บทที่ 14 สินสอดที่มาสาย

สำรับมนตราของชายาอ๋อง

บทที่ 14 สินสอดที่มาสาย

“คืนเหย้า?” ฉินปู้เข่อพยายามค้นหาคลังคำศัพท์อย่างรวดเร็ว ในซีรีส์โบราณ คำว่าคืนเหย้าเหมือนจะหมายถึงกลับบ้าน

นางนึกออกแล้ว หลังจากแต่งงานเป็นวันที่สามเป็นวันที่หญิงสาวต้องกลับบ้าน

“อ๋อ ท่านอ๋องเตรียมของขวัญง่าย ๆ ก็พอเพคะ” คืนเหย้าก็เหมือนพาสามีกลับบ้านตัวเอง ดังนั้นการเตรียมของขวัญไปก็ไม่ผิดหรอก

“มหาเสนาบดีฉินไม่มีข้อเรียกร้องอย่างอื่นหรอกรึ” เขาเตือนถึงขั้นนี้แล้ว หากสตรีนางนี้ยังบอกว่าไม่มี นางคงต้องแกล้งโง่เป็นแน่

“ข้อเรียกร้องอย่างอื่น?” ฉินปู้เข่อนึกย้อนกลับไปนางขอถอนหมั้น และต้องแต่งงานกับหมี่โม่หรู่อย่างกะทันหัน มหาเสนาบดีฉินจะมีข้อเรียกร้องอะไรได้

หรือว่ามหาเสนาบดีฉินมีความชื่นชอบในของพื้นเมืองใดเป็นพิเศษเหรอ อย่างเช่นผู้ชายบางคนชอบสูบบุหรี่ แต่ไม่ชอบดื่มเหล้า

หญิงสาวลองค้นหาในความทรงจำของเจ้าของร่างอยู่ครู่ใหญ่ แล้วฉินปู้เข่อส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “ท่านอ๋องทำตามประเพณีเดิมเลยเพคะ ไม่ต้องเลอค่ามาก”

ตั้งแต่ที่ฉินปู้เข่อปริปากจนพูดจบ หมี่โม่หรู่ไม่ละสายตาจากอารมณ์ที่สื่อออกมาจากสีหน้าของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย

เขาหรี่ตาเล็กน้อย รอยยิ้มกว้างพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะเตรียมของขวัญตามระเบียบการของชายาแล้วกัน”

“ต้องให้ท่านอ๋องลำบากแล้วเพคะ” ฉินปู้เข่อกล่าวขอบคุณอย่างเป็นกุลสตรี

เสียงกีบม้าหยุดกะทันหัน

เสียงของอู๋เหินดังมาจากนอกม่านรถม้า “ท่านอ๋อง ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

พูดจบก็เลิกม่านรถม้าขึ้นและจะเข้าไปเข็นเก้าอี้เข็นของหมี่โม่หรู่

ฉินปู้เข่อพยักหน้าและเอ่ยอย่างสง่างาม “ให้เป็นหน้าที่ข้าเถิด”

อู๋เหินผงะไป เมื่อเห็นว่าหมี่โม่หรู่ไม่เอ่ยปฏิเสธจึงถอยออกไปรอหมี่โม่หรู่อยู่นอกรถม้าด้วยท่าทีนอบน้อม

หลังจากเข็นมี่โม่หรู่เข้ามาในสวนชิงอวี้แล้ว ฉินปู้เข่อก็ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความอึดอัด

เมื่อคืนนางอยู่ในคุกใต้ดิน ในสวนชิงอวี้มีห้องหับมากมายขนาดนี้ นางจึงไม่รู้ว่าตนเองควรจะเข้าประตูไหน

“ซวงหวน นับแต่นี้ไปเจ้าเป็นคนรับผิดชอบความเป็นอยู่ของชายา”

