ท้องนภาที่ค่อย ๆ มืดลง หยาดฝนที่โปรยปรายลงมาและหิมะยังคงกองทับถมอยู่ด้านนอก บางครั้งก็มีสายลมหนาวพัดกรรโชกเข้ามาในตัวบ้าน
เปลวไฟในเตาผิงยังคงส่งความร้อนออกมาเพื่อบรรเทาความหนาวเย็นจากภายนอก เสียงฟืนที่แตกดังออกมาท่ามกลางห้องโถงอันเงียบงัน
ภายในห้องโถงนั้นมีเพียงสี่คนอยู่ในห้องมี เคานต์เซลิน ชายชราชุดดำ พ่อมดฮิลล์ เชลลี่และเมอร์ลิน
เคานต์เซลินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้และนั่งอยู่ข้างเตาผิง เขาหรี่ตามองเปลวไฟในเตาผิงที่กำลังลุกโชน แม้สีหน้าของเขาจะดูสงบแต่มือของเขากำแน่นเพื่อซ่อนอาการสั่นเทาเอาไว้
พ่อมดฮิลล์ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่พื้น ที่รอบตัวของเขามีบรรยายกาศอันลึกลับกระจายออกมา
ส่วนเชลลี่ เธอเดินไปมารอบ ๆ ห้องโถงโดยไม่รู้จะทำอะไร ที่ทุกคนทำตัวแปลก ๆ แบบนี้เนื่องจากวันนี้เป็น ‘วันแก้แค้น’ ของเมอแรงค์
เคานต์เซลินได้เรียกเชลลี่ให้มาที่ห้องโถงด้วย เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างน้อย ๆ ก็ให้ลูกสาวของเขาอยู่ในสายตาจะดีหว่า
ทางด้านเมอร์ลิน เขานั่งทำสมาธิอยู่ตลอด เนื่องจากมันไม่ใช้เวลาที่เหมาะสมสำหรับการฝึกเวทมนต์หรือกระบวนท่าลึกลับดังนั้นเขาจึงฝึกฝนเพื่อเพิ่มพลังจิตของเขา
แต่ถึงเขาจะทำสมาธิแต่เขาก็ไม่ลดการป้องกันของเขา หากมีอะไรเกิดขึ้นเขาพร้อมที่จะออกจากการทำสมาธิทันที
ตอนนี้ใกล้จะเวลากลางคืนแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ใช่แค่เมอร์ลินเท่านั้นทุกคนต่างก็สงสัยเช่นกัน เป็นไปได้มั้ยว่าเมอแรงค์จะถอดใจไม่มาแล้ว?
“ท่านพ่อ ท่านพี่ไปไหนเหรอคะ?” เชลลี่ถาม
ตัวเธอนั้นเป็นเด็กสาวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดที่ต้องอยู่ในห้องโถงตลอดทั้งวัน
“เชลลี่ ลูกช่วยฟังพ่อหน่อยนะ วันนี้มันไม่ใช่วันธรรมดา ๆ นะ อย่า…”
*ตูม!!*
เคานต์เซลินกำลังจะดุเชลลี่ จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอก
จากนั้นก็มีเสียงดังจากด้านนอก พวกเขารู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้าของม้าพร้อมกับเสียงตะโกนของผู้คน
“เขามาแล้วสินะ” เมอร์ลินลืมตาขึ้น เขาออกจากการทำสมาธิทันที เขาหันไปมองด้านนอกอย่างรวดเร็ว
ทางด้านเคานต์เซลินที่ดูเครียดมากขึ้นทุกที เขาเอามือทั้งสองข้างจับที่วางแขนของเก้าอี้ไว้แน่นและจ้องมองไปที่ด้านนอก ส่วนพ่อมดฮิลล์ที่ดูสงบ เขาก็เงยหน้าแหล่ตาไปมองด้านนอกเช่นกัน
*พรึ่บ!!*
ทันใดนั้นเองประตูได้เปิดออก ทุกคนในห้องโถงจ้องมองไปที่ประตู
ลมหนาวได้พัดเข้ามาพร้อมกับร่างใหญ่ได้ปรากฏตัวขึ้น
“คูกเหรอ ข้างนอกมันเกิดอะไรขึ้น?” เคานต์เซลินถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ชุดเกราะสีดำของคูกถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ดวงตาของเขาแดงก่ำบ่งบอกว่าเขาเฝ้ายามโดยไม่ลดการ์ดลงเลยแม้แต่น้อย
“ท่านพ่อ เมื่อกี้ม้าในคอกของพวกเราเกิดแตกตื่นวิ่งออกมาจากคอก พวกมันวิ่งไปชนคนของเราจึงทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายเล็กน้อย ผมได้ส่งคนไปควบคุมแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายแล้ว” คูกได้อธิบายสั้น ๆ ดูเหมือนว่าเมอแรงค์จะยังมาไม่ถึง
“บางทีทุกคนอาจจะกังวลมากเกินไป คูกเฝ้าระวังต่อไป ตอนนี้ท้องฟ้ากำลังจะมืดสนิทแล้วและนี่ก็เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ห้ามทุกคนลดการ์ดลงอย่างเด็ดขาด”
หลังจากที่เคานต์เซลินกล่าวเสร็จ เขากำลังปล่อยให้คูกหลับไปข้างนอก แต่ทันใดนั้นเองพ่อมดฮิลล์ที่นิ่งสงบมาโดยตลอด จู่ เขาก็ลุกพรวดขึ้นมา
