วันศุกร์ 

 

การสอบเริ่มไปเมื่อวันพุธและจบลงอย่างรวดเร็วและในที่สุดการติวแบบกลุ่มก็จบลง

 

เนื่องจากพวกเราสี่คนมักจะติวด้วยกันตลอดทำให้พวกเรามั่นใจว่าพวกเราทำได้ดีแน่ๆ 

 

ยิ่งติวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งให้เห็นว่าซาเองุสะซังสอนเก่งแค่ไหน 

 

ทาคายูกิถึงกับอิจฉาความสามารถของเธอจนต้องพูดออกมาว่า “ซาเองุสะซัง คุณดูจะฉลาดเกินไปที่จะเรียนที่นี่นะ” แต่เธอก็ตอบมาเพียงแค่รอยยิ้มเขินๆ 

 

ยังไงๆการที่จะเข้าเรียนที่ไหนก็ขึ้นอยู่กับคนๆนั้นล่ะนะ ถึงพวกเขาจะเก่งเกินกว่าจะมาเรียนที่นี่ แต่ว่าการได้พบกับพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ดีนะ 

 

ช่างเรื่องนั้นเถอะ ตอนนี้พวกเราได้หลุดพ้นจากคำสาปที่เรียกว่าการสอบได้ก็นับว่าดีแล้ว 

 

 

พวกเราตกลงกันว่าจะฉลองกันที่ร้านแฮมเบอร์เกอร์หน้าสถานี 

 

พวกเราเพียงแค่ทานแฮมเบอร์เกอร์กับพูดคุยเรื่องการสอบ แต่ว่าซาเองุสะซังก็ยังดึงดูดสายตาของคนรอบๆอยู่ดี 

 

และไม่ใช่แค่เธอคนเดียว ทั้งทาครยูกิกับชิมิซุซังก็เช่นกัน 

 

การได้เห็นชิมิซุซังทานแฮมเบอร์เกอร์ด้วยปากเล็กๆของเธอ ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ 

 

หลังจากที่พวกเราได้เป็นเพื่อนกันแล้ว พวกที่มาจากโรงเรียนเดียวกับชิมิซุซังต่างถามผมว่า “นายทำยังไงถึงได้เป็นเพื่อนกับเจ้าหญิงคนนั้นเนี่ย?” ทำเอาผมแปลกใจเลย 

 

เมื่อผมถามเหตุผลไปพวกเขาก็บอกว่า ถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโรงเรียน แต่เธอก็ได้รับฉายาว่า “เจ้าหญิงผู้โดดเดี่ยว” เพราะว่าเธอปฏิเสธทุกคนที่มาสารภาพรัก 

 

ตอนนั้นผมยิ้มออกมาแบบไม่ได้คิดอะไรมาก โดยคิดว่า “ไอ้เรื่องอย่างกะนิยายโนเวลนั่นมันอะไรกัน?” แต่ว่าขนาดพวกที่มาจากโรงเรียนเดียวกับผมยังแปลกใจที่เห็นว่าชิมิซุซังซึ่งไม่ให้ใครเข้าใกล้แม้แต่กับเพศเดียวกันนั้นอยู่กับพวกเราได้เหมือนเป็นเพื่อนกันปกติ 

 

“ซากุจัง มีซอสติดอยู่ที่แก้มแน่ะ” 

 

“เอ๊ะ? น่าอายจัง” 

 

แล้วซาเองุสะซังก็เอามือปาดซอสที่แก้มของชิมิซุซังที่นั่งอยู่ข้างๆออก 

 

ชื่อต้นของชิมิซุซังคือซากุราโกะ ซาเองุสะซังจึงเรียกเธอสั้นๆว่า “ซากุจัง” 

 

ผมรู้สึกว่าที่สองคนนั้นสนิทกันเป็นพิเศษน่าจะเพราะว่าความเป็นมิตรของซาเองุสะซังล่ะนะ 

 

 

หลังจากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันเพื่อที่จะกลับบ้าน 

 

“อิจิโจคุง!” 

 

ระหว่างที่ผมกำลังเดินกลับบ้านก็มีเสียงเรียกจากด้านหลัง เมื่อผมกันไปก็ต้องแปลกใจ 

 

—คนที่เรียกผมก็คือชิมิซุซัง 

 

เธอคงจะเดินตามผมมาได้สักพักแล้ว หลังจากที่เธอทำเป็นเดินแยกออกไป 

 

“เอ๊ะ? ชิมิซุซัง? มีอะไรเหรอครับ?” 

 

มันเกิดอะไรขึ้นฟะเนี่ย? ผมคิดในใจระหว่างที่พูดกับเธอ 

 

“ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อยน่ะ…..” 

 

เธอกล่าวออกมาด้วยท่าทางที่ดูจะแปลกกว่าปกติ

 

เมื่อผมเดินเข้าไปหา เธอก็ชี้ไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกลเๆและพูดว่า “พวกเราไปคุยกันที่นั่นได้มั้ย?” 

 

ดังนั้นผมจึงเข้าไปที่ร้านกาแฟด้วยกันกับชิมิซุซัง 

 

 

หลังจากพวกเราเข้ามาในร้านผมก็นั่งตรงหน้าของชิมิซุซัง 

 

ตอนที่พวกเรานั่งลง ผมอดไม่ได้เลยที่จะรู้สึกประหม่าเพราะว่าชิมิซุซังนั้นดูดีมาก 

 

ตอนแรกผมตอบรับอย่างไม่คิดอะไร แต่พอผมมองไปที่เธอก็ได้รู้ว่าเธอนั้นเหมือนกับซาเองุสะซังที่ผมจะมองหน้าตรงๆได้ยากมาก 

 

เธอเป็นหญิงสาวตัวเล็กที่มีผิวขาวสว่างและใบหน้าที่สวยเหมือนกับแมว ก็สมกับที่ได้เป็นหนึ่งในผู้หญิงสองคนที่สวยที่สุดในชั้นปีล่ะนะ 

 

“เอาล่ะ จะคุยเรื่องอะไรเหรอครับ?” 

