*ชิ้ง ชิ้ง*
*ตุบ*
“เอาล่ะ พอแค่นี้ก่อน”
เชลลี่กำลังฝึกซ้อมดาบใหญ่ซึ่งดูไม่เข้ากับขนาดร่างกายของเธอ เธอเอามือเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาจากหน้าผาก แม้อากาศจะหนาวเย็นแต่เหงื่อก็ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่เธอเก็บดาบ เธอก็เดินไปหยิบผ้าร้อนจากสาวใช้ เธอซับเหงื่อเบา ๆ แล้วเดินไปหาเมอร์ลิน
“คุณแทบจะไม่ขยับไปไหนเลย พวกพ่อมดเป็นอย่างนี้กันหมดหรือ?”
เชลลี่มองเมอร์ลินอย่างสงสัย ตั้งแต่ที่เธอเริ่มฝึกดาบเป็นเวลาอย่างน้อย 3-4ชั่วโมง เมอร์ลินก็คงยังนั่งอยู่นเก้าอี้ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน มันทำให้เธอรู้สึกสนใจอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวเขา
เมอร์ลินได้ลืมตาเล็กน้อย แม้เขาจะทำสมาธิอยู่ เขาก็ยังสามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบได้อย่างชัดเจน
ตัวเขาอยู่ในปราสาทของเคานต์เซลินมาสองสามวันแล้วและวันนี้เป็นวันที่เมอแรงค์จะมาแก้แค้นตามที่เขาได้เขียนไว้ในจดหมายซึ่งมันตรงกับวันที่เคานต์เซลินได้สั่งให้กำจัดตระกูลเนลสันในอดีต
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมอร์ลินตื่นตัวกว่าปกติเพราะเขาไม่รู้ว่าเมอแรงค์จะมาไม้ไหน
“คุณหนูเชลลี่ ผมเองก็มีน้องสาวเหมือนกันอายุพอ ๆ กับท่านเลย” เมอร์ลินไม่ตอบคำถามเชลลี่โดยตรงแต่เขาเปลี่ยนถึงพูดถึงเมซี่ส์แทน
“โอ้ น้องสาวของคุณโตมาในอาณาจักรแห่งแสงงั้นเหรอ เธอได้ฝึกดาบแบบเรารึเปล่า?”
อย่างที่เมอร์ลินคาดไว้ เชลลี่เปลี่ยนมาสนใจเรื่องนี้ทันที ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเชลลี่มักจะมาหาเขาและให้เขาเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจของอาณาจักรแสงเสมอ
เรื่องราวที่เขาเล่า มันมักจะดึงดูดความสนใจเด็กสาวอย่างเชลลี่
เมอร์ลินพยักหน้า “ถูกต้อง เมซี่ส์ฝึกดาบเหมือนกับท่านเลย เธอฝึกดาบมาตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนนั้นเธอเรียนรู้การเป็นนักดาบธาตุจากโบสถ์เทพแห่งแสง…”
เมอร์ลินไม่รู้เรื่องราวของเมซี่ส์มากนัก เขาเล่าเรื่องของเธอไปตามที่เขารู้แต่เรื่องที่เขาเล่าเรื่องหนึ่งที่ทำให้เชลลี่รู้สึก ‘สนใจ’ นั่นก็คือเรื่องที่เมซี่ส์เคยด่าว่าแอนสันอย่างดุร้าย เมื่อเชลลี่ได้ฟังเรื่องนี้มันทำให้ดวงตาของเธอเปล่งประกายออกมาอย่างสดใส
“พ่อมดเมอร์ลิน เมซี่ส์น้องสาวของท่านอยู่ที่เมืองปรากาซรึเปล่า เธอกล้าหาญมากที่กล้าต่อว่าเพื่อนพี่ชายของตัวเองด้วย ขนาดเราเองยังไม่กล้าหาญขนาดนั้นเลย แล้วน้องสาวของคุณได้เป็นนักดาบธาตุรึยัง?” เชลลี่ถาม ท่าทางของเธอดูจะประทับใจ ‘ความกล้าหาญ’ ของเมซี่ส์มาก
เมอร์ลินส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า “ยังหรอก ตอนนี้เมซี่ส์ยังไม่ได้เป็นนักดาบธาตุน่ะ”
บางทีอาจมีบางอย่างที่ผิดปกติกับร่างกายของเธอที่ทำให้จนถึงทุกวันนี้ทำให้เธอไม่สามารถเป็นนักดาธาตุได้ซะที ผิดกับเชลลี่ แม้เธอจะยังเด็กและไร้เดียงสาแต่เธอก็เป็นนักดาธาตุแล้ว
“ยังไม่ได้เป็นนักดาบธาตุงั้นเหรอ?…บางทีอาจเป็นเพราะวิธีการฝึกฝนของเธอก็ได้นะ ดูอย่างพี่ชายของเราสิ เขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ตอนนี้เขาเป็นนักดาบธาตุระดับห้าแล้ว เขาเคยฆ่าหมาป่าน้ำแข็งด้วยมือเปล่าด้วยซึ่งก่อนหน้านี้เราได้ฝึกฝนกับพี่ชายนั่นทำให้เราได้กลายเป็นนักดายธาตุอย่างรวดเร็ว” ตอนนี้ที่เชลลี่กล่าวถึงคูก เธอดูภาคภูมิใจในพี่ชายของเธอมาก