นางกำนัลชุดเขียวคนหนึ่งก้าวออกมา และคำนับฉินปู้เข่ออย่างนอบน้อม “ข้าน้อยถวายบังคมพระชายาเพคะ ชายา โปรดตามข้าน้อยไปที่สวนเฉินอวี้ด้วย”

“ว่าอย่างไรนะ ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่รึ”

นางเข้าพิธีแต่งงานกับชายในฝันแล้วไม่ใช่เหรอ ไฉนถึงยังไม่อยู่ด้วยกัน แล้วเมื่อใดจะได้จุมพิตชายในฝันเล่า เดิมทีนางวางแผนว่าคืนนี้จะลอบจู่โจมตอนเขาหลับเสียหน่อย

สิ้นเสียง สายตาสามสี่คู่ก็หันขวับมามองนาง

ฉินปู้เข่อรีบลดเสียงลงให้อ่อนโยน “ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าท่านอ๋องใช้ชีวิตด้วยตัวเองไม่ถนัด จึงอยากติดตามคอยรับใช้ข้างกายท่านอ๋อง”

ซวงหวนยืนผงะมองฉินปู้เข่อที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งมีท่วงท่าสง่างาม และอยากจะแคะหูตนเอง

แล้วเสียงแหลมปรี๊ดประหนึ่งเป็ดที่ดังขึ้นเมื่อครู่ นางแค่หูฝาดไปเองหรอกหรือ ไม่ใช่เสียงของชายาที่ดูบอบบางอ่อนแอคนนี้หรอกกระมัง…

“ในเมื่อท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องให้หม่อมฉันคอยรับใช้ที่นี่ เช่นนั้นหม่อมฉันไปอยู่ที่สวนเฉินอวี้ก็ได้เพคะ” ฉินปู้เข่อช้อนสายตาขึ้น เผยสีหน้าน้อยใจ มองดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก

โดนนางจ้องมองด้วยสายตาน่าเห็นใจเช่นนี้แล้ว ซวงหวนก็ยังรู้สึกว่าท่านอ๋องของตัวเอง เป็นชายหนุ่มที่ทำร้ายหัวใจของหญิงสาว

แต่หมี่โม่หรู่ยังคงยิ้มบาง ๆ เหมือนปกติ ไม่มีทีท่าจะใจอ่อนเอ่ยรั้งนางเลยสักนิด

“เช่นนั้นหม่อมฉันกลับห้องไปพักผ่อนก่อนนะเพคะท่านอ๋อง” ฉินปู้เข่อหันกลับมามองทุกสามก้าว แต่ละก้าวที่ย่างไปล้วนแต่แฝงความรู้สึกลึกซึ้งเอาไว้ เพราะไม่อยากจากเขาไปเลยสักนิด

เมื่อนางออกจากสวนชิงอวี้อย่างสิ้นเชิงแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าหมี่โม่หรู่พลันหายไป หลงเหลือไว้เพียงสีหน้าไร้อารมณ์ผิดกับเมื่อครู่

อู๋เหินก้าวเข้าไปรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสวนดอกไม้ตำหนักเฟิ่งเสียงในวันนี้อย่างละเอียด

“เจ้าคิดอย่างไรกับท่าทีเมื่อครู่ของชายา?” หมี่โม่หรู่กวาดสายตามองอู๋เหินอย่างไร้อารมณ์

“ข้าน้อยมองไม่ออกพ่ะย่ะค่ะ” ท่าทีที่แฝงไว้ด้วยความรักเหล่านั้นหรือ อู๋เหินรู้สึกเพียงขนลุกขนชัน

“ข้าเองก็ดูไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือแสร้งทำ”

เช้านี้ทั้งจัดการฉินเสวี่ยเหลียนและเด็กในท้องนาง รวมถึงทำให้องค์รัชทายาทโดนลงโทษกักบริเวณ

มีฝีมือถึงเพียงนี้ยังต้องโดนบังคับแต่งเข้าตำหนักอ๋องหลี่ชินเพราะกลัวว่ามารดาจะได้รับความไม่เป็นธรรมหรือ

