ตอนที่ 33 สัปดาห์ที่ 11 อาคิยามะ เออิชิ (6)

ที่หนึ่งอันยอดเยี่ยมนั่น จะไปถึงมันอีกครั้งได้ไหมนะ

พากันเดินออกมาออกมาได้ไม่นานฝนก็เทลงมาจนได้ ถึงจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะตกลงมา แต่จู่ๆ ก็เทโซ่ลงมาแบบไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้ก็ตกใจเล็กน้อย

           โดยไม่รอให้เปียกปอนร่มในมือขวาผมทำหน้าที่ของมันได้แบบทันท่วงที ส่วนมือซ้ายก็ดึงโอโตเมะเข้ามาในร่ม

           โอโตเมะตัวแข็งเล็กน้อยแต่ไม่ได้ขัดขืนอะไร ผมมองเธอแวบนึงก่อนส่งร่มให้เธอ ส่วนเธอก็รับร่มไปแบบงงๆ

           “นี่ เธอชอบตุ๊กตาหมีไหม?” 

           “เอ๊ะ?” 

           โอโตเมะมองผมที่กำลังปลดสายกระเป๋างงๆ สลับกับมองหมีบนหลังผมที่ตอนนี้เปียกฝนไปนิดหน่อย

           “คือถ้าเธอไม่รังเกียจ อยากให้ช่วยรับเจ้านี่ไว้หน่อยน่ะ” 

           “เอ๊ะ!? ให้ฉันหรอ? ทำไมล่ะ?” 

           สายตาท่าทางสับสนมากกว่าจะเป็นความระแวงระวังแบบก่อนหน้านี้คือความเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่ผมสังเกตได้จากเธอ หน้าตาตอนประหลาดใจแบบนี้ก็ดูน่ารักดีไปอีกแบบ

           ผมยิ้มให้กับท่าทางนั้นของเธอแล้วจึงอธิบายให้เธอฟัง

           “คือฉันได้มาจากร้านปาลูกดอกในงานน่ะ แล้วก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร อีกอย่างเดี๋ยวจะไปบ้านเธอก่อน ถ้าเธอรับไว้ก็จะช่วยฉันได้มากน่ะ” 

           พอเสริมไปว่ามันออกจะน่าอายเกินไปหน่อยที่จะตุ๊กตาตัวขนาดนี้กลับบ้านน่ะ โอโตเมะก็หลุดขำออกมา

           “ฮุๆๆ ทั้งที่นายแบกเดินไปเดินมาในงานขนาดนั้นน่ะนะ เพิ่งจะมาอายเนี่ยไม่ช้าไปหน่อยหรอ?” 

           “แล้วจะให้ทำไงเล่า ตอนนั้นฉันอยู่คนเดียวนิ แถมเจ้าของร้านก็ไม่ยอมให้เปลี่ยนของรางวัลด้วย” 

           บ่นอุบอิบไปเรื่อยระหว่างปลดตุ๊กตาหมีลงมา โอโตเมะก็ยืนถือร่มขำผมอยู่ข้างๆ

           “นายเนี่ยก็มีด้านแบบนี้กับเขาด้วยซินะ” 

           ไม่เคยเห็นเธอยิ้มในระยะใกล้แบบนี้มาก่อน จะว่าไงดีล่ะ ดูแล้วก็น่ารักดีแฮะ

           [‘อ๊ะ! คิดบ้าไรวะเนี่ย’] 

           ผมรีบสลัดความคิดนั้นออกจากหัวก่อนที่ตัวเองจะเผลอแสดงมันออกมาให้โอโตเมะได้รู้ เมื่อกี้เพิ่งจะเจอเรื่องไม่ดีแบบนั้นมา ถ้ารู้ว่าผมมีความคิดแปลกๆ อีกคงจะขยะแขยงผมแน่

           ยื่นตุ๊กตาหมีไปให้แลกกับร่มที่เธอถืออยู่ ดูเธอชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับไป

           “ขอบคุณ ช่วยฉันได้เยอะเลย” 

           เห็นเธอกอดตุ๊กตาหมีแล้วก็คิดในใจว่าตุ๊กตาเนี่ยยังไงก็เหมาะกับผู้หญิงละนะจนเผลอพยักหน้าอยู่คนเดียว โชคดีที่โอโตเมะไม่ได้หันมามอง

           “นายเนี่ย ปกติเที่ยวให้ของผู้หญิงไปทั่วแบบนี้เองหรอ?” 

