ตอนที่ 39 ทำไมมีผู้หญิงได้ล่ะ
มองหน้าเล็กๆ ของมู่เทียนซิงที่ไม่คิดมากอะไร จั๋วซีไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดยังไงดี
เขาเหลือบมองกระเป๋าสีชมพูฟ้าตรงข้างเท้า พอจะช่วยหลิงเล่พูดกลับได้ยินเสียงพี่ชายที่แย่งพูดมาก่อนว่า:“คุณหนูมู่ อยู่ต่อหน้าสามีในอนาคตแล้วมาพูดถึงคนรักในวัยเด็กที่ตัวเองอยากไปเจอ ท่านคิดว่าเหมาะสมไหมครับ?”
หล่อนดูนิ่งไป มองหลิงเล่
ตาของหลิงเล่เหมือนทะเลอันกว้างใหญ่ที่เบลอ คาดเดาไม่ได้ ทันใดนั้นก็มีแสงสาดใส่อารมณ์ทำให้มู่เทียนซิงไม่ค่อยเข้าใจ
สองมือของหล่อนวางอยู่บนเข่าของเขาแล้วก็ออดอ้อน:“พวกเราก็มีสัญญาลับกันอยู่ไม่ใช่เหรอ คุณลืมแล้วเหรอ?ลุง ต่อไปพวกเราไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว ดีไหม?ถ้าฉันมีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจ คุณพูดออกมา ฉันเปลี่ยนได้นะ พวกเรามาพยายามอยู่กันอย่างกลมเกลียว ในหลายปีนี้เราต้องมีความสุขด้วยกัน ดีไหม?”
จั๋วหรันมองหล่อนอย่างเย็นชา เมื่อกี้เขายังอยากหาทางให้คุณชายสี่พาหล่อนไปด้วย ตอนนี้คิดๆ ดูมันช่างไร้ค่าสำหรับคุณชายสี่!
ดูสิ หล่อนไม่ได้อยากอยู่กับเขาไปทั้งชีวิต!
หลิงเล่ปัดมือของหล่อนที่อยู่ตรงเข่าออกไป
มือใหญ่สีขาวนั่นเย็นเล็กน้อย ไม่ได้ออกแรงมากกลับทำให้มู่เทียนซิงรู้สึกว่าเขากำลังโกรธ
“ลุง ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณอีกแล้ว”หล่อนขมวดคิ้วเหมือนกำลังโกรธเช่นกัน
หลิงเล่กลับไม่สนหล่อนพูดกับจั๋วซีว่า:“ไป!”
จั๋วซีเข้ามาเข็นเขา ส่วนจั๋วหรันเข้ามาลากกระเป๋าสีดำ ชายสามคนออกจากบ้านไปอย่างนี้
มู่เทียนซิงทำปากจู๋ โกรธ มองดูกระเป๋าที่เอาขึ้นรถ มองดูพวกเขาที่ขึ้นรถ จากนั้นก็ออกไปจากสายตาหล่อน
มู่เทียนซิงอยู่ที่คฤหาสน์จื่อเวยเฉยๆ ทั้งวัน
เล่นคอมเสร็จก็ดูทีวี ดูทีวีจนเบื่อก็นอน พอหลับไปได้สักตื่นนึงก็กินกินกิน ไม่ก็อุ้นเจินเจินไปเล่นด้วยกัน
พระอาทิตย์ตกลง แสงของพระอาทิตย์ตกทำให้ดอกไม้ด้านนอกคฤหาสน์จื่อเวยต่างเปลี่ยนเป็นสีสันเหมือนความฝัน
หล่อนถือน้ำพุทราขวดนึงมานั่งที่หน้าสวนข้างๆ ลานบาส ตอนบ่ายกินขนมไปเยอะก็เลยยังทานข้าวเย็นไม่ลง นั่งคิดถึงบ้านอย่างเบื่อๆ
