บทที่ 20 หนอนกู่น้อยคลั่งไคล้คนงาม

สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ!

บทที่ 20 หนอนกู่น้อยคลั่งไคล้คนงาม

น้ำเสียงนั้นแหบพร่าบาดแก้วหูเล็กน้อย

และน้ำเสียงนั่นก็ออกมาจากหนอนกู่ตัวอ้วน ที่ตอนนี้กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

“หนอนกู่ตัวนี้คงมีพลังบำเพ็ญเพียรมากจนกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายเป็นแน่! มันพูดได้ด้วยหรือนี่?” ไป๋จือเยี่ยนรู้ว่าเจ้าหนอนนี่ไม่เป็นอันตรายอีกต่อไปจึงนั่งยอง ๆ ลงมองประเมินมันด้วยความสนใจ

ร่างของมันมีขนาดเท่ากำปั้นเด็กทารก รูปร่างตุ้ยนุ้ย ที่หัวมีหนวดสองหนวด ร่างของมันมีสีน้ำเงินและแดงเหลือบกัน มีดวงตาสีเทา หน้าตาดูเป็นหนอนที่ชั่วร้ายตัวหนึ่ง

“เหอะ ๆ หน้าตาอัปลักษณ์จริง ๆ นั่นล่ะ” ไป๋จือเยี่ยนแสดงความเห็น

“เจ้าสิอัปลักษณ์! อัปลักษณ์ทั้งตระกูล!” หนอนกู่หยินหยางเพลิงเยือกแข็งโต้กลับด้วยความโกรธเกรี้ยว

มันรู้ดีว่ารูปร่างหน้าตามันไม่น่ามองเท่าไหร่ ดังนั้นมันจึงเลือกเหยื่อที่มีหน้าตางดงามเท่านั้น โดนจี้ปมด้อยเช่นนี้ยิ้งทำให้มันหงุดหงิด มันเกลียดคนที่หาว่ามันหน้าตาอัปลักษณ์เป็นที่สุด

หากไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้มันไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ละก็ มันก็คงคิดสังหารบุรุษปากเสียผู้นี้ไปแล้ว

ชิงอวี่ตรวจดูอาการบุรุษที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอีกทีอย่างรอบคอบ เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีอาการใดที่ร้ายแรงถึงชีวิต นางก็ค่อย ๆ หันกลับมามองหนอนกู่กับไป๋จือเยี่ยนที่กำลังเล่นสงครามสายตากันอยู่

เป็นเจ้าหนอนน่ารังเกียจมาก ชิงอวี่เริ่มรู้สึกว่าท้องไส้ตนเองปั่นป่วน สีหน้านางจึงเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชายิ่ง

เจ้าหนอนที่กำลังก่นด่าคนไม่หยุดพลันชะงักค้างไป ก่อนจะหันมามองเด็กหนุ่มชุดขาวด้วยความมึนงง

ใบหน้างามแยกแยะไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย ทว่าเครื่องหน้ากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ดูงดงามราวกับเด็กสาว ทว่าก็มีสีหน้าที่ดูเกียจคร้านยิ่ง นัยน์ตาเยียบเย็น มองเห็นถึงแววรังเกียจอยู่ภายใน ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ลดทอนความงดงามของเด็กหนุ่มแต่อย่างใด

หนอนกู่หยินหยางเพลิงเยือกแข็งมีชีวิตอยู่มามากกว่าร้อยปี มันไม่เคยเห็นผู้ใดงดงามไร้ที่ติเช่นนี้มาก่อน เด็กหนุ่มผู้นี้มีใบหน้างดงามกว่าบุรุษหน้าหยกทั้งหมดที่มันเคยเจอมัดรวมกันเสียอีก

ในวินาทีนั้นเอง ดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความปีติยินดียิ่ง ลืมไปจนสิ้นว่าตัวมันกำลังถูกตรึงอยู่ด้วยฝีมือของเด็กหนุ่มตรงหน้ามัน

เมื่อชิงอวี่เห็นสายตาของเจ้าหนอนที่มองมายังนาง นางก็เริ่มหมดความอดทน นางหยิบขวดไม้ออกมาก่อนจะใส่เจ้าหนอนลงไปในขวดนั่นอย่างรวดเร็ว

เจ้าหนอนตัวน้อยยังคงตกอยู่ในภวังค์ความงามของนาง ตอนที่กำลังถูกจับลงขวดก็ไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย

จนถึงตอนที่มันถูกกักขังอยู่ในขวดที่ผนึกมันไว้มันถึงเพิ่งรู้สึกตัว ทั้งดิ้นทั้งส่งเสียงขู่คำรามด้วยความเกรี้ยวกราด

ชิงอวี่กำขวดไม้แน่นก่อนจะส่งพลังวิญญาณเข้าโจมตีด้านในขวด เจ้าหนอนกู่ที่อยู่ภายในพลันสงบลงในทันที หลังจากถูกพลังซัดโดยไม่ได้ตั้งตัวและหมดสติไป

นางโยนขวดให้ไป๋จือเยี่ยนซึ่งก็รับขวดที่นางโยนมาโดยสัญชาตญาณ จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าสับสน “เจ้าโยนมันมาให้ข้าทำไม?”

