บรรยากาศภายในปราสาทเต็มไปด้วยความคึกคัก เหล่าสุภาพสตรีแต่งชุดอันหรูหราออกมาประชัน พวกเธอจับกลุ่มพูดคุยกันเรื่องของน้ำหอมตัวไหนดีที่สุดหรือเสื้อผ้าแบบไหนกำลังเป็นที่นิยมอย่างออกรสออกชาติ
ในขณะเดียวก็มีกลุ่มอื่น ๆ ที่จับกลุ่มพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ ตามมุมต่าง ๆ ของงาน
ภายในงานเลี้ยงมีผลไม้และเครื่องดื่มมากมาย ผลไม้ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำวางเรียงบนจาน พวกสาวใช้กำลังยุ่งอยู่กับการเติมอาหาร บางก็ต้องเติมเครื่องดิ่มให้พวกขุนนาง
ทางด้านเคานต์เซลิน เขากำลังพูดคุยกับชายวันกลางคนอีกสองสามด้วยท่าทางที่เป็นมิตร
ทันใดนั้นได้มีอัศวินคนหนึ่งเข้ามาหาเคานต์เซลินอย่างรวดเร็วและพูดอะไรบางอย่างกับเขา จากนั้นเคานต์เซลินได้ปรบมือเบา ๆ เสียงพูดคุยในห้องโถงเงียบลงในไม่ช้า ลัวเขาได้ประกาศว่า
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ข้าเชิญพวกท่านมางานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ก็เพื่อแสดงความยินดีกับ เมอร์ลิน วิลสันที่เพิ่งได้รับตำแหน่งบารอนของเมองปรากาซและตอนนี้บารอนเมอร์ลินได้มาถึงแล้ว”
ทันทีที่เคานต์เซลินพูดจบเมอร์ลินกับแอวริลก็เดินเข้ามาในห้องถงทันทีโดยมีสาวใช้เป็นคนนำทาง
ทันใดนั้นสายตาจำนวนมากได้จับจ้องไปที่เมอร์ลินกับแอวริล ตัวของเมอร์ลินนั้นตั้งแต่ที่เขาได้กลายเป็นพ่อมด บรรยากาศที่อยู่รอบตัวให้ได้มีความลึกลับและทรงเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ส่วนแอวริล ตัวเธอมีความงดงามโดยธรรมชาติ ร่างบางของเธอเต็มไปด้วยความเยาว์วัยอันแสนบริสุทธิ์ ทำให้เธอก็เป็นที่สนใจไม่แพ้กัน
พวกเขาทั้งสองทำให้ขุนนางหลายคนตกอยู่ในภวังค์
“ท่านเคานต์ นี่แอวริลค่หมั้นของผมขอรับ” เมอร์ลินพาแอวริลมาแนะนำตามกับเคานต์เซลิน
เคานต์เซลินพยักหน้า จากนั้นก็ชี้ไปที่ชายวันกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีดำข้างๆ เขา “บารอนเมอร์ลิน นี่คือไวเคานต์ราฟาเอล”
คนที่สามารถพูดคุยกับเคานต์เซลินได้อย่างใกล้ชิดแบบนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน แม้ไวเคานต์จะมีตำแหน่งที่ต่ำกว่าเคานต์หนึ่งขั้นแต่พวกเขาก็มีอิทธิพลอย่างมากในเมือง
“นี่ไวเคานต์เชด”
“นี่ไวเคานต์เลสลีย์”
…
เคานต์เซลินได้แนะนำเมอร์ลินให้รู้จักไวเคานต์ทั้ง 6คน พวกเขาเหล่านี้เป็นบุคลสำคัญของเมืองปรากาซ การสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขา มันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อตระกูลวิลสันด้วย
เมอร์ลินจึงเข้าไปทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ
ส่วนทางด้านไวเคานต์ แม้พวกเขาจะมีตำแหน่งที่สูงกว่าแต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำตัวหยาบคายใส่เมอริลิน เนื่องจากเมอร์ลินได้รับการแนะนำจากเคานต์เซลินและพวกเขาก็ได้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเคานต์เซลินเช่นกัน
แม้ว่าทางเคานต์เซลินจะปิดข่าวอย่างดีแต่มันก็หลุดยังหลุดรอดไปข้างนอกได้ มันจึงทำให้พวกเขารู้ว่าเมอร์ลินเป็นพ่อมดที่แข็งแกร่ง ดังนั้นพวกเขาก็ต้องผูกมิตรกับเมอร์ลินด้วยเช่นกัน
หลังจากที่เขาได้ทักทายและพูดคุยกับคนในงานเลี้ยงอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเขาก็สามารถเดินมาหลบฉากที่มุม ๆ หนึ่งได้ซะที ตัวเขาไม่ถนัดกับงานสังคมที่ซับซ้อนเช่นนี้เลย มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
แต่ไม่ใช่สำหรับแอวริล ดูเหมือนเธอจะสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและสนุกกับงานเลี้ยงได้ เธอนั้นเกิดในตระกูลขุนนาง เธฮได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอยู่บ่อยครั้ง
