โอลิเวอร์ควีนในตอนนี้ยังคงรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย เพราะเขาไม่เข้าใจว่าทําไมซูเจินถึงได้พู ดขึ้นมาแบบนี้กับเขาและทําไมซ่เงินถึงได้เลือกเขา ? แน่นอนว่าเขามีความสามารถบางอย่างที่แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาหรือคนอื่น ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังเป็นคนธรรมดาอยู่ดี ไม่ได้มีพลังพิเศษเหมือนกับฮีโร่คนอื่น ๆ แล้วนับประสาอะไรกับการที่จะให้เขาปกป้องโลกทั้งใบ หรือแม้กระทั่งจักรวาล

เมื่อมองไปยังโอลิเวอร์ควีนที่ยังคงมีท่าทางมันงงอยู่เล็กน้อย ซูเจินก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “อันที่จริงแล้วผมยังรู้เกี่ยวกับตัวตนของคุณอีกนิดหน่อย ซึ่งดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้อยู่ ในกรอบของมาตรฐานฮีโร่โดยทั่วไป เพราะว่าคนส่วนใหญ่จะคิดว่าฮีโร่คือคนที่คอยจัดการกับ เหล่าวายร้ายและจับเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยที่จะไม่ฆ่าพวกเขา ซึ่งผลที่ตามมาก็คือเมื่อคนพวกนี้พ้นโทษพวกเขาก็จะออกมาทําแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นผมจึงต้องการคุณ … ฮีโร่แห่งความมืด ? แน่นอนว่าวิธีการมันไม่สําคัญ เพราะสิ่งที่สําคัญจริง ๆ ก็คือ คุณมีจิตใจที่ชอบธรรม!

” ฉันรู้สึกขอบคุณมากสําหรับความคิดและความเข้าใจเกี่ยวกับตัวตนของฉันเป็นอย่างดี แต่ ฉันก็ไม่ใช่ฮีโร่อยู่ดี เพราะฉันก็แค่อยากทําให้เมืองนี้มันน่าอยู่ขึ้นก็เท่านั้น” โอลิเวอร์ควีนส่ายหัวเบา ๆ และพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำต่อว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทําไมคุณถึงได้มาตรวจสอบฉัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ใช่คนที่คุณต้องการอย่างแน่นอน!”

ซูเจินไม่ได้สนใจเรื่องที่โอลิเวอร์ควีนปฏิเสธเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าตอนนี้เขายังไม่มีความคิดที่จะก่อตั้ง จัสติซ ลีก ขึ้นมาในตอนนี้ แต่แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วสําหรับการที่จะทําให้โอลิเวอร์ครีนรู้ว่าเขามีจุดประสงค์และความคิดเป็นเช่นไร ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นมา

“แอร์โรว์ โอลิเวอร์ ควีน ค่าความสัมพันธ์เพิ่มขึ้น 5 961”

ค่าความสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้น 5% อันนี้น่าจะเป็นเพราะว่าโอลิเวอร์ควีนขึ้นขมเขาใช่ไหม ? ถึงแม้ว่ามันจะน้อย แต่มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี!

ซูเจินยิ้มและพูดขึ้นมากับโอลิเวอร์ควีนว่า “ผมคิดอยู่แล้วว่าคุณจะต้องปฏิเสธมันอย่างแน่ นอน ดังนั้นผมจึงคิดว่าคุณน่าจะไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของผมใช่ไหม ? ยกตัวอย่างเช่น ช่วยคุณหาฐานลับเพื่อที่คุณจะได้ทําสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เพราะถึงยังไงความสามารถของคนเรามันก็มีอย่างจํากัดใช่ไหม ?

โอลิเวอร์ควีนรู้สึกกระอักกระอวนใจเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่สามารถ เปิดเผยตัวตนและขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่สุดถ้าเกิดว่าเขาให้เงินช่วย แม้ว่ามันจะดูน่าอายเล็กน้อยที่จะต้องให้ขู่เงินช่วยโดยไม่มีอะไรตอบแทนเขา

ทําให้เขาในตอนนี้เริ่มเอนเอียงไปตามสิ่งที่เป็นพูดขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ไม่ใช่เรื่ องง่ายเลยที่เขาจะเชื่อใจคนอื่นได้ง่าย ๆ

เพราะเขาเปลี่ยนไปมากในห้าปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ!