           จู่ๆ ก็ได้ยินคำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน ผมมองเธอแบบงงๆ แปบนึง ก่อนจะตอบคำถามนั้น

           “บ้าหรือเปล่า ใครจะไปทำอะไรอย่างนั้น ตุ๊กตาเนี่ยนอกจากแฟนเก่าแล้วก็ไม่เคยให้ใครหรอก” 

           “เอ๊ะ?!” 

           “หืมม…?” 

           โอโตเมะมองผมขึ้นๆ ลงๆ ด้วยสายตาเหมือนประเมินราคาสิ่งของ ถึงจะไม่ค่อยชอบใจแต่ก็พอเดาได้ว่าเพราะอะไร

           [‘คิดว่าฉันไม่เคยมีแฟนซินะ’] 

           “นายมีแฟนด้วยหรอ?” 

           [‘ทำไมตอนซื้อลอตเตอรี่ถึงไม่แม่นแบบนี้’] 

           “เคยมีแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว…อะไร? มองแบบนี้คือไม่เชื่อหรือไง?” 

           “ก็ไม่คิดว่าหน้าตาเถื่อนๆ แบบนายจะหาแฟนได้นินา ฮุๆๆ” 

           “เสียมารยาทจริงเธอเนี่ย” 

           ถึงจะโดนพูดเรื่องรูปร่างหน้าตาแบบตรงไปตรงมา แต่เพราะว่าอีกฝ่ายพูดด้วยรอยยิ้มที่ยิ้มไปถึงดวงตาเลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่การบลูลี่ แต่รู้สึกเหมือนโดนเพื่อนแซวแรงๆ มากกว่า

           โอโตเมะที่เดินอยู่ข้างๆ ยังคงหัวเราะแม้ว่าผมจะว่าเธอกลับไป อันที่จริงเวลาที่เธอว่าง่ายก็ดูเป็นเด็กที่น่ารักดี

           เราเดินคลุมร่มกันไปตามทาง ถ้าเป็นในอนิเมะนี่คงเป็นโมเมนต์แชร์ร่มของเหล่าคู่พระนางที่จะนำพาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้ขยับใกล้ชิดกันอีกนิดหนึ่ง แต่ในชีวิตจริงมันไม่ใช่อะไรแบบนั้น

           เปียก ชื้น เฉอะแฉะ เดินลำบาก และอีกหลายๆ อย่างที่มองยังไงก็หาความโรแมนติกไม่เจอ

           จริงอยู่ว่าถ้าคนที่เดินด้วยเป็นคนที่ชอบก็คงมีอาการใจเต้นตึกตักกันบ้างและมองข้ามเรื่องจุกจิกไปได้

           “เจ้าตัวนี้น่ะ ให้ฉันจะดีหรอ?” 

           จู่ๆ โอโตเมะก็ถามขึ้นมาขัดความคิดที่กำลังฟุ้งซ่านของผม ผมหันไปมองข้างๆ ก็เจอกับสายตาที่มองมา ในดวงตาวาววับฉ่ำน้ำนั่นแผงไว้ด้วยความลังเลไม่แน่ใจ

           “ถ้าเธอไม่ชอบจะให้คนอื่นหรือทิ้งไปก็ได้” 

           “เห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ย ของที่คนอื่นตั้งใจให้มาก็ต้องเก็บไว้ดีๆ ซิ” 

