ตอนที่ 36 ความเท่าเทียมสามสิบแปดกระดา

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

36 ความเท่าเทียมสามสิบแปดฝ่ามือ

ฉันโดนต่อยประมาณสิบกว่าหมัดต่อเนื่อง

กำปั้นอันแหลมคมพุ่งเข้าใส่แต่ใบหน้าโดยไม่ลังเลหรือปรานี

――ดีจริง ๆ แทบห้ามใจไม่ได้เลย

ในความเป็นจริง หากถามว่าเจ็บไหม ก็เจ็บพอสมควร รอยฟกช้ำเล็กน้อยน่าจะมีให้เห็นอยู่บ้าง

แต่ทว่า ฉันคิดว่าถือว่าเป็นการต่อต้านของผู้อ่อนแอที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ทั้งยังรู้สึกได้แม้แต่ความรัก

ฉันอดยิ้มไม่ได้ และเมื่อฉันยอมให้ต่อยอีกสิบหมัด――ชายในชุดสูทขมวดคิ้วอย่างไม่ปิดบัง

“มีอะไรน่าหัวเราะกัน……”

“เอ๊ะ? ……ก็เพราะกำปั้นไม่เห็นจะรู้สึกเลยสักนิดนิ?”

จริง ๆ แล้วก็เจ็บพอสมควร แต่ อืม จะว่ายังไงดี ถ้านับว่าเป็นการต่อสู้เอาชีวิต ก็แค่อาการคัน ๆ ฉันหมายถึงไม่จำเป็นต้องหลบด้วยซ้ำ

“……แปลกใช่ไหมล่ะคะ พวกที่โดนต่อยอยู่ต้องมีการตอบโต้รุนแรงสิ ทั้งที่ต่อยไม่หยุดแบบนี้ ทั้งที่ตั้งใจต่อยให้จบในหมัดเดียว แต่ทำไมฉันถึงยันยืนอยู่ได้”

เรื่องนั้นก็ช่วยไม่ได้

“ก็เพราะคุณอ่อนแอเกินไปยังไงล่ะคะ พูดว่าไม่มีสามารถยังได้เลยค่ะ”

“อะ?”

“ฉันคิดว่าเป็นหน้าที่ของผู้แข็งแกร่งที่จะต้องตอบรับพลังของผู้อ่อนแอเพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้

――หากแสดงระดับความแข็งแกร่งขั้นต่อไปที่เหนือกว่าอย่างตรงไปตรงมาก็จะเป็นอาหารรสความพ่ายแพ้ที่ง่ายต่อการเข้าใจยังไงล่ะ?”

และเมื่อรับอาหารเข้าไปแล้ว ฉันก็หวังว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

มุ่งเป้าสู่ผู้แข็งแกร่งอย่างฉัน จงแข็งแกร่งขึ้นสิ

……ม๊า แต่จะตามทัน หรือก้าวข้ามฉันได้ไหม นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“――หุบปากของแกซะ”

ชายในชุดสูทที่ดูไม่เต็มใจในตอนแรก แสดงความเป็นศัตรู ความอาฆาต และเจตนาฆ่าออกมาทางสีหน้าอย่างปิดไม่อยู่ ดีจัง ดูเหมือนจะเครื่องร้อนขึ้นมาในที่สุด

ใช่ ใช่ ฉันต้องการให้เขาเอาจริง ปลดปล่อยออกมา ทุกสิ่ง

แล้วฉันจะทุบมันทิ้ง

นี่คือหน้าที่ของผู้แข็งแกร่ง

“――จะฆ่าแกให้ได้”

และ เมื่อชายในชุดสูทโบกมือ――แท่งโลหะก็ปรากฏขึ้น

“เอ๊ะ? นั่นอะไรน่ะ?”

ฉันอดไม่ได้ที่จะถาม

เมื่อกี้ เขาไปเอาแท่งโลหะออกมาจากไหน?

มายากล?

อาวุธลับอย่างนั้นหรือ?

ไม่สิ ดูไม่เหมือนว่าจะมีตรงไหนที่จะซ่อนแท่งโลหะยาวขนาดนั้นได้เลย หมายถึงดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ทางกายภาพ แถมดูไม่เหมือนของที่พับได้ด้วย

“ไปตายซะ ไอ้เด็กเวร!!”