ฉวีซือเหวินดูแลหล่อนอย่างเงียบๆ
ทั้งวันนี้หล่อนใช้เหตุผลกับความต้องการหลายอย่างมาพูดกับฉวีซือเหวินไม่หยุดว่าให้หล่อนกลับบ้านไปสองสามวันได้หรือไม่ หล่อนรับรองว่าจะกลับมาก่อนที่คุณชายสี่กลับมา
ไม่ว่ายังไงฉวีซือเหวินก็บอกว่าไม่ได้
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อกี้นี้หล่อนยืมโทรศัพท์ของฉวีซือเหวินโทรหาที่บ้าน ฉวีซือเหวินก็ยังไม่ให้ยืม
ในใจของมู่เทียนซิงเสียใจหน่อยๆ คืนที่สวยงามของกิ่งไม้บนพระจันทร์ ในที่สุดหล่อนก็ทนไม่ไหว:“พี่อาซือ วันนี้พี่โหดกับฉันจัง ไม่เหมือนเมื่อวานเลย”
ฉวีซือเหวินยิ้มบางๆ :“ความคิดของคุณหนูมู่ซับซ้อนและเข้าใจยากกว่าคุณชายสี่ ในฐานะคนดูแลบ้าน ฉันก็ยังทำงานเหมือนปกติ เหมือนตอนนี้”
มู่เทียนซิงจ้องเขาแล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ:“ชัดเจนอยู่แล้วว่าหลิงเล่ไม่มีเหตุผล เขาไปต่างจังหวัด ไม่อยู่บ้าน ฉันกลับบ้านหน่อยจะเป็นไร ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าพวกพี่กำลังทำฉันโกรธอยู่”
“ไม่กล้าค่ะ”
“พี่”
“คุณหนูมู่จะทานข้าวเย็นไหมคะ?”
“ไม่อยากกิน”
“ค่ะ”
คุยกันแบบคำต่อคำ คุณถามฉันตอบ อย่างไม่สบอารมณ์
ในใจของมู่เทียนซิงน้อยใจ คิดถึงบ้านมากขึ้น
เอาขวดทิ้งไว้ที่ลานบาส หล่อนหมุนตัวเข้าบ้านมองต้นกุหลาบญี่ปุ่นที่อยู่ไม่ไกลแล้วพูด:“และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้หลิงเล่กำลังทำอะไร”
“ครึ่งชั่วโมงก่อน รถของคุณชายมู่เพิ่งอยู่ที่ทางด่วนของเมืองHค่ะ ตอนนี้น่าจะทานข้าวที่โรงแรม”ฉวีซือเหวินพูดไปก็เก็บขวดที่หล่อนทิ้งไว้ แล้วตามหล่อนไปต่อ
ทั้งสองเข้ามาในบ้าน มู่เทียนซิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ:“ไปเมืองHเหรอ?ฉันไม่เคยไปเลย สนุกไหม?”
“ฉันจำได้ว่าก่อนคุณชายสี่จะไปได้ถามท่านแล้วว่าจะไปด้วยกันไหม”
“อ้อ”
“คุณหนูมู่ วันนี้ทั้งวันคุณชายสี่จะไม่อยู่แล้วก็จะไม่มีใครมารบกวนท่านแล้ว ในหัวของท่านคิดถึงเมิ่งเสี่ยวหลงหรือคิดถึงคุณชายสี่มากกว่า?”
“เอ๋?”ในที่สุดมู่เทียนซิงก็นิ่งไป มองฉวีซือเหวิน:“ทำไมพี่ถึงปรปักษ์กับพี่เสี่ยวหลงขนาดนี้ล่ะ?”