           “ถ้าแบบนั้นเธอจะทิ้งไปก็ได้ เพราะอันที่จริงมันไม่ใช่ของที่ฉันตั้งใจหามาให้เธอ” 

           โอโตเมะตอบอืม กลับมาเบาๆ ผมรู้ว่าเธอเข้าใจว่าผมพูดถึงเรื่องอะไร ผมเลยพูดต่อ

           “ที่จริงฉันเองก็ต้องขอโทษเธอด้วยที่อยู่ๆ ก็ยัดเยียดของไปให้ เพราะงั้นถ้าเธอไม่ชอบ ก็ไม่ต้องฝืนเก็บไว้หรอก” 

           “ไม่หรอก ที่จริงฉันชอบตุ๊กตาหมีมาก แถมตัวใหญ่ขนาดนี้เพิ่งเคยได้เป็นครั้งแรก แต่ก็อย่างที่นายว่านายไม่ได้ตั้งใจเอามาให้ฉันตั้งแต่แรก ฉันเลยกังวลว่าถ้าฉันเอาไปมันจะดีจริงๆ น่ะหรอ” 

           กลายเป็นแบบนั้นไปซะได้ ผมโล่งใจนิดหน่อยที่เธอไม่ว่าผมยัดเยียดของแปลกๆ มาให้ กำลังนึกคำเท่ๆ ตอบกลับไป โอโตเมะก็พูดคำที่ทำให้ผมสะดุดพื้นขึ้นมาซะก่อน

           “แบบนี้แฟนนายจะไม่ว่าหรอ?” 

           กึก…สะดุด

           ใช่ครับ ผมสะดุดจริงๆ จังหวะโบ๊ะบ๊ะมาก

           ร่มเอียงไปเล็กน้อย โชคดีที่เป็นร่มคันใหญ่โอโตเมะเลยไม่เปียกฝน เธอหันมามองผม ดวงตากลมโตที่โค้งนิดๆ นั่นเหมือนกับถามผมว่า ทำอะไรของนายน่ะ

           ผมเก๊กหน้าตัวเองสุดฤทธิ์กันไม่ให้แก้มตัวเองกระตุก แล้วจึงพูดกับโอโตเมะเหมือนเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น

           “ฉันว่าฉันบอกไปแล้วนะว่าตอนนี้ฉันไม่ได้คบกับใคร ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งจะว่าฉันไปเองหน้าว่าหน้าตาเถื่อนไม่น่ามีแฟนน่ะ” 

           “โทษที อันนั้นล้อเล่นน่ะ แต่เมื่อกี้ตอนที่เจอเพื่อนนายหน้าร้านสะดวกซื้อ เขาบอกให้นายกลับไปหาแฟนก่อนได้เลยน่ะ ไม่ได้หมายถึงแฟนนายหรอ?” 

           “หา??” 

           “เอ๊ะ??” 

           พอโอโตเมะพูดจบก็หันมามองผมด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ ส่วนผมก็จ้องเธอด้วยแววตาสับสน เราเลยหยุดเดินกัน

           สมองผมประมวลความทรงจำที่เกิดขึ้นหน้าร้านสะดวกซื้อเมื่อราวๆ 20 นาทีที่แล้ว ประมวลแล้วประมวลอีกก็นึกไม่ออกว่าใครบอกให้ผมกลับไปหาแฟนก่อน

           “ใครเป็นคนพูดว่าให้ฉันกลับไปหาแฟนก่อนล่ะน่ะ?” 

           “ก็…เพื่อนนายไง น่าจะเป็นคนที่ตัวเตี้ยๆ หน่อยที่เดินออกมาคนแรกน่ะ” 

           ตัวเตี้ย เดินออกมาคนแรก โคสุเกะ?