“นายพลคูกเหรอ? ผมเองก็ไม่เคยเห็นใครแข็งแกร่งเท่าเขามาก่อนเลย”
เมอร์ลินเห็นด้วยในเรื่องนี้เพราะว่าในระหว่างที่เขาเดินทางจากอาณาจักรแห่งแสงมาอาณาจักรแบล็กมูน เขาได้พบกับนักดาบธาตุที่แข็งแกร่งมากมายแต่อย่างไรก็ไม่ก็ไม่มีใครแข็งแกร่งเทียบคูกได้เลย
ด้วยออร่าของเขาทำให้เมอร์ลินรู้สึกถึงอันตราย แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักเวทย์แต่เมอร์ลินก็ตื่นตัวอยู่เสมอเมื่ออยู่ใกล้เขา
“อืม…เราได้ยินมาว่าพ่อมดเมอร์ลินเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่ง แม้เราจะเคยเห็นมาบ้างแล้วแต่เราก็ไม่รู้ว่าคุณแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าเทียบกับพี่ชายของเรา” เชลลี่เอียงศีรษะถามแล้วหัวเราะคิกคัก
เมอร์ลินถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเขาไม่พูดอะไรจึงทำให้เชลลี่พูดต่อ
“แน่นอนว่าพี่ชายต้องแข็งแกร่งกว่าแน่นอน คุณยังไม่เคยเห็นเวลาที่เขาต่อสู้นั้นดุเดือดมากแค่ไหน ดังนั้นแล้วคนที่ชื่อเมอแรงค์คนนั้นที่ต้องการทำร้ายท่านพ่อ พี่ชายของเราจะไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่นอน ดังนั้นเราจึงไม่ต้องกลัวอะไร” เชลลี่กล่าวอย่างมั่นใจ เธอดูมั่นใจในตัวของคูกมาก
หลังจากนั้นเมอร์ลินก็ไม่พูดอะไรต่อทำให้เชลลี่รู้สึกหมดสนุกและเธอกลับไปฝึกดาบของเธออีกครั้ง
เมอร์ลินหันไปมองในห้องโถง เขาเห็นชายชราที่นั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับรูปปั้น
เมอร์ลินรู้สึกว่าพลังจิตของเขาน่าจะสูงพอ ๆ กับ นักเวทย์ระดับหนึ่งหรือไม่ก็ระดับสอง แต่ที่น่าแปลกคือเขาพยายามรักษาพลังจิตให้เทียบเท่าเมอริ์ลน เรื่องนี้มันดูแปลกมากสำหรับเขา
เมอร์ลินจึงตัดสินใจลุกขึ้นและเดินไปหาชายชรา
ชายชราชุดดำสัมผัสได้ถึงตัวตนของเมอร์ลิน เขาจึงลืมตาขึ้นมา
“พ่อมดฮิลล์ คุณคิดว่าเคานต์เซลินจะจัดการเมอแรงค์ได้มั้ย” เมอร์ลินถามอย่างใจเย็น
ชายชราในชุดดำเหลือบไปมองด้านนอกปราสาท สายตาของเขาทอดยาวไปไกล เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม
“เคานต์เซลินได้ปล่อยให้นายพลคูกจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม เขาได้เตรียมการอย่างดีคงไม่มีเรื่องอะไรที่พ่อมดเมอร์ลินต้องกังวล”
“เตรียมตัวดีอย่างงั้นเหรอ?”
เมอร์ลินคาดคั้นฮิลล์ เขาไม่เชื่อว่าของแค่นี้จะจัดการเมอแรงค์ได้ เขาเป็นพ่อมดก็ต้องรู้ตัวเองว่าแพ้อะไร เขาคงมีทางเดินดุ่ม ๆ แล้วมาติดกับดักหรอก
“เมอแรงค์เป็นคนของหอคอยอเวจี ถ้าหากเขานำอุปกรณ์เวทมนต์มาด้วย คุณคิดจริง ๆ เหรอว่าการเตรียมการของนายพลคูกจะรับมือกับของพวกนั้นได้” เมอร์ลินกล่าวอย่างเยาะเย้ย
เขานึกถึงตอนที่สู้กับพ่อมดเจสัน ด้วยสถานการณ์ที่เข้าตาสุด ๆ ถึงกับให้เขางัดทุกอย่างมาใช้เพื่อจัดการพ่อมดเจสัน
ถ้าหากเมอแรงค์มีอุปกรณ์เวทมนต์ที่แข็งแกร่ง การเตรียมการของคูกคงจะไร้ประโยชน์ไปเลย
พ่อมดฮิลล์ได้หันมามองเมอร์ลินอย่างประทับใจ เขาพยักหน้าเบา ๆ และยื่นมือที่เหี่ยวย่นออกมา เขาชี้มาที่เมอร์ลินและพูดด้วยน้ำเสียงสงบ
“นี่คือสาเหตุที่ท่านเคานต์เชิญพวกเรามา การจะจัดการนักเวทย์ก็ต้องใช้นักเวทย์ด้วยกันเท่านั้น”
เมอร์ลินรู้สึกหนักอึ้งกับภาระที่ได้รับ ดูเหมือนทั้งเคานต์เซลินกับพ่อมดฮิลล์จะรู้ดีว่าการเตรียมการของคูกไม่สามารถหยุดยั่งเมอแรงค์ได้
ดูเหมือนไพ่ที่เคานต์เซลินได้หมอบไว้ใช้จัดการกับเมอแรงค์ น่าจะเป็นชายชราชุดดำคนนี้!