บทที่ 13 เสี่ยวเฟิงมาถึงแล้ว
“คุณน่ะคิดมากเกินไปแล้ว เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตสักหน่อย หมดก็หาใหม่ได้ เมื่อก่อนคุณไม่ใช่คนคิดมากแบบนี้นี่นา ไว้หายป่วยแล้วเราก็ค่อยมาช่วยกันทำงานหาเงินอีกเมื่อไหร่ก็ได้” เมื่อฟังซูวี่เหมยพูดจบ หวงเจี้ยนหมิงก็ลอบสาบานในใจว่า ถ้าอาการป่วยของเขาสามารถรักษาให้หายเมื่อไหร่ เขาจะต้องทำให้ครอบครัวของเขามีชีวิตที่มีความสุขให้ได้!
หมู่บ้านเทียนหวังจวงที่อยู่ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านชาวประมงไหก่าง ณ บ้านตระกูลหลิวที่ตั้งอยู่บนถนนด้านเหนือของหมู่บ้าน ที่แห่งนี้มีดอกไม้งามสองดอก คนพี่เธอชื่อว่าหลิวเสี่ยวเฟิง ส่วนคนน้องเธอชื่อหลิวเสี่ยวชิงตอนนี้สองพี่น้องกำลังนั่งคุยอะไรบางอย่างกันอยู่
“เสี่ยวชิง เธอบอกว่าตอนขากลับวันนั้น เธอเจอคนโรคจิตบนรถบัสงั้นเหรอ แม่งเอ๊ย! เธอจำหน้ามันได้รึเปล่า บอกฉันมาวันไหนถ้าฉันเจอมัน ฉันจะเล่นงานให้หนักไปเลย”
ผู้หญิงที่กำลังพูดอยู่นั้นก็คือหลิวเสี่ยวเฟิงคนพี่ เธอมีหน้าตาที่อ่อนโยนและสง่างาม ราวกับหญิงสาวผู้อ่อนหวาน และเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอพูดออกมาเมื่อกี๊ กลับทำลายภาพลักษณ์ของเธอจนหมด คงยากที่จะเชื่อมโยงระหว่างตัวเธอกับความอ่อนโยนได้ และที่สำคัญ หยิงสาวคนนี้นี่แหละที่เป็นคนอัดพี่รองถึงสามครั้งสามครา
“พี่ ดูพี่สิ เป็นผู้หญิงแท้ ๆ จะใช้ความรุนแรงอย่างงั้นได้ยังไง” เมื่อหลิวเสี่ยวชิงได้ยินคำพูดของพี่สาวก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ แต่เธอก็ไม่ต้องการให้พี่สาวของเธอถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนชอบใช้ความรุนแรง ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะไม่ค่อยทันแล้วก็เถอะ
“เด็กโง่ บางครั้งเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยเหตุผลได้ เราก็ต้องใช้หมัดเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเรา!” หลังจากได้ยินคำพูดของหลิวเสี่ยวเฟิง หลิวเสี่ยงชิงก็ได้แต่เอามือกุมหน้าผากอย่างอดไม่ได้ เธอรู้สึกตกใจมากกับคำพูดของพี่สาว!
“อ้อ ใช่แล้วพี่สาวดูนี่สิ นี่คือคนที่ช่วยฉันไว้วันนั้น คนคนนี้น่าสนใจมาก มีคนถามเขาว่าทำงานอะไร เขาก็ตอบไปว่าเขาเป็นชาวประมงธรรมดา!” หลังจากพูดจบ หลิวเสี่ยวชิงก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา จากนั้นก็เปิดรูปชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งให้ดู เมื่อหลิวเสี่ยวเฟิงได้ฟังก็รีบหันไปมอง หลังจากที่เห็นรูปเธอก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อย
“น้องโง่ นี่คือฉู่เหินที่อยู่หมู่บ้านข้าง ๆ ไง !”
“พี่ เขาคืออาเหินที่อยู่หมู่บ้านข้าง ๆ จริงเหรอ?” เมื่อหลิวเสี่ยวชิงได้ยินก็รีบถามพี่สาวกลับทันที
“ผู้ชายคนนี้คือฉู่เหินที่อยู่หมู่บ้านชาวประมงไหก่าง เขาเป็นเพื่อนกับลูกชายคนรองของตระกูลหวัง ! ฉันเคยเจอเขาอยู่สองถึงสามครั้ง เขาเป็นคนดีมาก โดยเฉพาะตอนนี้หลังจากพี่ชายที่เลี้ยงดูเขามาได้รับบาดเจ็บ ฉู่เหินไม่บ่นเลยแม้แต่น้อย เขาออกไปหาเงินรักษาพี่ชายของเขา คนในละแวกนี้ต่างรู้เรื่องนี้กันดีทุกคน!”