หล่อนจำได้ว่าเมื่อเช้าเป็นเพราะพูดถึงเมิ่งเสี่ยวหลง หลิงเล่เลยออกไปอย่างเย็นชา
ฉวีซือเหวินจ้องหล่อน เห็นท่าทางของหล่อนที่ดูไม่ประสีประสา ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา:“เปล่าค่ะ”
พอเข้ามาในห้องรับแขกมู่เทียนซิงก็อยากขึ้นไปข้างบน สายตาก็มองไปเห็นกระเป๋าเดินทางสีชมพูฟ้าที่วางไว้อยู่ระหว่างโซฟากับโต๊ะ
วันนี้หล่อนเดินไปเดินมาในบ้าน ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นมัน
เลยถามไปงั้นๆ ว่า:“สามีพี่ได้โทรมาไหม พวกเขาลืมเอากระเป๋าอีกใบไป?”
“เปล่าค่ะ”ฉวีซือเหวินมองกระเป๋าใบนั้นอย่างปวดหัว:“นี่คือกระเป๋าที่ฉันเก็บให้ท่านเมื่อคืนเพราะจั๋วหรันกำชับมา เขาบอกว่าวันนี้คุณชายสี่จะพาท่านไปเมืองMด้วย ก็เลยให้ฉันมาเก็บเสื้อผ้า”
“เสือ้ผ้า?”มู่เทียนซิงไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย:“เสื้อผ้าข้างบนก็ใส่ไม่หมดแล้วแล้วยังเตรียมชุดอะไรอีก”
ฉวีซือเหวินพูดอย่างจริงใจ:“พวกนี้ไม่เหมือนกัน พวกนี้ล้วนแต่เป็นสีดำ สีขาว สีเทา สีพื้นๆทั้งนั้นที่เตรียมไว้กับรองเท้ากับกระเป๋าที่แมทซ์กันค่ะ”
“ฉันไม่ชอบสีพื้นๆ หม่นๆ แบบนั้น”
“วันมะรืนคือวันครบรอบของแม่คุณชายสี่”
“หะ?”
“ร่างของแม่คุณชายสี่ยังไม่เคยเอาขึ้นมา ดังนั้นคุณปู่เลยซื้อสุสานที่บ้านเกิดของคุณนายเพื่อทำอนุสรณ์ไว้ วันครบรอบของทุกปีคุณชายสี่ก็จะไปเยี่ยมด้วยตัวเอง”
มู่เทียนซิงไม่พูดอะไรออกมา
ตอนที่ฉวีซือเหวินคิดว่าเขาน่าจะตอบกลับอะไรบ้าง หล่อนกลับหมุนตัวขึ้นไป
ฉวีซือเหวินมองกระเป่าเดินทางด้วยความเศร้า
ยังคิดว่าโลกของคุณชายสี่จะสดใสขึ้นมาได้ก็เพราะว่ามีมู่เทียนซิง
กลับไม่เคยคิดว่า คุณหนูมู่จะเป็นคนไม่รักษาความรู้สึกและยังใจร้ายกับคุณชายสี่อีก
ก็ดี!
ตอนที่ฉวีซือเหวินจะออกไป บันไดก็มีเสียงเท้าลงมา
หล่อนเงยขึ้นไป กลับเห็นคนที่เดินออกไปมองมาที่หล่อนอย่างจริงจัง:“ยืมโทรศัพท์ได้ไหม?ฉันไม่ได้จะโทรไปหาที่บ้าน ฉันจะโทรไปหาคุณชายสี่ ฉันไม่รู้ว่ามะรืนคือวันครบรอบของแม่เขา มาสองวันเองไม่มีใครมาบอกฉันเลย ฉันไม่ได้ตั้งใจไม่ไป”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันโทรหาคุณชายสี่ให้”ดวงตาของฉวีซือเหวินดูรู้ทัน หยิบโทรศัพท์กดเบอร์ออกไป รอปลายสายรับ
แปปนึง เสียงออดอ้อนของหญิงสาวก็เข้ามา:“Hello~!”
ฉวีซือเหวินไม่ให้โอกาสฝ่ายตรงข้ามได้พูดอีก ตัดสายไป!
หน้าของมู่เทียนซิงซีดชี้ไปที่โทรศัพท์ของหล่อน พูด:“นี่ นี่......ทำไมมีผู้หญิงได้ล่ะ?”