พื้นที่ภายในแหวนส่วนใหญ่เต็มไปด้วยของแปลก ๆ ที่เมอร์ลินไม่เคยเห็นมาก่อน
พวกมันน่าจะเป็นส่วนผสมเอาไว้ทำอะไรสักอย่างเนื่องจากเขาไม่รู้ถึงวิธีใช้พวกมัน เขาจึงไปค้นหาอย่างอื่นต่อ จากนั้นมานานเขาก็พบหนังสือเล่มหนึ่งที่มีด้ายผูกเอาไว้
*หวู่ม*
เขาจึงใช้พลังจิตดึงหนุงสือเล่มนั้นออกมาทันที หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนไว้โดยภาษามอลต้า จากนั้นเขาก็ได้พลิกหน้ากระดาษและอ่านมัน
ภายในหนังสือเป็นบันทึกที่ถูกเขียนด้วยลายมือของเมอแรงค์ เนื้อหาภายในเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่เจอในแต่ละวันอย่างเช่นความยากลำบากในการเพิ่มพลังจิต เขายังเขียนคำพูดสร้างแรงบันดาลใจไว้อีกด้วย นอกจากนี้เขายังเขียนความเกลียดชังที่มีต่อเคานต์เซลินซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของบันทึกเล่มนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะมาแก้แค้นเคานต์เซลินในทุกช่วงลมหายใจของเขา
อย่างก็ตามในบันทึกเล่มนี้ เขาไม่พบโครงสร้างเวทมนต์หรือเทคนิคการทำสมาธิเลย
ตัวเขานั้นอยากได้คาถาธาตุลมหรือไม่ก็คาถาธาตุดินซึ่งมันมีประโยชน์มากในการต่อสู้ เพราะในท้ายที่สุดแล้วทั้งสองคาถาที่เขามี มันยังไม่เพียงพอที่จะเอาไว้ใช้ต่อสู้กับนักเวทย์ที่อาจจะต้องเจอในอนาคต
ช่างน่าเสียดายที่บันทึกนี้มีแต่ความเกลียดชังของเมอแรงค์เท่านั้น เมอร์ลินจึงกลับเข้าไปในแหวนและค้นหาของที่อยู่ข้างในต่อ
หลังจากที่เขาได้ค้าหาทุกซอกทุกมุมเขาก็ไม่พบสิ่งที่ต้องการเลย มันทำให้เขารู้สึกผิดหวังมาก
เมอแรงค์เป็นสมาชิกของหอคอยอเวจี เมอร์ลินอุตส่าห์คาดหวังว่าตัวเขาจะมีโครงสร้างเวทมนต์หรือเทคนิคการทำสมาธิซะอีก ที่ไหนได้ข้างในมีเพียงวัตถุดิบในการปรุงยาและโน้ตข้อความที่ไม่สำคัญ
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงพ่อมดฮิลล์ ดูเหมือนชายชราคนั้นจะมองหายาหรือสูตรปรุงยา บางทีส่วนผสมพวกนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับเขา
เมอร์ลินได้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ตัวเขาติดหนี้บุญคุณเขา เมอร์ลินต้องตอบแทนเขาที่ช่วยชีวิตเมอร์ลินไว้และอีกอย่างชายชราที่รอดชีวิตจาก ‘โรงเชือด’ บางทีเขาอาจจะรู้วิธีใช้งานส่วนผสมพวกนี้

“จอดตรงนี้แหละ”
รถม้าค่อย ๆ หยุดลง เมอร์ลินลงจากรถม้าและมองเห็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ นี่คือบ้านของพ่อมดฮิลล์
“มอสส์ รออยู่ข้างนอกก่อนนะ”
จากนั้นเขาก็ได้ผลักรั้วเหล็กขึ้นสนิมเบา ๆ และเดินเข้าไปข้างใน
บ้านไม้หลังเล็ก ๆ นี้ ถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สูงแต่ตอนนี้ใบของพวกมันร่วงหมดแล้วเนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูหนาว
เมื่อเขาเดินมาถึงประตูบ้าน เขาได้ถอดหมวกออกและเคาะประตูไม้เบา ๆ
*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*
*เอี๊ยด…*
จากนั้นไม่นานประตูไม้ได้เปิดออกเผยให้เห็นสาวใช้ที่สวมชุดสีเทาอยู่ภายในบ้าน
“ฉันมีชื่อว่า เมอร์ลิน ฉันมาที่นี่เพื่อมาพบกับพ่อมดฮิลล์”
สาวใช้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอรู้สึกลังเลที่จะบอกอะไรบางอย่างแต่จู่ ๆ ก็มีเสียงอันแหบแห้งดังขึ้นมาจากข้างในบ้าน
“ให้เขาเข้ามา”
เมื่อได้รับคำอนุญาตสาวใช้จึงเปิดประตูและพาเมอร์ลินเข้ามาข้างใน
ภายในบ้านได้รับการตกแต่งอย่างดีและดูอยู่สบาย บนพื้นตกแต่งด้วยพรมสีแดงอ่อน เตาผิงกำลังลุกไหม้อย่างดุเดือดทำให้ภายในบ้านอบอุ่นอย่างต่อเนื่อง
