บทที่ 19 ล่อหนอนกู่
สายตาเขาเลื่อนไปมองกระจกสูงเกือบครึ่งตัวที่อยู่ด้านข้างโดยไม่ทันรู้ตัว
บุรุษร่างสูงยืนหลังตรงผู้หนึ่งสะท้อนกลับมา ผมที่ยาวถึงเอวดูโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยเรือนผมมีสีเงินเหลือบขาวดั่งหิมะ
หลายครั้งหลายคราที่เขาไม่อาจแยกแยะได้ว่าเขาอยู่ในโลกแห่งความฝันหรือโลกแห่งความเป็นจริง
ส่วนบุรุษตรงหน้าเขาผู้นี้ ถึงจะเป็นเวลานานแล้ว ทว่าเขาก็ยังรู้สึกไม่ชินสักที
หลังจากเสี่ยวอวี่ตายไป เขาก็ทำตามคำขอสุดท้ายของนาง นั่นคือแอบนำร่างของนางออกไป ทว่าโชคร้ายที่ชายคลั่งผู้นั้นไม่ยอมปล่อย ร่างที่ไร้วิญญาณของนางให้หลุดมือ
ตอนที่เขากำลังจะหลบหนีออกจากรังปีศาจนั่นพร้อมกับร่างของเสี่ยวอวี่ เขาก็ถูกเจอตัวเสียก่อน
บุรุษผู้นั้นสั่งนักฆ่าทำร้ายเขาเสียปางตาย แถมยังฉีกชุดแต่งงานบนร่างของเสี่ยวอวี่ต่อหน้าต่อตาเขา นัยน์ตาของนางปิดสนิท สีหน้านางเป็นสุขยิ่ง ทั้งอ่อนโยนและงดงามราวกับว่านางกำลังนอนหลับอยู่ในห้วงนิทราเท่านั้น
ทว่านางไม่อาจลืมตาขึ้นมาอีกต่อไป ไม่อาจขยับเขยื้อนกายได้อีกต่อไป ไม่อาจโต้ตอบได้อีกต่อไป
สตรีที่เขายกย่องสูงส่งราวกับเทพเซียน กระทั่งหลังจากสิ้นใจไปแล้ว กลับถูกหมิ่นเกียรติถึงเพียงนี้
ในตอนนั้นเขาถูกคนหลายคนจับตัวไว้ ทว่าวินาทีที่เห็นภาพนั้น ในหัวเขาพลันมีความคิดบ้าคลั่งหนึ่งผุดขึ้น เขาอยากฆ่าคนผู้นั้น อยากจะสังหารปีศาจที่ทำให้เสี่ยวอวี่ต้องแปดเปื้อน!
พริบตาต่อมาร่างกายเขาก็พลันเปลี่ยนแปลงไป พลังภายในร่างพลุ่งพล่าน ผมสีดำที่ยาวถึงแค่ใบหูของเขายาวขึ้นอย่างรวดเร็ว และแปรเปลี่ยนเป็นสีเงินเหลือบขาวราวกับหิมะ ทำให้นักฆ่าเผลอปล่อยมือออกจากร่างเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
เขามองเห็นความหวาดกลัวในนัยน์ตาของบุรุษผู้นั้น ทว่าก็สายไปเสียแล้ว ในหัวเขาตอนนี้มีเพียงความคิดที่จะฉีกร่างคนผู้นั้นเป็นชิ้น ๆ!
เขาอยากให้ใต้หล้าเจิ่งนองไปด้วยเลือด ให้โลกที่ทำให้นางต้องจากไปไม่มีโอกาสได้เห็นแสงตะวันอีกเป็นครั้งที่สอง!!
หลังจากนั้นเขาก็ออกฆ่าสังหารอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็พบว่าตนเองมาอยู่ในโลกแปลกประหลาดใบนี้แล้ว
เขารู้เพียงว่าโลกแห่งนี้กับโลกที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่นั้นเป็นคนละโลกกัน ทว่าก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน ผู้คนที่นี่บำเพ็ญเพียรเช่นเดียวกัน พลังวิญญาณที่นี่หนาแน่นกว่า ดังนั้นจึงสามารถบำเพ็ญเพียรได้รวดเร็วยิ่งกว่าในโลกที่เขาเคยอยู่
ที่เขาหลับลึกไปนานในครั้งนี้เป็นเพราะเขาบำเพ็ญเพียรจนถึงขีดสุด ต้องทะลวงไปยังขั้นพลังด่านต่อไป พลังจึงไม่มั่นคง ดังนั้นการหลับลึกเช่นนี้สามารถช่วยให้ร่างกายค่อย ๆ ดูดซับพลังเหล่านั้นได้
ตอนนี้ทั่วทั้งร่างเขารู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ ตัวเขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองมีขั้นพลังด่านไหน เป็นเพราะวิธีที่เขาใช้บำเพ็ญเพียรนั้นแตกต่างกับคนที่นี่อย่างสิ้นเชิง
หากเสี่ยวอวี่ยังอยู่ นางต้องรู้เป็นแน่!