“เอาล่ะ! ตอนนี้ผมเจอสถานที่ที่หนึ่งเหมาะสมกับคุณมาก ดังนั้นพวกเราควรที่จะรีบไปที่นั่นกันดีกว่าก่อนที่มันจะหมดเวลา!” เมื่อเห็นว่าโอลิเวอร์ควีนยังคงลังเลอยู่ ซูเจินก็เลยพูดตัด บทขึ้นมาทันที

เพื่อค่าความสัมพันธ์และทําภารกิจให้เสร็จ!

ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าโอลิเวอร์ควีนจะไม่มีเขา โอลิเวอร์ควีนก็ยังคงต้องหาฐานลับอยู่ดี แล้วทําไม เขาจะต้องปล่อยให้ค่าความสัมพันธ์อันนี้ต้องเสียเปล่าไปฟรี ๆ ?

ซูเจินไม่ได้ปล่อยโอกาสให้โอลิเวอร์ควีนได้พูดปฏิเสธ ทันใดนั้นก็มีโล่พลังงานสีเขียวเข้มป รากฏขึ้นมาห่อหุ้มร่างของโอลิเวอร์ควีนเอาไว้และหลังจากนั้นก็ไปห่อหุ้มร่างของเฟลิเซ่ต่อตามลําดับ จากนั้นซูเจินก็บินออกไปทางหน้าต่างของโรงแรมทันที ทําให้โอลิเวอร์ควีนในตอนนี้ตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้สูญเสียความเยือกเย็นของเขาไปและกําลังมองไปที่โล่พลังงานสีเขียวเข้มอันนี้ด้วยความอยากรู้อย่างเห็นว่ามันคืออะไร

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งสามคนก็ค่อย ๆ ร่อนลงกับพื้นอย่างช้า ๆ

“นี่มัน โรงงานเก่าของพ่อฉันไม่ใช่หรอ?” หลังจากที่พวกเขาลงถึงพื้นเรียบร้อย โอลิเวอร์ควีนก็มองไปรอบ ๆ และพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

ซูเจินพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับเดินเข้าไปด้านในและพูดขึ้นมาว่า “ใช่! ที่นี่คือโรงงานที่ถูกที่ งร้างเอาไว้ และมันก็ไม่น่าจะมีใครเข้ามาที่นี้อย่างแน่นอน”

หลังจากที่ซ่เงินเดินเข้ามาด้านในเรียบร้อยแล้ว เขาก็กระแทกเท้าไปที่พื้นและพูดขึ้นมาว่า “มันน่าจะมีห้องใต้ดินอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม ? ตราบใดที่คุณใช้ห้องใต้ดินด้านล่างนี้เป็นฐานลับของคุณ ส่วนด้านบนก็ตกแต่งให้เป็นไนต์คลับตัวยชื่อของโอลิเวอร์ควีน ผมเชื่อว่ามันจะต้องเป็นธุรกิจที่ดีมากอย่างแน่นอน เพราะว่ามันจะไม่มีใครคิดว่าที่นี้คือฐานลับของ แอร์โรว์ อย่างแน่นอน แถมมันยังเป็นสถานที่ที่ดีในการที่จะให้คุณมาหลบเมื่ออาการหลอนทางจิตของคุณมันกําเริบ!”

โอลิเวอร์ควีนอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วยขึ้นลงซ้ำ ๆ ไปมา “มันสมบูรณ์แบบมากจริง ๆ !”

“ในเมื่อเรื่องของไนต์คลับคุณสามารถจัดการมันได้ในภายหลัง ดังนั้นในตอนนี้เราควรที่จะสนใจเรื่องฐานลับของคุณก่อนเป็นอันดับแรก”

“ ตกลง! งั้นฉันขอตัวไปเตรียมของก่อน!” โอลิเวอร์ควีนพูดขึ้นมา “

ท้ายที่สุดแล้วถ้าเกิดว่าเขาต้องการที่จะทุบพื้นที่ตรงนี้ทิ้งไป เขาก็ต้องใช้ค้อนอยู่ดี

“ไม่จําเป็น!”

ซูเจินพูดหยุดโอลิเวอร์ควีนขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นก็มีค้อนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาเหนือ หัวของพวกเขาทันที

“ตู้ม!”

ค้อนขนาดใหญ่อันนั้นทุบลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง ทําให้พื้นที่โดยรอบถึงกับสั่นสะเทือนพร้อม กับมีรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา

ซูเจินขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยราวกับว่าเขาไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยกับผลลัพธ์ที่ค้อนอันนี้ทําได้ ทําให้เขาเปลี่ยนค้อนอันนี้ให้กลายเป็นเครื่องตอกเสาเข็มทันที หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มทุบอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที่พื้นที่ตรงนั้นก็พังทลายลงจนหมด

ซูเจินเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ และพยักหน้าขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ

เพราะว่าตอนนี้มันได้กลายเป็นโพรงขนาดใหญ่เรียบร้อยแล้ว ทําให้โอลิเวอร์ควีนรีบกระ โดดน้ำลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นไม่นานซูเจินก็อุ้มเฟลิเซ่ขึ้นมาและกระ โดดตามลงไปทันที

ด้านล่างมีแต่ความมืดมิดและฝุ่นจํานวนมากมาย

“ ดูเหมือนว่ามันจะต้องทําความสะอาดครั้งใหญ่”

ซูเจินโบกมือขึ้นมาเบา ๆ ทันใดนั้นก็มีโล่พลังงานปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายของเฟลิเซ่เอาไว้ ตามมาด้วยเครื่องดูดฝุ่นขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นมาเหนือหัวของพวกเขา และมันก็เริ่มทํางานอย่างรวดเร็ว

“ความสามารถของคุณ

มันช่างพิเศษจริงๆ!”

โอลิเวอร์ควีนมองไปที่ซูเจินด้วยความตกตะลึงพร้อมกับบ่นพึมพําขึ้นมาเบา ๆ

“โชคดีที่แม้ว่าฉันจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างของสิ่งพวกนี้ไป แต่มันก็ยังคงมีประสิทธิภาพเท่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังต้องใช้พลังงานอยู่ดี ถ้าเกิดว่าฉันถึงพลังงานกลับไปเมื่อไหร่ มันก็จะหายไปทันที และ ถ้าเกิดว่าฉันพยายามอย่างหนักบางทีในอนาคตฉันอาจจะทําให้มันเกิดขึ้นมามีอยู่จริง ๆ ก็ได้!” เพราะถ้าเกิดว่าซูเจินสามารถกลืนกินอนุภาคอเทอร์ได้จนหมดจริง ๆ เขาก็จะมีพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้ทุกสิ่งทุกอย่าง

เช่นเดียวกับเทพพระเจ้าหม่าเหลียง ที่วาดอะไรขึ้นมามันก็จะกลายเป็นจริงทั้งหมด

“คุณช่วยเปลี่ยนพลังงานของคุณให้กลายเป็นหน้ากากป้องกันให้ผมหน่อยไม่ได้หรอ?” โอลิ เวอร์ควีนปิดจมูกของเขาและบ่นขึ้นมากับซูเจิน เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าทําไมซูเจินถึงได้ใช้โล่พลังงานห่อหุ้มร่างกายของเฟลิเซ่เอาไว้

นี่มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด!

” ที่จริงแล้วคุณไม่จําเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่เลย เพราะถ้าเกิดว่าคุณยังอยู่ที่นี่มันจะเป็นการเสียเวลาไปเปล่า ๆ ดังนั้นทําไมคุณถึงไม่กลับไปเอาอุปกรณ์หรือสิ่งที่จําเป็นมาไว้ที่นี่ล่ะ ? พูดตามตรง ผมอยากเห็นทักษะการยิงธนูของคุณ!”

“เสียเวลาไปเปล่า ๆ ? แต่นี้มันคือฐานของฉัน!”

โอลิเวอร์ควีนพูดขึ้นมาอย่างหดหู แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็หันหลังเดินจากไปตามคําพูดของซูเจิน

หลังจากผ่านสองชั่วโมง ในตอนนี้โอลิเวอร์ควีนนก็ได้กลับมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่เมื่อเขากลับมาถึงเขาก็พบว่าสถานที่รอบ ๆ ได้ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมด จากที่ที่เคยมีฝุ่น มากมายในตอนแรก ตอนนี้มันได้ถูกทําความสะอาดจนหมดจด ทําให้เขาในตอนแรกจํามัน ไม่ได้ด้วยซ้ำ

“ในที่สุดคุณก็กลับมาได้สักที ไหนคุณลองแสดงทักษะการยิงธนูให้ผมดูหน่อย เพราะว่า เมื่อกี้เฟลิเซ่ได้ถามกับผมว่าคุณมีความสามารถอะไร ผมก็เลยบอกไปว่าคุณยิงธนูเก่งมาก ดังนั้น คุณอย่าได้ทําให้ผมต้องอับอายต่อหน้าแฟนของผมเด็ดขาด!” ซูเจินรีบเดินเข้าไปคุยกับโอลิเวอร์ควีนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมองไปที่เฟลิเซ่ที่กําลังยืนอยู่ข้าง ๆ เขาด้วยความอายเล็กน้อย เพราะว่าตอนนี้ดวงตาของเธอมันเต็มไปด้วยความคาดหวัง