ยังไงก็ตาม ทันใดนั้นเขาก็เผยอารมณ์โกรธและจิตวิญญาณ เหวี่ยงแท่งโลหะลงมาด้วยแรงทั้งหมดโดยไม่สนต่อความสงสัยของฉัน

เคร้ง

หากเป็นแค่แท่งโลหะตามพื้นที่ถูกเขาเก็บมาใช้ ฉันก็รู้สึกดีจังที่มีอาหารจานแยกเพิ่ม

แต่เพราะเป็นอาวุธที่ไม่สามารถระบุได้ ฉันจึงลองใช้แขนขวารับดู

เมื่อได้สังเกตรูปทรงแท่งโลหะระหว่างโดนฟาดตามนิสัย ――ฉันก็ยืนยันได้ว่าน่าจะเป็นแค่แท่งโลหะธรรมดา

อื~ม ……ถ้าเป็นอาวุธที่มีพลังเวทย์บรรจุอยู่ อย่างดาบเวทมนตร์ที่มีประวัติที่น่าสนใจ หรือดาบเวทมนตร์ระดับสูง อะไรทำนองนั้นก็คงไม่แปลกที่จะสามารถเรียกออกมาได้ในทันที

แต่ว่า ฉันคิดว่าแท่งโลหะที่เขาถืออยู่เป็นแค่แท่งโลหะธรรมดา ๆ

“โอ๊วววววววววววววววว!!”

เขาเหวี่ยงแท่งโลหะพร้อมเสียงคำรามลงมาอย่างไร้ความปราณี

เขายังคงเหวี่ยงแท่งโลหะลงมาอย่างไม่ลดละ

ฉันยังคงยอมรับการโจมตีต่อไปอย่างพอเหมาะ

ฉันรู้สึกว่าอาจจะรู้สึกดีกว่านี้หากได้ลองรับตรง ๆ ดูสักครั้ง แต่ก็อย่างที่ใคร ๆ น่าจะคิดได้ หากถูกตีด้วยของแข็งก็มีโอกาสที่เลือดจะออกได้อยู่ ดังนั้นอย่าทำดีกว่า

ฉันเป็นลูกสาวขุนนาง และไม่อยากให้เสื้อผ้าสกปรก คงแย่แน่ถ้าริโนกิสรู้เข้า

“…………”

หลังจากยืนรับได้ประมาณห้าสิบสี่ที ชายในชุดสูทก็หยุดเคลื่อนไหว

เขาหายใจหอบไหล่สั่นจากความเดือดดาลด้วยความคลุ้มคลั่งและแรงกระตุ้น ก่อนมองลงมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ

แล้วพึมพำ

“……นา ข้าอ่อนแอมากเลยเรอะ?”

เอ๊ะ?

ถาม?

ฉัน?

“สงสัยสินะคะ แต่พูดตรง ๆ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”

ฉันแน่ใจว่าจนถึงตอนนี้ เขาคงจะภูมิใจในการต่อสู้พอดู ฉันเดาว่านั่นคือเหตุผลที่เขามาที่นี่เอง

และการที่ได้เห็นว่าไม่สามารถทำอันตรายอะไรฉันได้เลยแม้จะทุ่มสุดกำลังแล้วก็ตาม ต้องทำร้ายความภาคภูมิใจของเขาอย่างมาก

――เป็นความรู้สึกผิดหวังทั่วไปสำหรับผู้ที่คิดว่าตนเองแข็งแกร่ง

ถึงแม้ฉันจะจำไม่ได้ แค่ฉันรู้สึกว่าตัวเองเคยสัมผัสประสบการณ์นี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง คิดว่านะ

ดังนั้นฉันจึงเข้าใจ

“เป็นเพราะฉันแข็งแกร่ง เป็นเพราะคุณอ่อนแอกว่าฉันที่แข็งแกร่ง

ม๊า จะทางไหนก็ตาม ฉันมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง และคิดว่าไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยถ้าคุณแพ้ฉัน”

ฉันลูบมือขวาซึ่งใช้รับแท่งโลหะที่ฟาดลงมาอย่างแรงโดยไม่มีทักษะใด ๆ อาจจะมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย แต่แค่นั้นก็หายได้ในชั่วข้ามคืน

――สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้แน่นอนก็คือเขาอ่อนแอเกินไปสำหรับฉัน

นี่ก็เป็นความกังวลในระดับเดียวกับเวลากินแอปเปิ้ลที่ฉันสามารถเอาชนะความรู้สึกลังเลว่าควรจะลอกเปลือกแอปเปิ้ลคุณกระต่ายออกดีไหม เขาอยู่ในระดับนั้นแหละ

“คุณพร้อมไหม?”