ชายชราที่พูดก่อนหน้านี้ เขานั่งอยู่ข้างเตาผิง เขากำลังนั่งหลับตาอยู่ แม้ภายนอกเขาจะดูสงบแต่เมอร์ลินก็สังเกตเห็นความผันผวนของพลังธาตุไฟอย่างรุนแรงในตัวของเขา กล่าวคือชายชรายังไม่ได้ทำให้โครงสร้างเวมนต์ในจิตใต้สำนึกของเขาเสถียร
“พ่อมดฮิลล์ โครงสร้างเวทมนต์ในร่างกายของคุณยังไม่เสถียรอย่างงั้นเหรอ?” เมอร์ลินถาม
เมอร์ลินได้นั่งลงต้องฝั่งตรงข้ามของชายชรา จากนั้นสาวใช้รีบเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มอุ่น ๆ ให้เขา
บ้านหลังนี้ไม่ใหญ่มาก ดูเหมือนจะไม่มีใครอีกเลยนอกจากพ่อมดฮิลล์และก็สาวใช้ของเขา
จากนั้นพ่อมดฮิลล์ได้ลืมตาขึ้น ความเหนื่อยล้าได้ฉายแววชัดจนสังเกตเห็นได้ ดูเหมือนว่าความพยายามในการควบคุมโครงสร้างเวทมนต์ในร่างกายของเขาตลอดทั้งคืนไม่เป็นผล สภาพของเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากระเบิดเวลาที่ไม่อาจรู้ว่ามันจะระเบิดได้ตอนไหน
“มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่จะใช้งานโครงสร้างเวทมนต์ทั้งที่มันยังไม่เสถียร ถ้าหากข้าไม่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งล่ะก็มันคงพังทลายไปตั้งนานแล้ว”
‘ไม่มีทางออกอื่นอีกหรือ?’ เมอร์ลินขมวดคิ้ว
เขาไม่คาดคิดว่าชายชราจะอยู่สถานะที่อันตรายอย่างนี้ หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอย่างน้อยหนึ่งปีโครงสร้างเวทมนต์ของเขาจะพังทลายไปในที่สุด แม้เป็นแบบนั้นเขาก็จะตาย ตัวเขาที่มีความสามารถมากขนาดนี้กลับต้องตายไป บางทีชีวิตมันก็ประหลาดเหมือนกัน
“ทางเลือกอื่นงั้นเหรอ?” ชายชราพอจะรู้ว่าเมอร์ลินคิดอะไร เขาได้กล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “นานมาแล้วข้าได้พบตำราของพ่อมดโดยบังเอิญ จากนั้นข้าก็ได้กลายเป็นพ่อมด อย่างไรก็ตามสำหรับพ่อมดพเนจรอย่างพวกเรา ไม่สามารถเข้าร่วมองค์กรนักเวทย์ที่ได้เลย มีเพียงวีธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นนั่นก็คือต้องเข้าร่วมกับกองทัพเพื่อที่จะได้รับโครงสร้างเวทมนต์หรือพวกอุปกรณ์เวทมนต์
ตอนนั้นข้าเด็กและไม่คิดหาคิดหลัง ข้าหวังเพียงจะได้รับโครงสร้างเวทมนต์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม โครงสร้างเวทมนต์ของกองทัพนั้น แม้ว่ามันจะเสถียร พวกเขามุ่งเน้นไปทางด้านพลังการทำลายล้างแทนและนั่นก็สร้างปัญหาให้ข้า ในขณะที่ข้าได้สร้างโครงสร้างเวทมนต์อันที่สาม ด้วยความที่มันไม่เสถียรมากพอมันจึงทำให้ข้าเป็นแบบนี้ โชคดีที่ข้าได้รับสูตรปรุงยาโดยบังเอิญและได้ใช้มันเพื่อให้โครงสร้างเวทมนต์คงที่ ถ้าไม่ได้สูตรยานั่นข้าคงตายใน ‘โรงเชือด’ ไปตั้งนานแล้ว” พ่อมดฮิลล์ได้เล่าที่มาที่ไปของความไม่เสถียรของโครงสร้างเวทมนต์ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าละความเสียใจ
เมอร์ลินรู้สึกกลัวเล็กน้อย เรื่องของชายชราทำให้เขาต้องระมัดระวังในการเลือกโครงสร้างเวทมนต์มากขึ้น ไม่อย่างนั้นเขาก็จะมีจุดจบแบบเดียวกับชายชรา
ถึงเขาจะมีเดอะเมทริกซ์ในการวิเคราะห์โครงสร้างเวทมนต์ให้สมบูรณ์แต่เขาก็ต้องไม่ประมาท
“จริงสิ พ่อมดฮิลล์ คุณได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า สามารถใช้ยาทำเพื่อทำให้โครงสร้างเวทมนต์ของคุณเสถียรใช่หรือไม่?”
เมอร์ลินถามพลางจ้องมองไปที่ดวงตาของพ่อมดฮิลล์ ดวงตาของเขาแวววาวความสงสัยกับความอยากรู้ออกมาอย่างชัดเจน