ชาร์ลยิ้มอย่างลึกลับ “ความเชื่อของฉัน…แตกต่างจากปู่ของฉันเล็กน้อย ฉันจะเล่ามากกว่าถ้าคุณสนใจ”

“แน่นอน” ลูซีหยูพูดอย่างจริงจังพร้อมพยักหน้า “ฉันสนใจมาก”

“คุณเชื่อในสายพันธุ์เลือดมั้ย?” ชาร์ลถาม

“แวมไพร์?” ลูซีหยูกล่าวด้วยความประหลาดใจ

คำเหล่านี้มีความแตกต่างกันดังนั้นชาร์ลจึงส่ายหัว “ไม่ สายพันธุ์เลือด!”

ลูซีหยูหรี่ตาของเค้า คำถามของเค้าทำให้เค้ารู้สึกสงสัยมาก เค้ามองไปที่ชาร์ล “มีตำนานมากมายเกี่ยวกับสายพันธุ์เลือด” เค้ากล่าว “ใครๆก็สามารถย้อนกลับไปได้ถึงหลายพันปีที่ผ่านมา ไปยังอารยธรรมเมโสโปเตเมีย มีบันทึกของพวกเค้าในตำรายิวโบราณและจากจักรวรรดิโรมัน บางคนบอกว่าพวกเค้าเป็นลูกหลานของคาอินฆาตกรคนแรกตามที่บอกในไบเบิลซึ่งฆ่าพี่ชายของเค้าเองเพียงเพราะอิจฉา บางก็บอกว่าพวกเค้ามาจากยูดาห์หรือผู้ปกครองวาลลาเชียนแดร๊กคูล่า”

เค้าหยุดพูดสักครู่ “นับตั้งแต่ยุคกลางคริสตจักรคาทอลิกได้ออกฤษฎีกาหลายฉบับเกี่ยวกับสายพันธุ์เลือดราวกับว่าสายพันธุ์เป็นศัตรูตัวฉกาจ นี่ดูเหมือนจะเป็นการพิสูจน์การมีอยู่จริงของพวกเค้า ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตที่ดูดเลือดได้ถูกซ่อนอยู่ท่ามกลางมนุษย์มานานหลายศตวรรษ” ลูซีหยูหยุดแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่ เรื่องเหล่านี้เป็นแค่ตำนานที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ไม่มีใครเคยพบพวกมันมาก่อนจริงๆ มันเป็นเพียงตำนาน”

ชาร์ลส่ายหัว “ไม่ มันไม่ใช่แค่ตำนาน ถ้าคุณเต็มใจฉันสามารถแสดงให้คุณเห็นโลกที่แตกต่างได้”

“จริงหรอ?” ลูซีหยูถามด้วยความสนใจ “ฉันสนใจเป็นอย่างมาก”

ทั้งสองแลกเปลี่ยนนามบัตรกันและชาร์ลก็หายไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ลึกลับในขณะที่ลูซีหยูขมวดคิ้ว เค้ามั่นใจว่าชาร์ลเป็นคนธรรมดาไม่มีความสามารถพิเศษใดๆ อย่างไรก็ตามเค้าได้ตรวจสอบความคิดชาร์ลและพบข้อมูลบางอย่างที่ชาร์ลกำลังพูดถึง

ชาร์ลเป็นสมาชิกที่ซื่อสัตย์ของลัทธิที่เรียกว่า ‘นครวาติกัน’ เค้าเข้าร่วมลัทธินี้ตั้งแต่เค้ายังเรียนวิทยาลัยอยู่และกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการเมื่อเค้าเรียนจบ มีบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายอยู่ในลัทธินี้ มีนักธุรกิจและนักการเมืองที่ร่ำรวยหลายคนรวมไปถึงนักวิทยาศาสตร์และศิลปิน มีแม้แต่นักแสดงและนักเขียนที่มีชื่อเสียง ลัทธินี้มีอิทธิพลอย่างมาก

ดูเหมือนจะมีกองกำลังลึกลับและแข็งแกร่งและมีคนอยู่เบื้องหลังลัทธินี้ ความทรงจำของชาร์ลยังมีเหตุการณ์อัศจรรย์บางอย่าง พลังเหนือธรรมชาติเหลานี้มีอยู่จริงบนโลกหรือไม่?

แต่แล้วเค้าก็นึกถึงthe Scroll of the Worldและเค้าก็ยิ่งสนใจมากขึ้น เค้าต้องการที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับลัทธินี้อีก

เหตุผลที่ชาร์ลเชิญเค้ามานั้นลูซีหยูก็รู้สึกสนใจเช่นกัน มันเหมือนว่ารูปร่างของสมาชิกจะสำคัญต่อลัทธินี้ สมาชิกทุกคนหน้าตาดีมาก ยิ่งหน้าตาดีเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสได้เข้าร่วมลัทธินี้มากเท่านั้น เหมือนกับว่าสิ่งมีชีวิตที่น่าดึงดูดเท่านั้นที่จะเหมาะสมกับความต้องการของสายพันธุ์เลือด