ตอนนี้เธออยู่ในกลุ่มของสุภาพสตรี เพียงแค่ไม่นานเธอก็เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน พวกเธอได้พูดคุยเรื่องต่างโดย ๆ ไม่หยุดพัก บางครั้งเธอก็หัวเราะออกมา ดูเหมือนเธอจะรื่นรมย์กับงานนี้มาก
เมอร์ลินกวาดสายตามองไปรอบห้องโถง เขาไม่พบพ่อมดฮิลล์ในงานเลี้ยงเลย หลังจากที่เขากลับจากบ้านของชายชรา เขาก็ไม่ทราบข่างของเขาอีกเลย
“บารอนเมอร์ลิน ท่านกำลังมองหาอะไรหรือ” เคานต์เซลินดูเหมือนจะเมาเล็กน้อย ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เมอร์ลินพยายามเลี่ยงที่จะดื่มมัน
“ไม่มีอะไรขอรับ ผมแค่ไม่เห็นพ่อมดฮิลล์ในงานเลี้ยง ผมเลยรู้สึกเป็นห่วงเขาขอรับ” เมอร์ลินกล่าว
“พ่อมดฮิลล์?” เคานต์เซลินส่ายหัวเล็กน้อย “เมื่อวานข้าได้ส่งคนไปเชิญพ่อมดฮิลล์แต่สาวใช้ของเขาบอกว่า เขายังต้องพักผ่อนจึงไม่อยากพบใคร”
พ่อมดฮิลล์มีความทะนงตนค่อนข้างสูง เมอร์ลินสังเกตเห็นว่าเขาจะปฏิบัติตัวต่อผู้ที่ไม่ใช้เวทมนต์แตกต่างกับคนที่ใช้เวทมนต์มากจนเป็นได้ชัด
แม้ว่าตอนนี้เขาจะสบายดีแต่เขาคงจะไม่ต้องการมาที่งานเลี้ยงแน่นอน
“ท่านพ่อ บารอนเมอร์ลิน”
ผู้บัญชาการคูกที่อยู่ในงานเลี้ยงมาโดยตลอด เขาได้เดินมาพร้อมกับขุนนางที่รูปร่างท้วมเล็กน้อย
ขุนนางผู้นี้มีรูปร่างท้วม ดวงตาเรียวเล็กและมักจะมีประกายแสงออกมาจากดวงตาของเขา มันทำให้เขาดูเหมือนพวกพ่อค้าที่เจ้าเลห์มาก
คูกได้ชี้ไปที่ขุนนางร่างท้วมและแนะนำให้เมอร์ลินได้รู้จัก
“บารอนเมอร์ลิน นี่คือบารอนวอร์เรน ดินแดนของเขาอยู๋ที่เมืองริเวอร์ไลย์ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับเมืองคอนซ์ออนของบารอนเมอร์ลิน”
บารอนวอร์เรนที่สวมรอยยิ้มตลอดเวลาได้โค้งคำนับเล็กน้อยให้กับเมอร์ลิน หลังจากนั้นก็พูดว่า
“บารอนเมอร์ลิน ตอนนี้ได้เป็นดั่งเพื่อนบ้านกันแล้ว หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นและต้องการความช่วยเหลือ ข้าพร้อมที่จะช่วยเหลือท่านไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรตาม”
บารอนวอร์เรนรู้ว่าเคานต์เซลินใส่ใจกับเมอร์ลินมากและอีกอย่างดิแดนของพวกเขาก็อยู่ติดกับดังนั้นเขาจำเป้นต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีกับเมอร์ลิน
“ขอบคุณมาก บารอนวอร์เรน ทางเราก็ยินดีช่วยเหลือท่านเช่นกัน…” เมอร์ลินยิ้มและตอบบารอนวอร์เรน ในระหว่างนั้นเขาได้มองเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ บารอนวอร์เรน นั่นทำให้เขาตกตะลึงออกมา
“ฝ่าบาท ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”
เมอริ์ลนประหลาดใจ หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างบารอนวอร์เรนคือเจ้าหญิงเชอรีสแห่งราชวงศ์แห่งแสงที่เขาได้พบเจอระหว่างเดินทางมาที่นี่ซึ่งกลุ่มของเจ้าหญิงได้แยกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน
เขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจ้าหญฺงเชอรีสอีกครั้งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนคนที่เขาเจอข้างนอกปาสารทจะเป็นเจ้าหญิงเชอรีส
“โอ้ เชอรีส คุณรู้จักบารอนเมอร์ลินด้วยหรือ?” บอรอนวอร์เรนได้มองเธอแปลก ๆ แต่ไม่ช้าสีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ “บารอนเมอร์ลิน ตอนนี้ไม่มีเจ้าหญิงอีกต่อไปแล้ว จากนี้ไปเชอรีสจะกลายเป็นบารอนเนส” หลังจากเขพูดจบ เขาก็เอามือโอบรอบเอวบางของเชอรีส
เมอร์ลินมองไปที่เจ้าหญิงเชอรีสและเห็นว่าเธอได้ก้มหน้ามองพื้นด้วยสีหน้ามืดมนและกัดริมฝีปากเบา ๆ ทำให้เขาเข้าใจทันทีว่า เจ้าหญิงที่มีสถานะสูงส่งกับต้องมาแต่งงานกับบารอนให้อาณาจักรอื่น เรื่องนี้มันก็แย่มากพออยู่แล้วแต่เธอยังต้องมาเจอ ‘คนรู้จัก’ อีก มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น
เมอร์ลินได้แต่พยักหน้าเบา ๆ จากนั้นเขาก็เดินตามเคานต์เซลินเพื่อไปทักทายขุนนางคนอื่น ๆ ในห้องโถง