 

ผมที่ไม่อาจทนได้อีกต่อไปจึงเอ่ยถามขึ้น 

 

“ฉันมีเรื่องอยากจะถามอิจิโจคุงเกี่ยวกับ…..” 

 

ชิมิซุที่น่าจะประหม่าอยู่พูดออกมาอย่างติดๆขัดๆ 

 

เธออย่างจะถามอะไรน่ะเนี่ย? 

 

“เกี่ยวกับเรื่องของ…….ยามาโมโตะคุงน่ะ…..” 

 

“หืม? เจ้าทาคายูกิน่ะเหรอครับ?” 

 

ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่ได้ยินชื่อเพื่อนรักของผมจากเธอ 

 

ดูเหมือนว่าเธอจะมาขอคำปรึกษาเรื่องเจ้าทาคายูกิแหะ 

 

“ใช่ๆ ยามาโมโตะคุงเขา…..มีแฟนหรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?” 

 

“แฟนเหรอ…..เหมือนจะมีอยู่นะครับ” 

 

ในที่สุดผมก็รู้สักที

 

รู้ว่าทำไมชิมิซุซังถึงมาปรึกษากับผมและในเมื่อผมได้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมสามารถพูดคุยกับเธอแบบปกติได้สักที 

 

แต่ว่าดูเหมือนชิมิซุซังจะที่ได้ยินคำตอบของผมจะช็อคไปแล้ว 

 

“พวกเขา….ยังคบกันอยู่เหรอ?……” 

 

ผมต้องขอโทษชิมิซุซังที่ถามกลับมาด้วยท่าทางหวั่นใจ แต่ว่าท่าทางของเธอนั้นน่ารักเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆเลยครับ 

 

“ตอนนี้หมอนั่นไม่มีหรอกครับ ก็จริงที่หมอนั่นเคยมีอยู่ แต่ว่าไอ้เรื่องนั้นมันก็ตั้งแต่สมัยประถมแล้วครับ” 

 

ใช่ครับ เจ้าทาคายูกิมีแฟนตั้งแต่อยู่ประถมและเป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆเท่านั้น 

 

หลังจากที่เจ้านั่นเข้าม.ต้นก็เอาแต่คลุกคลีอยู่กับกิจกรรมชมรม แม้ว่าหมอนั้นจะเผ็นที่นิยมมากๆ แต่ว่าก็ไม่เคยหาคนมาเป็นแฟนเลย 

 

จากนั้นผมก็ได้เล่าเรื่องของเจ้าทาคายูกิตอนก่อนเข้าเรียนม.ต้น 

 

ชิมิซุซังนั่งฟังเรื่องที่ผมเล่าด้วยรอยยิ้มอย่างสนใจ 

 

ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องที่ผมเล่านั้นน่าสนใจ แต่เธอดํจะมีความสุขที่ได้ฟังเรื่องของเจ้าทาคายูกิมากกว่า 

 

ผมบอกตรงๆเลยว่าผมอิจฉาหมอนั่นชะมัดที่มีสาวสวยอย่างชิมิซุซังมาชอบเนี่ย(T/N: เมิงไม่ต้องพู๊ดดด!!!) 

 

“แล้วคุณอย่างให้ผมช่วยเรื่องนี้มั้ยล่ะครับ?” 

 

“อะไรนะ? ช่วยเหรอ? ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นเลยนะ” 

 

เมื่อผมถามออกไปเธอก็โบกมือไปมาด้วยใบหน้าที่เขินอาย 

 

“ฉันก็แค่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีน่ะ…..” 

 

ชิมิซุซังหน้าแดงและกล่าวออกมาเสียงเบาอย่างน่ารัก ราวกับสาวน้อยกำลังมีความรัก 

 

“ผมไม่ได้ลำบากอะไรหรอกครับ ผมก็แค่ทำสิ่งที่ผมอยากทำน่ะ ถ้าอยากให้ช่วยอะไรก็บอกได้เลยนะครับ” 

 

ผมตัดสินใจที่จะช่วยเหลือชิมิซุซังให้ประสบความสำเร็จในรักแรกของเธอ 

 

แถมคนที่เธอชอบยังเป็นเพื่อนรักของผมด้วย 

 

—กามเทพทาคุยะ! ออกปฏิบัติการณ์! 

 

พูดจริงๆนะ ตอนที่ชิมิซุซังยิ้มออกมาและพยักหน้าเบาๆด้วยหน้าที่แดงแบบนั้นมันน่ารักชะมัด 

 

—เป๊ง! 

 

แล้วผมก็ได้ยินเสียงช้อนหล่นดังขึ้น 

 

เมื่อผมหันไปมองก็พบกับซาเองุสะซังที่นั่งอยู่ห่างจากโต๊ะของเรานิดหน่อย 

 

เธอพยายามที่จะซ่อนตัว แต่ว่ามันสายเกินไปแล้วล่ะ 

 

“อะไรกัน? ชิจังเหรอ?” 

 

เมื่อผมเรียกเธอออกไปซาเองุสะซังที่ถูกจับได้ก็หัวเราะออกมาเบา และชิมิซุซังก็พูดออกมาอย่างสับสนว่า “อะไรนะ? ชิออนจังเหรอ?” 

 

เมื่อซาเองุสะซังถูกพวกเราจับได้เธอก็ยิ้มออกมา แต่ผมว่าหน้าเธอตอนนี้มันดูน่ากลัวแปลกๆยังไงก็ไม่รู้สิ