจารณาไปด้วย “เมื่อครู่ท่านไม่ได้เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

จี้จือฮวนตอกไข่ด้วยท่าทางสงบนิ่ง “เป็นห่วงข้าหรือ?”

อาอินใบหน้าแดงเรื่อ “ข้าแค่ถามดูเฉย ๆ”

“ข้าได้ยินแล้ว”

“ได้ยินอะไร?”

“เจ้าเรียกข้าว่าท่านแม่”

“…” เปล่าเสียหน่อย ท่านฟังผิดแล้ว!

[1] เค่อ (刻) เป็นหน่วยวัดเวลาในสมัยโบราณของจีน 1 เค่อเท่ากับ 15 นาที