ทว่าสิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือเจ้าหนูกลับกลอกตาใส่เขา “เจ้าคงไม่คิดว่าแค่เอาหนอนกู่ออกจากร่างได้แล้วนายท่านของเจ้าจะหายดีแล้วหรอกนะ?”

“เป็นเช่นนั้นหรือ??”

“หนอนกู่หยินหยางเพลิงเยือกแข็งเป็นหนอนกู่ที่รั้งอันดับต้น ๆ ของหนอนกู่ที่ใช้ในคาถาสาปแช่งยุคโบราณ หากไม่ใช่ว่าข้ามีความรู้ในเรื่องนี้มาก่อนคงไม่สามารถนำมันออกมาจากร่างได้ง่ายดายเช่นนี้ หนอนกู่อยู่ในร่างนายท่านของเจ้ามานานเกินไป กัดกินแก่นพลังชีวิตของนายท่านของเจ้าไปเล็กน้อย เจ้าต้องนำหนอนกู่ตัวนี้ไปกลั่นยาภายในสามวัน ดึงผลึกแก้วออกมาจากสมองของมัน จากนั้นให้นายท่านของเจ้าดูดซับผลึกแก้วนั่นเพื่อขจัดอาการต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ตอนนี้ให้หมดสิ้นไป”

“อย่างนี้นี่เอง” ไป๋จือเยี่ยนพยักหน้ารับ ทว่าจู่ ๆ พลันนึกบางอย่างขึ้นได้ “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่เป็นคนกลั่นมันเองเล่า?”

เรื่องมาจนถึงขนาดนี้แล้ว เหตุใดจึงไม่ทำการรักษาให้ถึงที่สุดไปเลย?

“ข้าไม่เอาด้วยหรอก” ชิงอวี่ย่นจมูกตนด้วยความรังเกียจ “เจ้าหนอนนั่นน่าเกลียดเกินไป”

“…..” ไป๋จือเยี่ยนไม่อาจสรรหาคำพูดใด ได้แต่หัวเราะออกมา เมื่อครู่เจ้าเด็กคนนี้ทำท่าทางราวกับเด็กน้อยผู้หนึ่งสมอายุจริงยิ่ง

ระหว่างที่คนทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่นั้น บุรุษที่นอนอยู่บนเตียงก็ได้ลืมตาขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหนไม่มีผู้ใดรู้ นัยน์ตาสีม่วงคู่งามส่องประกายสดใสกว่าเคย แต่ก่อนที่เคยมีหมอกควันปกคลุม ทว่าตอนนี้กลับสดใสไร้สิ่งใดมาทำให้หมองหม่น ราวกับผลึกแก้วสีม่วงบริสุทธิ์ที่สุกสกาว

ชิงอวี่ชะงักไปเล็กน้อย ดูท่าจะถูกนัยน์ตาคู่งามนั้นทำให้ตกอยู่ในภวังค์ มันสวยงามอย่างไร้ที่ติ จากนั้นนางจึงยิ้มบาง ที่มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “ดูท่าท่านจะไม่เป็นอะไรแล้ว”

โหลวจวินเหยานัยน์ตาว่างเปล่าไปชั่วครู่ ก่อนจะได้สติคืนมาอย่างรวดเร็ว

ในร่างกายเขามีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป เขารับรู้ได้ถึงความแตกต่าง เป็นความรู้สึกสบายตัวมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เว้นเสียแต่เขากลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเยียบเย็นที่….. แทบจะสัมผัสไม่ได้บนร่าง?

จากนั้นสายตาเขาจึงมองต่ำลงที่ร่างกายตนเอง ก่อนที่สีหน้าจะดำมืดลงจนเห็นได้อย่างชัดเจน เขากัดฟันแน่นก่อนจะเอ่ยชื่อหนึ่งออกมา “ไป๋จือเยี่ยน!”

ไป๋จือเยี่ยนทำงานรับใช้เขามานานหลายปี เป็นผู้ที่เข้าใจอารมณ์ของนายท่านดีที่สุด ทันทีที่น้ำเสียงเรียกชื่อตนแผดเสียงขึ้น ไป๋จือเยี่ยนก็พุ่งเข้าไปดึงผ้าห่มที่กองอยู่ด้านข้างขึ้นมาคลุมร่างนายท่านตนไว้อย่างแน่นหนา

เรื่องเช่นนี้ไม่ตลกแม้แต่น้อย โหลวจวินเหยาไม่เพียงรักความสะอาด ทว่าอารมณ์ของเขานั้นยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด เจ้าเข้าใจหรือไม่?