“เสี่ยวอวี่…..” ชิงเยี่ยหลีอดพึมพำเสียงเบาออกมาไม่ได้ นัยน์ตาเขาพลันหรี่ลงเมื่อความคิดบ้าบิ่นความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว
เป็นไปได้ไหมว่าเสี่ยวอวี่ยังมีชีวิตอยู่?
ในเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ นางที่มีขั้นพลังด่านครึ่งสวรรค์ก็คงไม่แตกดับลงได้ง่ายถึงเพียงนั้น!
ใช่แล้ว ต้องเป็นเช่นนี้แน่ สตรีที่มีจิตใจงดงามเช่นนางไม่อาจสลายหายไปเช่นนั้นแน่ ไม่แน่ว่านางเองก็อาจจะเดินทางมายังแดนประหลาดแห่งนี้เช่นเดียวกัน!
ชิงเยี่ยหลีสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะยื่นมือออกไป ทันใดนั้นไข่มุกสีขาวก็ปรากฏขึ้นในมือ
“ไม่หรอก นี่ให้เจ้า”
“คืออะไร?”
“ด้านในมีจิตของข้าอยู่เสี้ยวหนึ่ง หากวันไหนเจ้าตามหาข้าไม่เจอหรือพบเจออันตรายใด บีบมันให้แตก ข้าจะสามารถสัมผัสถึงมันได้”
จิตเสี้ยวหนึ่งของนางชิ้นนี้ เขาได้รับมันมาแล้วหลายปี ทว่าเขากลับไม่กล้าใช้มัน หากแต่ในตอนนี้คงได้แต่พึ่งมันในการตามหาตัวเสี่ยวอวี่แล้ว
“ข้าสบายดี หวังว่าเจ้าเองก็จะสบายดีเช่นกัน” ชิงเยี่ยหลีหลับตาลง ก่อนจะกำมือแน่นและบีบไข่มุกในมือจนแหลกละเอียด โดยไม่ทรงเหลือท่าทีลังเลอีกต่อไป
หวังว่าจะไม่สายเกินไป
——————-
“อึ่ก…..”
เด็กสาวที่กำลังจดจ่ออยู่กับการปรุงยาพลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หว่างคิ้ว
เมื่อเห็นว่ายาที่เกือบจะปรุงสำเร็จกำลังจะถูกทำลายลง นางจึงรีบกัดปลายลิ้นตนและใส่กำลังภายในเข้าไปอย่างเร่งรีบ ทันทีจะรักษายาไว้ได้พอดิบพอดี
จากนั้นนางจึงค่อย ๆ เทยานั่นเก็บลงในขวดกระเบื้องที่ถูกทำขึ้นมาโดยเฉพาะก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เมื่อครู่คืออะไรกัน?” ชิงอวี่พึมพำกับตนเอง มือก็นวดขมับไปด้วย ความเจ็บปวดเมื่อครู่เจ็บลึกไปถึงวิญญาณในร่าง เป็นความรู้สึกที่ใกล้ชิดและคุ้นเคยนัก
หรือว่า…..
“เป็นไปไม่ได้ เรื่องเช่นนั้นไม่มีทาง ข้าคงคิดมากไป”
ชิงอวี่หัวเราะก่อนจะส่ายหน้ากับตนเองเบา ๆ วันนี้นางยังต้องมานั่งแก้ปัญหาเพื่อตามชดใช้หนี้ที่ติดค้างไว้ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาให้คิดเรื่องอื่นมากนัก
— หอเมฆาเคลื่อน —
“คุณชาย….. คุณชายชิง! เจ้าทำอะไรน่ะ!?”
ไป๋จือเยี่ยนร้องถามขึ้นด้วยความตกใจ ยืนมองภาพเจ้าเด็กหน้ามนที่กำลังถอดเสื้อผ้าบุรุษที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างชำนิชำนาญ ด้วยอาการอ้าปากค้าง ในตอนนั้นเองที่เจ้าหนูนี้ก็กำลังเงื้อกรงเล็กปีศาจ หมายจะถอดกางเกงคนบนเตียงออก
เขารีบเข้าไปห้ามเด็กหนุ่มทันที “เหตุใดถึงต้อง….. ถอดเสื้อผ้าด้วย?”
เหตุใดเขาที่เป็นฝ่ายถามถึงต้องรู้สึกอึดอัดเช่นนี้แทนเล่า?
ใบหน้าของเด็กหนุ่มนั้นสงบนิ่งมาก
ใบหน้างดงามของเด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นก่อนถาม “หากไม่ถอดเสื้อผ้าออกแล้วข้าจะหาตำแหน่งของหนอนกู่ได้อย่างไร?”