เมื่อได้ยินพี่สาวประเมินฉู่เหินไว้ค่อนข้างสูง หลิวเสี่ยวชิงก็ขอร้องให้พี่สาวพาเธอไปที่บ้านของฉู่เหินเพื่อขอบคุณเขา ! หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งหลิวเสี่ยวเฟิงก็เห็นด้วย เพื่อเธอจะได้แวะไปหาพี่รองด้วย
หมู่บ้านเทียนหวังจวงและหมู่บ้านชาวประมงไหก่างอยู่ติดกัน นั่งรถยนต์เพียงแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว ระหว่างทางหลิวเสี่ยวชิงก็คอยถามเกี่ยวกับเรื่องระหว่างพี่สาวของเธอกับลูกชายคนรองบ้านตระกูลหวัง
เธอรู้ดีว่าทั้งสองคนต่างมีใจให้กัน เพียงแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าพบกันแค่ไม่กี่ครั้ง พูดกันไม่กี่ทีแบบนี้ก็ปิ๊งกันแล้วเหรอ อย่างไรก็ตามหลังฟังคำอธิบายของหลิวเสี่ยวเฟิง เธอก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
ที่แท้ลูกชายคนรองตระกูลหวังและหลิวเสี่ยวเฟิงแอบมีใจให้กันมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ทั้งคู่ต่างก็ไม่ยอมพูดจากันสักที จนกระทั่งในที่สุดลูกชายคนรองตระกูลหวังตัดสินใจสารภาพรักกับหลิวเสี่ยวเฟิง เรื่องนี้ทำให้หลิวเสี่ยวเฟิงมีความสุขมาก แถมลูกชายคนรองบ้านตระกูลหวังยังพูดกับหลิวเสี่ยวเฟิงอีกด้วยว่า
“ในอนาคตเมื่อพวกเราสองคนแต่งงานกัน และมีลูกชายสามคน ฉันจะสอนทักษะการเลี้ยงปลาให้ลูกชายคนโต สอนทักษะการตกปลาให้ลูกชายคนรอง ส่วนลูกชายคนที่สามจะให้เขาเรียนเก่ง ๆ! เมื่อเขาโตขึ้นในอนาคตจะได้เป็นนักธุรกิจใหญ่”
ทั้งสองเพิ่งจะเริ่มคบกันแต่พี่รองกลับพูดว่าจะให้เธอคลอดลูกให้ซะแล้ว เรื่องนี้ทำให้หลิวเสี่ยวเฟิงโมโหมาก! ยิ่งได้ยินว่า เขาจะให้ลูกชายทั้งสองคนเป็นชาวประมงเรื่องนี้ยิ่งทำให้หลิวเสี่ยวเฟิงโมโหขึ้นไปอีก! อย่างไรก็ตามเมื่อเธอได้ยินว่าเขาจะให้ลูกชายคนที่สามเป็นนักธุรกิจ อารมณ์ที่กำลังร้อน ๆ ก็ค่อยลดลงมาบ้าง
“เอาล่ะ ฉันกำลังคิดว่าถ้าลูกชายคนที่สามโตขึ้นจะทำธุรกิจอะไรดี? ใช่แล้ว! ขายอาหารทะเล!” หลังจากพูดจบอารมณ์ที่เริ่มเย็นลงของหลิวเสี่ยวเฟิงก็พุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง
ไม่กี่วันต่อมาลูกชายคนรองตระกูลหวังไปหาหลิวเสี่ยวเฟิงอีกครั้ง คราวนี้เขานิ่งมาก เขานั่งอยู่นานโดยไม่พูดอะไรเลย เอาแต่ยิ้มโง่ ๆ และแกว่งมือไปมา ! หลิวเสี่ยวเฟิงได้แต่ถามเขา เขาจึงยิ้มและพูดว่า “เอ่อ ฉันตัดสินใจแล้ว ไม่ให้ลูกชายคนที่สามทำธุรกิจขายอาหารทะเลก็ได้ ให้เขาเปิดร้านขายปลาดีกว่า!”