           ผมเงยหน้ามองร่มนึกคำพูดของโคสุเกะทั้งหมดในตอนนั้นออกมาที่ประโยค

           -“…เนอะ สุดยอด… เอ๊ะ!? เออิชิ?”-

           -“หืมม…เด็กผู้หญิง? จับมือ? ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่? หระ..หรือว่า!!!”-

           -“เดต!!!”-

           -“ไม่ต้องห่วง นายพาแฟนกลับไปก่อน ทางนี้พวกฉันดูแลเอง”-

           [‘หืมม เอ…หรือจะอันนี้’] 

           เพื่อความชัวร์ต้องถามให้แน่ใจ

           “เพื่อนฉันพูดตอนไหน ตอนแรกที่พวกเขาออกมาจากร้านสะดวกซื้อ หรือตอนที่พวกเราจะหนีมา” 

           “อ๊ะ เอ่ออ ตอนที่เราจะหนีมาล่ะมั้ง อืมม..ใช่แหละ ตอนที่พวกเรากำลังจะออกมา” 

           ได้ยินดังนี้ผมก็ถึงบางอ้อ ยัยโอโตเมะคงฟังผิด เลยเข้าใจว่าผมมีแฟน

           “โคสุเกะไม่ได้บอกว่าให้ฉันกลับไปหาแฟนก่อน แต่บอกให้ฉันพาแฟนกลับไปก่อน” 

           “อ้าวหรอ ฉันก็นึกว่าให้นายกลับไปหาแฟนก่อน งี้นี่เอง ฉันฟังผิดซินะ แต่นายไม่มีแฟนแล้วบอกให้นายพาแฟนกลับบบ…” 

           โอโตเมะที่ทำท่าจะเดินต่อหยุดกึกอยู่กับที่ ผมเห็นเธอนิ่งไปสักพักก่อนจะหันควับกลับมามองผม วูยยย…คอจะเป็นอะไรไหมนั่น

           “ฉันไม่ได้เป็นแฟนนายนะ!!” 

           โอโตเมะโพล่งออกมาเสียงดัง โชคดีที่ตอนนี้มีเสียงฝนและรอบๆ ตัวเราก็ไม่มีคนอื่นอยู่ ไม่งั้นคงจะอายไม่น้อย

           โอโตเมะก็เหมือนจะรู้ตัวหลังพูดออกไป ตาเธอเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะพูดขอโทษผมเบาๆ

           ผมเองก็ไม่ได้โกรธอะไรเธอเลยแค่ยิ้มๆ กลับไป แต่การที่ถูกเด็กสาวปฏิเสธความสัมพันธ์แบบชัดถ้อยชัดคำโดยไม่เสียเวลาคิดแบบนี้ก็ทำเอาความมั่นใจในฐานะผู้ชายลดลงไปหลายพอยต์อยู่เหมือนกัน

           ผมและโอโตเมะเริ่มออกเดินต่อ จังหวะก้าวไม่ถือว่าเร็วนักสำหรับผมคิดว่าคงพอๆ กับโอโตเมะ

           “ไม่ต้องขอโทษก็ได้ยังไงก็เป็นเรื่องจริงที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างฉันก็รู้มาว่าเธอกำลังมีฤดูใบไม้ผลิกับเด็กผู้ชายที่โรงเรียนอยู่” 

           “เอ๊ะ??” 

           “ขอโทษถ้าพูดอะไรที่เป็นการก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว ฉันได้ยินเรื่องนี้มาจากคุณคาวากุจิ เหมือนเธอจะกังวลกับความรักของเธอครั้งนี้พอสมควร” 

           ผมก้มหัวขอโทษโอโตเมะเล็กน้อยที่ยุ่มย่ามชีวิตส่วนตัว โอโตเมะเงยหน้ามองผมอย่างอึ้งๆ แล้วก็หันกลับไปมองทางเดินต่อ ผมจึงปล่อยให้เธอเดินไปเงียบๆ

           “ฉันกับนิโนะมิยะคุงเราเป็นแค่เพื่อนกันน่ะ ไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบคนรักอะไรแบบนั้น” 

           จู่ๆ โอโตเมะก็พูดออกมาลอยๆ ผมหันไปมองก็เห็นเธอซุกใบหน้าครึ่งหนึ่งไว้หลังหัวตุ๊กตาหมี มองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

           “งั้นหรอ…” 

           ตอบเธอไปแบบนั้นแล้วก็นึกเรื่องคุยต่อไม่ออก สุดท้ายก็เดินกันไปจนถึงสถานีรถไฟ

           “ส่งแค่นี้ก็ได้” 

           โอโตเมะพูดกับผมที่กำลังจะเดินไปที่ช่องตรวจตั๋ว ผมหันไปมองเธอที่ยืนกอดตุ๊กตาหมีไว้ด้วยท่าทางไร้เดียงสา

           “แต่เธอจะเปียกเอานะตุ๊กตาก็จะเปียก ตัวใหญ่ขนาดนั้นทำความสะอาดยากเอาเรื่องเลยนะ” 

           “กว่าจะถึงฝนก็น่าจะหยุดแล้ว หรือถ้ายังไม่หยุดเดี๋ยวฉันซื้อร่มที่หน้าสถานีเอาก็ได้” 

           “ไม่อยากให้ไปส่ง?” 

           “เปล่า ฉันเกรงใจ แค่ที่นายช่วยฉันออกมาจากผู้ชายสี่คนนั้นก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว” 

           “ไม่ได้ลำบากใจที่ฉันจะไปส่งที่บ้านใช่ไหม?” 

           “เปล่า ไม่ได้คิดแบบนั้น แค่…เกรงใจ” 

           “งั้นไปกันเถอะ เรื่องเกรงใจก็ไม่ต้องคิดมากหรอก แค่เธอช่วยรับตุ๊กตาหมีไปก็ช่วยฉันได้มากแล้ว ก็ถือว่าเราหายกันก็แล้วกัน” 

           ป่ะ…เอ่ยปากชวนเธอแล้วเดินผ่านช่องตรวจตั๋วไปก่อน โอโตเมะลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมตามมาแต่โดยดี แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจพลาดเล็กน้อยเพราะเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย บรรยากาศเลยดูอึดอัดแปลกๆ

           “ขอโทษที่รบกวนนะ ขอบคุณที่มาส่ง แล้วก็ขอบคุณสำหรับเรื่องอื่นๆ ด้วย ทั้งที่ช่วยฉัน ทั้งเรื่องคุณหมี” 

           “คุณหมี? …” 

           ผมทวนคำพูดของโอโตเมะเบาๆ แต่เธอคงได้ยินและรู้ตัวว่าเผลอหลุดคำพูดแปลกๆ ออกมา หน้าเธอเลยแต้มด้วยสีแดงจางๆ

           “อะ…อื้ม ไงก็ขอบคุณนะ กลับดีๆ ล่ะ บาย” 

           รัวมาเป็นชุดชนิดที่ไม่ให้ผมได้มีโอกาสตอบอะไร แล้วก็หนีเข้าบ้านไป

           “รู้สึกเดจาวูยังไงไม่รู้แฮะ” 

           พอยกมือขึ้นมาเกาแก้มก็พบว่ามุมปากตัวเองกำลังยกอยู่ ผมส่ายหัวเบาๆ แล้วเดินกลับ เป้าหมายคือบ้านของรุ่นพี่นาคาจิมะ

           ภารกิจสตอกเกอร์สาวที่ได้รับมอบหมายมาก็ถือว่าลุล่วงไปได้ด้วยดี แม้จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันชวนให้ตื่นเต้นอยู่บ้างแต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร

           ผมเดินหลบแอ่งน้ำขังบริเวณทางเท้า ผิวน้ำที่ขังอยู่เรียบนิ่งสะท้อนแสงแดดที่โผล่ออกมาหลังเมฆฝนเคลื่อนที่ผ่านไป

           จริงอย่างที่โอโตเมะว่า กว่าเราจะถึงบ้านฝนก็หยุดตกแล้ว