“เมอแรงค์มาถึงแล้ว!!” ชายชรากล่าวพร้อมกับหัวเราะด้วยเสียงแหบ
คูกขมวดคิ้ว เขาจ้องมองชายชราอย่างเย็นชาและถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร “พ่อมดฮิลล์ คุณรู้ได้อย่างไรว่าเขามาถึงแล้ว ผมได้ตรวจสอบทุกอย่างโดยละเอียดไม่มีทางที่เขาจะสามารถเล็ดรอดเข้ามาในปราสาทได้แน่นอน”
*ตูม!!*
เมื่อคูกกล่าวจบก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอกอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องอัน่าสะพรึงกลัว
“เขามาแล้วจริง ๆ” เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดด้วยเสียงต่ำ
เขารู้สึกได้คลื่นพลังธาตุไฟอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมา นี่คือลักษณะของนักเวทย์ที่กำลังร่ายเวทย์ออกมา
สีหน้าของคูกได้มืดลงทันที เขาได้หันหลังพุ่งออกไปจากห้องโถง
“ห้าปี!!!…ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเคานต์เซลิน ฉันยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ไม่ลืม ทั้งพ่อแม่ พี่ชายและน้องสาวของฉัน…พวกเขาทั้งหมดถูกฆ่าตายในวันนี้ตามคำสั่งของแก!!! ฮ่า ๆๆ นอกจากวันนั้นที่แกฆ่าฉันไม่ตายแล้ว ฉันยังได้เป็นนักเวทย์อีกด้วย! วันนี้เป็นวันแห่งการแก้แค้น ทุกคนในปราสาทนี้ต้องตาย!!”
ชายหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาลสวมชุดเกราะดังเช่นอัศวินทั่วไป ลูกบอลเพลิงอันร้อนแรงได้พุ่งออกจากมือของเขาและแผดเผาเหล่าอัศวินคนแล้วคนเล่าที่มาขวางทางเขา
ไม่ว่าจะเป็นนักดาบธาตุระดับหนึ่ง สองหรือสาม พวกเขาไม่สามารถป้องกันพลังไฟเหล่านั้นไว้ได้ ความร้อนได้ละลายหิมะที่อยู่รอบ ๆ ร่างที่ถูกเผาไหม้ จากนั้นควันก็ได้ลอยขึ้นมาพร้อมพร้อมกับเสียงกรีดร้องอันแสนเจ็บปวด
“เมอแรงค์!!”
คูกตะโกนออกมา เขาจ้องมองเมอแรงค์ด้วยใบหน้าที่น่ากลัว ภายหลังจากที่เห็นชุดเกราะของเมอแรงค์ก็ทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าเมอแรงค์อยู่ในปราสาทมาตั้งแต่ต้น
ดูเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้จะเป็นฝืมือของเขาเพื่อสร้างความวุ่นวายเพื่อการเตรียมการของคูกนั้นยุ่งเหยิง
เมื่อเมอแรงค์บรรลุจุดประสงค์ของเขาแล้ว เขาจึงเผยตัวออกมาและเริ่มทำการสังหารทันที
แม้ว่าเมอแรงค์จะเต็มไปด้วยไฟแค้นแต่เขาก็ใจเย็นและรู้ตัวตลอดเวลา เวลาที่เขาร่ายเวทย์ใส่พวกอัศวิน หากเปลวไฟมากระทบถึงตัวเขา เขาจะหลบออกได้อย่างทันท่วงที
“นี่มันคาถาธาตุไฟกับคาถาธาตุลม!!” พ่อมดฮิลล์ที่อยู่ด้านอกได้กล่าวออกมา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เมอแรงค์ราวกับว่ากำลังประเมินความสามารถของคนที่สามารถเข้าไปในหอคอยอเวจีได้
เมอร์ลินก็สังเกตเห็นว่าเป็นคาถาไฟกับคาถาลมเช่นกัน โดยคาถาไฟของเมอแรงค์แตกต่างจากคาถาลูกไฟของเขา ตรงที่มันไม่สามารถระเบิดออกมาได้แต่มันสามารถกระจายบนพื้นทำให้เกิดทะเลเพลิงได้ซึ่งมันสามารถสร้างความเสียหายได้วงกว้าง
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาก็คือ คาถาธาตุลมของเมอแรงค์ที่ทำให้เขาเคลื่อนไหวว่องไวจับตัวยากราวกับผี
นี่มันคือคาถาเสริมความเร็วที่เมอร์ลินกำลังมองหา!!
“เมอแรงค์!!!” คูกตะโกนออกมาราวกับสัตว์ร้าย เสียงของเขาดังก้องไปทั่วปราสาท
จากนั้นเขาก็พุ่งไปหาเมอแรงค์พร้อมออร่าทีค่อย ๆ แผ่ออกมาอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
“การต่อสู้ได้เริ่มต้นแล้ว” พ่อมดฮิลล์กล่าว
ตอนนี้ทุกสายตาในปราสาทกำลังจับจ้องการต่อสู้ระหว่างคูกกับเมอแรงค์ ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้จะเป้นเช่นไร