เมื่อลูกชายคนรองตระกูลหวังพูดจบ เขาก็เงียบไปอีกครั้ง สุดท้ายหลิวเสี่ยวเฟิงก็อดรนทนไม่ไหว เธอถามไปว่าที่เขาเงียบไปเขาเป็นอะไรหรือเปล่า
“อ้อ ฉันกำลังคิดถึงปลาในบ่อปลาของฉัน!” ทั้ง ๆ ที่อยู่กับเธอแต่เขากลับเอาแต่คิดถึงปลาในบ่อที่บ้าน หลิวเสี่ยวเฟิงที่ได้ยินจึงลงมือทุบตีเขาอีกครั้ง
เมื่อหลิวเสี่ยวชิงได้ฟังเรื่องราวของทั้งสองคน เธอก็ล้อพี่สาวไม่หยุด คนรักสองคนอยู่ด้วยกันแต่กลับพูดเรื่องพวกนี้ช่างน่าหัวเราะจริง ๆ
เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านชาวประมงไหก่าง ฉู่เหินเพิ่งวางเก้าอี้มงคลไว้ในบ้าน แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเขาก็ได้ยินเสียงรถยนต์ดังมาจากไกล ๆ เมื่อเขาชะโงกหน้าไปมองก็อดตกใจไม่ได้
“แม่เจ้า นั่นเสี่ยวเฟิงไม่ใช่เรอะ เธอมาที่นี่ทำไม” ถึงแม้ว่าหลิวเสี่ยวเฟิงจะอารมณ์ร้าย และไม่เคยแสดงความรุนแรงกับฉู่เหินมาก่อน แต่ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น การเจอกันครั้งที่สองของเธอกับพี่รองเองก็เป็นเขาที่ส่งจดหมายนัดให้
“อาเหิน มานี่หน่อยฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย” เมื่อฉู่เหินได้ยินเสียงเรียกก็ไม่ต้องรอประโยคที่สอง เขาก็รีบหันหลังวิ่งหนีทันที เขาคิดในใจว่าท่านย่าคนนี้ต้องไม่ได้มาดีแน่ ไม่แน่ว่าเธอตามหาพี่รองไม่เจอ เลยมาเอาเรื่องกับเขา
หลิวเสี่ยวเฟิงพึ่งลงจากรถและกำลังเตรียมที่จะนำผลไม้เข้าไปในบ้านของฉู่เหิน เธอไม่คิดว่าเขาจะวิ่งหนีไปโดยไม่พูดอะไร นั่นทำให้หลิวเสี่ยวเฟิงโกรธและตะโกนออกมาว่า “หยุดเดี๋ยวนี้ !” แล้วไล่ตามเขาไป ทั้งสองวิ่งไปข้างหน้าโดยมีหลิวเสี่ยวชิงวิ่งตามอยู่ไกล ๆ
ทันทีที่วิ่งฉู่เหินก็รู้ตัวเลยว่าความเร็วในการวิ่งของเขาตอนนี้นั้น มากกว่าเมื่อก่อนซะอีก ใช้เวลาไม่นานเขาก็วิ่งมาถึงหน้าประตูบ้านของพี่รอง เมื่อเขาเห็นพ่อของพี่รองอยู่ที่ประตู เขาก็รีบเข้าไปถามว่า “พี่รองอยู่บ้านหรือเปล่าครับ?”
“เขาอยู่ที่บ่อปลานะ!” เขาทำท่าจะพูดอะไรต่อ แต่ก็เห็นฉู่เหินวิ่งออกไปแล้ว จึงได้แต่มองที่ฉู่เหินพร้อมกับส่ายหัว
“พี่รอง มานี่เร็ว ผมมีข่าวดีมาบอก” เมื่อเห็นบ่อปลาอยู่ไม่ไกล ฉู่เหินก็ร้องตะโกน
“อาเหิน นายมีธุระอะไร?” พี่รองมองไปที่ฉู่เหินที่กำลังวิ่งเข้ามาแล้วถามอย่างแปลกใจ
“พี่รอง เสี่ยวเฟิงมาถึงแล้ว รีบมาเร็วเข้า” ขณะที่ฉู่เหินพูดออกมา ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความละอายใจ อย่างไรก็ตาม ‘เพื่อนตายดีกว่าเราตาย’ ยังไงก็ต้องยึดพี่รองไว้เป็นทัพหน้าก่อน!
เมื่อพี่รองได้ยินว่าเสี่ยวเฟิงมา เขาก็หวาดกลัวทันที ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงตะโกนมาจากด้านหลัง “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! นายจะวิ่งไปไหน!?”
Next