“แล้ว….. แล้วจำเป็นต้องถอดออกทั้งหมดเลยหรือ?” ไป๋จือเยี่ยนพลันหน้าแดง ชั่วครู่หนึ่งถึงจะหาเสียงตนเองเจอและพูดจนจบประโยคได้
“ไม่จำเป็น” ชิงอวี่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ นางถอดกางเกงชั้นนอกออก เหลือกางเกงชั้นในสั้น ๆ ตัวหนึ่งไว้บนร่างของบุรุษที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
ไป๋จือเยี่ยนเห็นดังนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร หากจอมมารผู้นี้ฟื้นขึ้นมาแล้วรู้ว่าเขายอมปล่อยให้คนอื่นจับเขาเปลื้องผ้าละก็ นายท่านต้องไม่ไว้ชีวิตเขาแน่
สายตาชิงอวี่ไม่ละออกจากร่างกายดูดีดั่งรูปสลักของบุรุษตรงหน้าแม้แต่น้อย นางกวาดสายตาไปหยุดอยู่ตรงใต้สะดือ ตรงจุดนั้นมีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กตัวหนึ่งมันมีขนาดเท่าหนึ่งกำปั้นกำลังขดตัวนอนหลับสบายอยู่ แถมยันกรนอีกด้วย ร่างของมันกระตุกไปมาเล็กน้อยบ้างในบางครา
นางดึงขวดยารูปร่างงดงามออกมาจากแขนเสื้อก่อนจะเปิดจุกออก กลิ่นหอมสดชื่นพลันโชยออกมาจากปากขวด เป็นกลิ่นที่ทำให้คนต้องชะงัก
ไป๋จือเยี่ยนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง จากนั้นเพ่งมองขวดยากระเบื้องเคลือบนั่น ใบหน้าเขาดูเจ็บปวดเล็กน้อย ยาชั้นเลิศเช่นนี้ จะนำไปให้เจ้าหนอนนั่นกินจริงหรือ?
น่าแค้นใจนัก
กลิ่นยาหอมหวนโชยมาจนไม่อาจเมินเฉยได้ กลิ่นเช่นนี้เย้ายวนใจยิ่งนัก กระทั่งหนอนกู่หยินหยางเพลิงเยือกแข็งที่กำลังนอนหลับอย่างสงบสุขก็ยังดิ้นไปมาโดยไม่ทันรู้ตัว ดวงตาภายใต้เปลือกตาที่ปิดอยู่ของมันเริ่มหมุนวนไปมาราวกับต้องการหาต้นตอของกลิ่นหอมนี่ว่าอยู่ที่ใด
เมื่อรู้สึกตื่นเต้นและถูกรบกวนอย่างฉับพลันเช่นนี้ มันจึงส่งความทรมานไปให้เจ้าของร่างที่มันอยู่อาศัยด้วยเช่นกัน โหลวจวินเหยาขมวดคิ้วแน่นแม้จะยังไม่ได้สติ ใบหน้าเขาเริ่มเปลี่ยนสีไปจนดูน่ากลัว
วินาทีต่อมา ไป๋จือเยี่ยนก็ถึงกับหน้าซีดปากสั่นเมื่อเขาเห็นว่าที่ช่วงล่างของนายท่านนั้นเริ่มมีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวนูนออกมา แถมหูยังได้ยินเสียงที่ราวกับเสียงท้องร้องดังขึ้น “จ๊อก ๆ” อีกด้วย เป็นเสียงที่ฟังแล้วดูน่ากลัวนัก
ชิงอวี่หรี่ตา มุมปากยกยิ้ม นางหยิบยาแก่นพลังขึ้นมาอยู่เหนือจุดที่เจ้าหนอนกำลังดิ้นไปมาอยู่ในร่าง เมื่อกลิ่นหอมโชยมาใกล้เช่นนี้ เจ้าหนอนก็เริ่มทนไม่ไหว รอยนูนเล็ก ๆ ที่เคลื่อนไหวไปมากลับบวมขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นก้อนนูนขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง
ตอนนี้ล่ะ!
ชิงอวี่ยื่นมือเข้าไปเล็กน้อย จากนั้นใช้นิ้วจิ้มเข้าใส่ก้อนนูนนั่นอย่างแรง หนอนกู่ตัวเล็กพลันหลุดออกมาจากร่าง มันจึงพุ่งเข้าใส่ชิงอวี่ด้วยความโกรธเกรี้ยว
วินาทีที่มันกำลังพุ่งเข้าใส่ชิงอวี่ ร่างของมันพลันถูกพลังมหาศาลตรึงไว้ รู้สึกราวกับถูกภูผาทับร่าง ร่างของมันร่วงหล่นลงไปกับพื้นอย่างแรง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีกต่อไป
ชิงอวี่ไม่สนใจมันอีก ทว่าหันไปยัดยานั่นใส่ปากโหลวจวินเหยา เม็ดยาละลายทันทีก่อนจะไหลลงคอเขาไปอย่างง่ายดาย
“เจ้ามนุษย์บัดซบ! นั่นมันของข้า!”