ถ้าเขาทำเต็มที่แล้ว ต่อไปก็ถึงตาของฉันบ้าง

“ฉันจะมอบบทเรียนเล็ก ๆ ห้คุณเอง เกร็งรับได้เลย”

พรุ่งนี้ฉันต้องออกจากเมืองหลวงแล้ว

นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ต่อสู้กัน

ฉันมาที่นี่ด้วยความตั้งใจที่จะจัดการกับคนร้อยคน แต่ฉันกับเจอความผิดหวัง

――ถ้าไม่ได้เล่นให้เต็มอิ่ม ฉันคงท้องอืดท้องเฟ้อจนนอนไม่หลับ

ฉันตบหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า หลบแท่งโลหะที่ถูกเหวี่ยงไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แน่นอนว่าแค่เบา ๆ เพราะถ้าฉันตีแรงเกินไป เขาจะตายได้

หลังจากที่ฉันตีเขาไปประมาณสามสิบแปดครั้ง หัวใจของเขาก็แตกสลาย

“……พอแล้ว ฆ่าข้าซะ”

เคล้ง แท่งโลหะหลุดจากมือ และล้มลงคลุกเข่าด้วยหัวใจที่แตกสลาย

ดูเหมือนว่าเขาจะตระหนักถึงความแตกต่างของพลังได้แล้ว และยอมแพ้――อุมุ เอาล่ะ

“ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าจะทำยังไงดีถ้าคุณไม่รู้จักจังหวะถอนตัว”

สามสิบแปดฝ่ามือ

เขาค่อนข้างแน่วแน่ทีเดียว

ฉันอาจจะเล่นเกินไปหน่อย แต่ฉันมั่นใจว่าจะเป็นอาหารที่ดีสำหรับเขา

ฉันหวังว่าสักวันหนึ่งเขา………..จะกลายเป็นคนเก่งที่เหนือกว่าฉัน

“จ๊า ฉันจะกลับแล้ว ได้ใช่ไหม?”

“……ไม่คิดเลยว่าจะต้องจบแบบนี้”

เอ๊ะ? อ้า นั่นสินะ

“คุณเป็นส่วนหนึ่งของมาเฟียใช่ไหมคะ? ……จ๊า งั้นคราวหน้าก็ลองออกไปหาฉันดูสิ

แต่ฉันจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงแล้ว เพราะต้องกลับไปบ้านเกิด

ถ้าฉันได้มาที่เมืองหลวงอีกครั้ง ตอนนั้นเรามาเล่นกันไหมคะ? ใช่แล้ว……เมื่อฉันกลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้ง ฉันจะมาปรากฎตัวที่ร้านเหล้าแห่งนี้ให้เองค่ะ”

“………..”

เขาทำหน้าอย่างสับสนราวกับว่าเขาไม่รู้ว่าจะตีความคำพูดของฉันยังไงดี พลางทำหน้ามุ่ย

“ฉันสัญญา ถ้ายังไงก็จัดการไล่น้องหมาออกไปซะ แล้วบริหารเปิดร้านเหล้าแห่งนี้ให้ออกมาดี ฉันจะมาใช้บริการในสักวันหนึ่งแน่นอน จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็ช่วยเตรียมการต้อนรับฉันเอาไว้ให้พร้อมด้วยนะคะ”

ฉันพยายามพูดออกไปด้วยความตั้งใจ แต่ฉันรู้สึกว่าทำได้ดีกว่าที่คิด

คงจะดีมากถ้าร้านเหล้าแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ไม่กี่แห่งที่ฉันสามารถหาคนมาต่อสู้ด้วยได้ ฉันอยากให้คุณยืนขึ้น ฉันอยากให้คุณแข็งแกร่งขึ้น

“……แกนี่พิลึกจริงนะ ยัยเด็กเปรตเอ๊ย”

ม๊า เรื่องนั้นฉันไม่ปฏิเสธหรอก