แต่เขาไม่เข้าใจในการกระทำเหล่านี้ของนางเลย การหมั้นระหว่างหมี่เซวียนและฉินเสวี่ยเหลียนเป็นโมฆะไปด้วยเหตุนี้ จวนมหาเสนาบดีพลาดโอกาสดีในการฝากตัวกับตำหนักบูรพา

เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นความตั้งใจของฉินเฉิงหย่งแน่ หรือว่าฉินปู้เข่อผู้นี้จะไม่ได้รับใช้จวนมหาเสนาบดี หากแต่มีผู้อื่นอยู่เบื้องหลังนาง

หลังจากเข้ามาในสวนเฉินอวี้แล้ว ร่างกายแข็งเกร็งของฉินปู้เข่อก็ผ่อนคลายลงทันที ต้องยอมรับเลยว่าฝีก้าวกุลสตรีของหญิงสาวยุคโบราณนั้นเดินเหนื่อยเหลือเกิน

ระยะห่างของแต่ละก้าวน้อยขนาดนั้นกลัวตรงนั้นขาจะฉีกหรืออย่างไร เดินมาจากสวนชิงอวี้นี้ก็ใช้เวลาไปเกิน 10 นาที

ซวงหวนตาโตอ้าปากค้างมองหญิงสาวที่ไม่ถือตัวตรงหน้าเนิ่นนาน แต่ก็ยังตั้งสติไม่ได้

ตอนนี้นางมีเหตุผลให้เชื่อแล้วว่าเสียงเป็ดร้องเมื่อกี้อาจจะมาจากชายาจริง ๆ ก็ได้…

“ซวงหวน ไปต้มน้ำให้ข้าหน่อย ข้าอยากอาบน้ำ”

หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว ฉินปู้เข่อก็พิงเอนกายลงไปบนเบาะนุ่มอย่างไม่สงวนท่าที ตั้งแต่ทะลุมิติมาหนึ่งวันหนึ่งคืนนางก็ได้กินสุกี้หม้อไฟไปแค่สองมื้อ อยู่ในคุกมาทั้งคืนกลิ่นตัวไม่น่าสูดดมเลยจริง ๆ

เมื่ออาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อยแล้ว ขันทีจากในวังก็มาถึง

ฉินปู้เข่อเดินด้วยฝีก้าวสง่างามอีกครั้ง รับหนังสือแต่งตั้งชายาอ๋องหลี่ชินมาอย่างนุ่มนวล

เมื่อมีมันแล้วก็เท่ากับหลังจากนี้ไปนางจะได้เป็นชายาอ๋องหลี่ชินอย่างสมบูรณ์ และเป็นผู้ที่ถูกจารึกชื่อในพงศาวดารราชวงศ์

ขันทีในวังเพิ่งจะไป คนจากจวนมหาเสนาบดีก็ส่งของมาหนึ่งหีบ บอกว่าเป็นสินสอดของชายาอ๋องหลี่ชิน

ฉินปู้เข่อเปิดหีบดูและนั่งลูบเพชรนิลจินดาทั้งหมดในนั้น

ตายจริง ของทุกชิ้นในนี้คงจะเป็นของเลอค่าทั้งหมด เมื่อเช้านางยังคิดอยู่เลยว่าตัวนางนั้นไม่มีอะไรติดตัวสักอย่าง ไม่มีแม้แต่ตำลึงเงินจะตกรางวัลให้นางกำนัลนำทางในวัง ตอนนี้นางกลับรวยขึ้นมาข้ามคืนเสียอย่างงั้น

ดูท่าคำพูดของฮ่องเต้จะมีน้ำหนักที่สุด เมื่อคืนไม่มีสินสอด เมื่อเช้าก็ไม่มีสินสอด พอตอนบ่ายมีหนังสือแต่งตั้งส่งมาจากในวัง นางก็มีสินสอดแล้ว