ยิ่งในสถานการณ์ที่เขาถูกเปลื้องผ้าออกจนแทบเปลือยเปล่าไปทั้งร่าง แถมยังถูกผู้อื่นเห็นเข้าเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วนับว่าเสียหน้าและศักดิ์ศรีอย่างมาก

หากไม่ใช่เพราะที่ทำไปเพื่อการรักษา เจ้าหมอนี่คงซัดฝ่ามือเดียวปลิดชีพเขาแล้วเป็นแน่แท้

บุรุษสองคนตรงหน้านาง คนหนึ่งโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง อีกคนยิ้มอิหลักอิเหลื่อ ชิงอวี่พลันได้สติ การกระทำแปลกตาเมื่อครู่ของบุรุษผู้นี้ทำให้นางรู้สึกฉงนยิ่งนัก เป็นตอนนั้นเองที่นางพลันหลุดปากออกไปอย่างไม่ทันคิด “หรือว่าท่านจะ….. เขินงั้นหรือ?”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” นัยน์ตาโหลวจวินเหยาดำมืด สายตาพิฆาตตวัดมาทางชิงอวี่ที่ยืนพิงกำแพงนิ่งเฉยอยู่

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ไป๋จือเยี่ยนจึงรีบกระโดดไปขวางสายตาพิฆาตนั่นในทันที “นายท่าน เป็นคุณชายชิงที่ช่วยชีวิตท่านไว้”

สายตาพิฆาตของนายท่านทรงพลังเช่นไรเขาได้สัมผัสมันมาก่อนแล้ว หากเมื่อครู่ไม่รอบคอบเผลอทำร้ายเจ้าเด็กนั่นไป นายท่านของเขาไม่กลายเป็นคนเนรคุณหรอกหรือ?

เมื่อเห็นว่าเขายังนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำใด ไป๋จือเยี่ยนจึงกล่าวต่อ “นายท่าน คุณชายชิงมีความสามารถมาก ร่างกายนายท่านไม่ได้ถูกพิษเพลิงเยือกแข็งแต่อย่างใด หากแต่เป็นหนอนกู่ที่อยู่ในร่างต่างหาก”

โหลวจวินเหยาหรี่ตาลง “หนอนกู่หรือ?”

กระทั่งในแดนเมฆาสวรรค์ ทุกคนต่างก็ยังหวาดกลัวหนอนกู่ที่ใช้สาปแช่งเช่นนี้ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่หาได้ยากและลึกลับมาก

ปกติแล้วมีเพียงตระกูลใหญ่ที่จะมีไพ่ตายซ่อนไว้หนึ่งหรือสองอย่าง ซึ่งก็คือคนเลี้ยงกู่ คนเลี้ยงกู่เหล่านี้คือผู้คนที่เกิดจากกลุ่มคนที่ใช้หนอนกู่โจมตีศัตรูหรือใช้ควบคุมฝ่ายตรงข้าม คนเลี้ยงกู่ใช้ชีวิตเร้นกายในความมืด อยู่ท่ามกลางหนอนกู่นับพันตัว เป็นกลุ่มคนที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก

โหลวจวินเหยาไม่ชอบการที่ต้องรับมือกับคนจิตใจชั่วช้าเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร ถึงตัวเขาเองจะไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนดีก็ตาม ทว่ากับเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ ยามเมื่อต้องแปดเปื้อนสัมผัสมันไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็จะแปดเปื้อนไปเช่นนั้นไม่อาจสลัดความผิดบาปมันให้สิ้นได้ ความจริงข้อนี้เขารู้อยู่เต็มอก

แล้วตอนนี้กลับมีคนบอกเขาว่า สิ่งที่ทรมานเขามาอย่างยาวนานนั้นไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นหนอนกู่ที่ชั่วร้าย!

สิ่งที่ไม่น่าเชื่อมากกว่านั้นคือไม่เคยมีผู้ใดรอดชีวิตจากการถูกหนอนกู่เล่นงานเช่นนี้มาก่อน ในขณะที่ตัวเขากลับรอดชีวิตมาได้เป็นเวลานานอย่างปาฏิหาริย์

ถึงเขาจะมีพลังกล้าแกร่งเพียงไหน แต่ในใจก็ยังอดรู้สึกหวาดกลัวลึก ๆ ไม่ได้

“ท่านไม่ต้องเป็นกังวล หนอนกู่ถูกนำออกมาจากร่างแล้ว ท่านโชคยังดีที่ได้พบข้า” เมื่อเห็นสีหน้าเขาเช่นนั้น ชิงอวี่ก็พอเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นนางชี้ไปทางไป๋จือเยี่ยน “มันอยู่ในนั้น ท่านเพียงนำมันไปกลั่นยา จากนั้นท่านก็จะหายเป็นปกติโดยสมบูรณ์ อาจจะได้ประโยชน์มากหน่อยด้วยซ้ำเพราะพลังการบำเพ็ญเพียรของท่านจะเพิ่มสูงขึ้นมาก”

หนอนกู่หยินหยางเพลิงเยือกแข็งไม่ได้มีเพียงข้อเสีย อย่างน้อยก็สามารถช่วยทำให้การบำเพ็ญเพียรรวดเร็วขึ้นได้ จากที่ต้องใช้เวลาถึงครึ่งเดือนก็ร่นลงเหลือเพียงหนึ่งวัน