นี่คือสาเหตุที่ชาร์ลเข้าใกล้ลูซีหยู เค้ามองดูนามบัตรที่ชาร์ลให้เค้า แม้ว่าชาร์ลไม่ได้พูดอะไรตอนที่เค้าไปแต่ลูซีหยูก็รู้ว่าชื่อของเค้าจะอยู่ในรายชื่อของการรวมตัวครั้งหน้าของลัทธิเพื่อการประชุม ลูซีหยูตัดสินใจที่จะเข้าร่วมในการประชุมครั้งหน้า เค้าต้องการรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับลัทธินี้

“แอนโทนี่ ที่คุณปฏิเสธฉันเพราะคุณชอบผู้ชายจริงๆใช่มั้ย?” ขณะที่ลูซีหยูกำลังจะขับรถออกจากคฤหาสน์ ทันใดนั้นโซอี้ก็เข้ามานั่งที่ข้างขับ

“ไม่แน่นอน” ลูซีหยูกล่าว “เค้าแค่บอกบางสิ่งที่น่าสนใจกับฉัน”

โซอี้หน้านิ่วคิ้วขมวด “เค้าไม่ได้เชิญคุณเข้ากลุ่มลัทธิอย่างงั้นใช่มั้ย?”

ลูซีหยูไม่ได้คาดหวังให้โซอี้รู้เกี่ยวกับลัทธิเช่นกัน “คุณรู้เกี่ยวกับมันด้วยหรอ?” เค้าถามด้วยความประหลาดใจ

โซอี้ส่ายหัว “นิดหน่อย” เธอพูด “แต่ชาร์ลและพี่ของฉันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันดังนั้นฉันจึงรู้เกี่ยวกับมันนิดหน่อย ฉันแค่อยากจะบอกให้คุณไม่ถล้ำลึกเกินไป”

“มันอันตรายหรอ?” ลูซีหยูถาม

“ฉันไม่รู้” โซอี้พูดพร้อมยักไหล่ “แต่ลัทธิเหล่านึ้ลึกลับและเป็นส่วนตัวเสมอ คุณจะไม่ถูกสามารถจำอย่างเป็นทางการและคุณต้องคอยซ่อนตัว ทำไมต้องซ่อนถ้าหากไม่มีอะไรผิดปกติ? อย่างน้อยคุณควรระวังตัว”

ทั้งสองอยู่ในรถและพูดคุยกันสักพักหนึ่งก่อนโซอี้จะบอกลาเค้าและลงจากรถไป เธอเข้าไปในรถของเธอพร้อมกับคนขับรถ

ลูซีหยูคิดเกี่ยวกับคำพูดของโซอี้ เค้าคิดว่าแม้ว่ามันจะอันตรายแต่ก็ไม่ได้เป็นภัยต่อเค้า แน่นอนว่าเค้าจะต้องระวังเพราะเค้าไม่แน่ว่ามีอะไรซ่อนอยู่กันแน่ เมื่อพูดถึงโซอี้เธอดูเหมือนจะสนใจลูซีหยูตลอดเวลาแต่เธอก็ไม่เคยเริ่มทำอะไร เธอดูเหมือนผู้หญิงที่เล่นตัวและเข้มแข็ง

เค้านั่งอยู่ในรถสักพักก่อนจะขับรถออกจากคฤหาสน์ ปาร์ตี้น่าสนใจมากและทำให้เค้าสดชื่น มนุษย์เป็นสัตว์สังคมจริงๆ ปัญหาทางจิตวิทยาทุกประเภทจะปรากฏขึ้นหลังจากแยกจากกันเป็นเวลานาน

เมื่อเค้ากลับถึงบ้านเค้าใช้เวลาไปกับการดูทีวีก่อนจะกลับเข้าไปที่ปราสาทมิติ ผ่านไป10ปีตั้งแต่เค้าออกไปแต่มดครึ่งคนเก็บปราสาทเป็นระเบียบเรียบร้อย ลูซีหยูไม่ต้องการพักผ่อนเพื่อที่จะเป็นพลังงานแล้วตอนนี้แต่เค้ายังติดนิสัยชอบนอน การพักจิตใจของเค้าสามารถช่วยปรับสภาพของเค้า

นับตั้งแต่เค้าพัฒนาสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติเค้าก็เริ่มวางแผนต่อไป เค้าต้องการที่จะเปิดทางไปสู่โลกมิติ0เพื่อสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติสามารถเจริญรุ่งเรืองในโลกของมาเรีย เค้าต้องการใช้โลกของมาเรียเป็นพื้นที่ทดลองสำหรับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้

เค้าเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวและมีความเร็วและพลังงานจำกัด บางครั้งเค้าจะทำผิดพลาดหรือมีช่องโหว่ในความคิดของเค้า หากมีคนจำนวนมากทำสิ่งเดียวกับที่เค้าทำ เค้าจะสามารถก้าวหน้าได้เร็วขึ้นและประสิทธิภาพมากขึ้น คนอื่นอาจะชี้ทางที่ถูกให้เค้า

จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์เคยกล่าวไว้ว่า “คุณมีแอปเปิ้ลและฉันมีแอปเปิ้ล ถ้าเราแลกเปลี่ยนกันเราก็จะมีแค่แอปเปิ้ลคนละลูกแต่ถ้าคุณมีความคิดและฉันมีความคิดและพวกเราแลกเปลี่ยนกัน เราจะมี2ความคิด

นี่คือความรู้ ลูซีหยูสามารถได้รับความรู้จากผู้อื่นโดยที่ไม่ต้องขโมยพวกมัน นี่คือสิ่งที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน