ตอนที่ 29 หมอฝีมือดี (3)
จวินชิงนอนแช่อยู่ในน้ำยาสมุนไพรที่จวินอู๋เสียจัดเตรียมไว้ให้เขาโดยเฉพาะ แม้ว่าจวินชิงจะยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ชายผู้นั้นที่ช่วยพาเขามาแช่ตัวก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจมั่นคงของจวินชิงอย่างชัดเจน ตอนนี้เขาไม่ได้อ่อนแรงเช่นเดิมอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าสีหน้าจะซูบซีดแต่ก็ดูดีขึ้น
จวินเสี่ยนอยู่ข้างๆ จับตาดูพวกเขาโดยตลอด เมื่อเห็นอาการของลูกชายดีขึ้น เขาถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“จะอย่างไรอู๋เสียก็เป็นลูกสาวของเขา แม้ในอดีตอาจจะไม่ค่อยรู้ความไปบ้าง แต่ตอนนี้นางได้โตขึ้นแล้ว เจ้าก็อย่าได้มีอคติต่อนางนักเลย ต่อไปนางยังต้องอาศัยพวกเจ้าคอยคุ้มครองเพื่อให้อยู่รอดปลอดภัย” จวินเสี่ยนมองคนที่เอาแต่ปิดปากเงียบไม่พูดจา ไม่ใช่ว่าเขาดูไม่ออกว่าชายหนุ่มไม่ชอบหน้าจวินอู๋เสีย แต่เขาก็อยากลองพยายามเปลี่ยนความรู้สึกนั้นดูสักครั้ง
ชายผู้นั้นไม่ได้กล่าวอะไร หลังจากเห็นว่าจวินชิงที่แช่อยู่ในอ่างยามีสีหน้าดีขึ้น เขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปจากห้อง
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ จวินอู๋เสียเหมือนกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง นางเดินตรงไปยังห้องปรุงยา มือข้างหนึ่งถือถ้วยน้ำชา ส่วนอีกข้างก็เขียนรายชื่อยาลงบนกระดาษไม่หยุด
จวินชิงพ้นขีดอันตรายแล้ว ยาพิษก็ถูกขับออกมาจนหมดแล้ว เหลือก็แต่การฟื้นฟูให้กลับมาสมบูรณ์แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ต้องใช้เวลาในการบำรุงปรับปรุงร่างกายทีละขั้นไป ขึ้นชื่อว่ายาย่อมต้องมีพิษแฝงอยู่ไม่มากก็น้อย จวินอู๋เสียไม่ปรารถนาให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ ขึ้นกับคนในครอบครัวของนาง ดังนั้นนางจึงเริ่มจัดเตรียมยาบำรุงให้จวินชิงในขั้นแรก
ใช้เม็ดยาและอาหารยาควบคู่กันไป!
ทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูจู่ๆ ก็ดังขึ้นขัดความคิดของจวินอู๋เสีย
“เข้ามา”
บานประตูถูกผลักให้เปิดออก และชายรูปร่างสูงโปร่งกำยำก็มาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูห้อง
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางไม่ชอบใจเลยที่ถูกผู้อื่นมารบกวนเช่นนี้
“มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ถ้าไม่มีเช่นนั้นก็รีบออกไปเสีย” สำหรับคนนอกที่ไม่ใช่คนในครอบครัวของนาง จวินอู๋เสียคร้านจะสนใจว่าคำพูดนางจะทิ่มแทงทำร้ายใจผู้ฟังหรือไม่
สิ้นเสียงของจวินอู๋เสีย ชายผู้นั้นก็คุกเข่าลงบนพื้นหน้าประตูห้องดังตึก
“ข้าน้อยหลงฉี แม่ทัพเอกแห่งกองทัพรุ่ยหลินได้สร้างความขุ่นเคืองใจให้แก่คุณหนูแล้ว ได้โปรดลงโทษข้าตามวินัยทหารด้วยขอรับ!” ร่างกำยำคุกเข่าลงต่อหน้าจวินอู๋เสีย แผ่นหลังยืดตรงจนเห็นร่องรอยที่หลังชัดเจน
แม่ทัพเอกแห่งกองทัพรุ่ยหลินรึ…จวินอู๋เสียหรี่ตามองหลงฉี นางรู้แต่แรกแล้วว่าลักษณะของหลงฉีไม่ใช่แค่บ่าวรับใช้ทั่วไป และไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับทหารคุ้มกันด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นถึงแม่ทัพเอกแห่งกองทัพรุ่ยหลิน
ทว่า…
“ไม่มีธุระอื่นแล้วหรือ” จวินอู๋เสียถามพลางขมวดคิ้วมุ่น
หลงฉีคุกเข่าอยู่บนพื้นต่อไปไม่พูดอะไร เขาไม่ปฏิเสธเรื่องที่เขามีอคติต่อจวินอู๋เสีย ถึงกับคิดอยู่ลึกๆ ว่าจวินอู๋เสียอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่จวินชิงได้รับพิษ แต่เมื่อเขาได้เห็นการรักษาของจวินอู๋เสียและอาการของจวินชิงที่ค่อยๆ ดีขึ้นกับตา เขาก็รับรู้ถึงความผิดพลาดของตน
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในทหารแห่งกองทัพรุ่ยหลิน ‘ทำผิดรับโทษ’ ถือเป็นเรื่องเคยชินอย่างยิ่งสำหรับพวกเขา
ผู้ที่มีฐานะต่ำกว่าล่วงเกินเจ้านายที่มีฐานะสูงกว่าก็สมควรได้รับโทษ
“ถ้าไม่มีอะไรเจ้าก็ออกไปได้แล้ว” จวินอู๋เสียไม่สนใจทั้งสถานะและคำขอโทษของหลงฉี นางไม่ได้ตาบอด ย่อมเห็นว่าหลงฉีไม่ชอบนาง แต่เมื่อคิดดูจากการกระทำของนางเมื่อก่อน มันคงเป็นอะไรที่ผิดปกติมากหากว่าบุรุษเลือดร้อนจากกองทัพเช่นเขามองนางรื่นตา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าการที่เขาแสดงกิริยาไร้มารยาทต่อหน้านางนั้น ล้วนทำไปเพราะห่วงความปลอดภัยของจวินชิงทั้งสิ้น
ใครใช้ให้นางมาเกิดใหม่ในร่างของสตรียโสโอหังเช่นนี้เล่า
หลงฉีคุกเข่าอยู่อย่างนั้นสักพัก เมื่อไม่ได้คำตอบจึงลุกขึ้นและจากไป เพียงแต่ครั้งนี้ท่าทางที่เขามีต่อจวินอู๋เสียเปลี่ยนเป็นเคารพนับถืออย่างมาก ก่อนจะไปยังมิวายโค้งคำนับและปิดประตูให้
“นี่ ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ อู๋เสียน้อยคงทำอะไรที่ไม่ธรรมดาอีกแล้วสินะ” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำทว่าชวนให้มึนเมาดังออกมาจากบริเวณด้านหลังห้องปรุงยา
…………
ตอนที่ 30 หมอฝีมือดี (4)
จวินอู๋เสียสะดุ้ง ขมวดคิ้วมองไปทางต้นเสียงด้วยสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
ร่างสูงค่อยๆ เดินเข้าไปล้มตัวนอนตะแคงบนเตียงไม้ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดอย่างเกียจคร้าน ขายาวพาดไขว้กัน มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาค้ำศีรษะไว้ เส้นผมดำขลับยาวราวกับเส้นไหมตกลงมาล้อมกรอบหน้าสง่างามชวนมองของเขา ที่ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้นคือรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่แย้มพรายขึ้นอย่างชั่วร้ายนั่น…
บัดซบ นี่มันใบหน้าของปีศาจชัดๆ!
ไม่ได้เจอหน้าจวินอู๋เย่าไม่กี่วัน จวินอู๋เสียเกือบจะลืมไปแล้วว่ายังมีคนคนนี้อยู่ นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันเช่นนี้
หลังจากที่เขาเข้ามา จวินอู๋เสียก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่คุ้นเคยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ ถึงแม้มันจะเจือจางลงไปบ้างแล้ว ทว่าด้วยประสาทสัมผัสที่ดีเลิศผิดปกติของนาง นางก็ยังได้กลิ่นมันอยู่ดี
หญิงสาวมองจวินอู๋เย่าพลางขมวดคิ้วแน่น ยกมือขึ้นปิดจมูกด้วยสีหน้ารังเกียจ
การกระทำของจวินอู๋เสียทำเอารอยยิ้มบนใบหน้าของจวินอู๋เย่าแข็งค้างไปในทันใด
“หากครั้งหน้าเจ้ายังไม่มีปัญญาลบกลิ่นพวกนี้ออกทั้งหมด ก็อย่าหวังว่าจะได้เหยียบเข้ามาในห้องปรุงยาของข้าอีกเลย” จวินอู๋เสียกล่าวเตือน นางไม่สนใจว่าจวินอู๋เย่าเป็นใครมาจากไหน มีเบื้องหลังใหญ่โตเพียงใดหรือว่ามีใครคอยหนุนหลังอยู่ ขอเพียงแค่อีกฝ่ายไม่สร้างปัญหาให้กับจวนหลินอ๋องของนาง เขาอยากจะทำอะไรก็ทำไป
จวินอู๋เย่าค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เห็นจวินอู๋เสียมองมาที่เขาด้วยสีหน้ารังเกียจ ก็ปั้นหน้าสำนึกผิดกล่าวแสดงความเสียใจออกไป
กลิ่นคาวเลือดบนตัวแทบจะไม่หลงเหลืออยู่แล้วแท้ๆ ยิ่งไปกว่านั้นที่แห่งนี้คือห้องปรุงยาเต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพรฉุนกึก นางต้องจมูกดีแค่ไหนกันถึงสามารถค้นพบกลิ่นคาวเลือดบนตัวเขาได้
“เจ้าเกลียดกลิ่นนี้มาถึงเพียงนี้เชียวหรือ” จวินอู๋เย่าถามพลางหัวเราะเบาๆ
“ใช่!” จวินอู๋เสียเมื่อเห็นจวินอู๋เย่าค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ นางก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เวลาอื่นนอกเหนือจากการช่วยชีวิตคน กลิ่นนี้ก็แทบทำให้นางรู้สึกอยากอาเจียนออกมา
“ข้าขอโทษ…จริงๆ นะ…” จวินอู๋เย่ามองจวินอู๋เสียที่เอาแต่หลบตัวเองพลางฉีกยิ้มชั่วร้าย ร่างสูงจู่ๆ ก็หายตัวไป ก่อนจะมาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังนาง แล้วดึงนางเข้าไปกอดไว้แน่น
ใบหน้างามแฉล้มซบลงที่อกเขาเต็มๆ กลิ่นคาวเลือดฉุนกึกตีขึ้นจมูก จวินอู๋เสียระเบิดโทสะทันที
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!”
“เด็กดี ครั้งหน้าข้าสัญญาว่าเจ้าจะไม่ได้กลิ่นแน่นอน” จวินอู๋เย่าไม่เพียงไม่ปล่อยมือ ยังกระชับกอดร่างเล็กในอ้อมแขนแน่นขึ้นด้วย
ตัวเล็กกระจิริดนุ่มนิ่มถึงเพียงนี้ เดิมทีก็เหมือนสัตว์ตัวน้อยไร้พิษสงที่หลบซ่อนอยู่แต่ในสถานที่ปลอดภัยของตัวเอง ผู้ใดจะคิดเล่าว่าเจ้าจะเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บที่แหลมคม พร้อมกัดกระชากศัตรูทุกเมื่อ
หลังจากถูกเจ้าปีศาจสติฟั่นเฟือนนี่กอดรัดฟัดเหวี่ยงไปมาจนหนำใจแล้ว จวินอู๋เสียก็แทบคลุ้มคลั่ง ร่างบางวิ่งกลับไปที่ห้องเตรียมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ติดกลิ่นคาวเลือดนี้ออกอีกครั้ง
เจ้าแมวดำหลังจากที่ถูกเจ้านายของมันทิ้งให้อยู่กับปีศาจจวินอู๋เย่าในห้องปรุงยาเพียงลำพัง มันก็ถลึงตาจ้องแผ่นหลังเขาไปอย่างชั่วร้ายครั้งหนึ่งก่อนจะวิ่งตามผู้เป็นนายออกไป จวินอู๋เย่าหัวเราะหึหึในลำคอเบาๆ วินาทีนั้นเจ้าแมวดำก็เสียวสันหลังวาบ มันตระหนักได้ทันทีว่าบุรุษนี้อันตรายมากเพียงใด
มันรีบสับฝีเท้าวิ่งตามจวินอู๋เสียไปอย่างรวดเร็ว
เจ้านาย ตรงนี้มีคนโรคจิต อย่าทิ้งข้า!
……
ขณะที่จวินชิงสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา เขาก็ได้เห็นใบหน้าห่วงใยของบิดานั่งอยู่ข้างเตียง
“ท่านพ่อ?” จวินชิงพยายามฝืนตัวลุกนั่ง ทว่าเขากลับรู้สึกเหมือนกระดูกทั้งร่างถูกป่นแล้วนำมาเชื่อมติดกันใหม่ มันเจ็บปวดมากจนเขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย
“นอนดีๆ อย่าเพิ่งลุกขึ้นมา!” จวินเสี่ยนพูดอย่างรีบร้อน
“เกิดอะไรขึ้นกับข้าหรือขอรับ” ทั่วทั้งร่างเขายามนี้มันเจ็บปวดจนแทบจะขาดออกเป็นชิ้นๆ แล้ว อย่างไรก็ตามท่ามกลางความทรมานกลับมีความรู้สึกผ่อนคลายแปลกๆ แฝงอยู่ด้วย
“เจ้าเกือบทำพ่อหัวใจวายตายแล้วรู้หรือไม่”
“…” จวินชิงมองเขาอย่างพูดไม่ออก สมองเบลอไปชั่วขณะ
…………….