บทที่ 35 หอประมูลสลักมายา (ต้น)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 35 หอประมูลสลักมายา (ต้น)

บทที่ 35 หอประมูลสลักมายา (ต้น)

ลู่หยวนขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าหอคอยนี้จะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่!

อย่างไรก็ตาม เมื่อไป๋อู่อีใช้มัน อาวุธวิเศษนี้ก็มีพลังมหาศาล แน่นอนว่านี่คืออาวุธ ตราบใดที่เป็นอาวุธก็ย่อมต้องมีระดับ… แต่เหตุใดสิ่งนี้จึงไม่มีระดับขั้น?

ระบบแจ้งเตือนว่า [หอคอยอสูรสวรรค์นั้นไม่ใช่อาวุธด้วยตัวมันเอง …พลังส่วนใหญ่นี้มาจากแก่นโลหิตมาร!]

ลู่หยวนผงะเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ย “ระบบ เจ้าหมายความว่าอย่างไร? พลังส่วนใหญ่ในอาวุธวิเศษนี้มาจากแก่นโลหิตมารอย่างนั้นหรือ?!”

[ใช่แล้วนายท่าน มีแก่นโลหิตมารในหอคอยอสูรสวรรค์ และแก่นโลหิตนั้นก็เป็นพลังอันแข็งแกร่งที่คอยสนับสนุนหอคอยอสูรสวรรค์ ส่งผลให้สิ่งวิเศษนี้ทรงพลังอยู่เสมอ!]

ลู่หยวนลอบยินดี แม้นี่จะไม่ใช่แก่นโลหิตมาร แม้เขาจะไม่สามารถดูดซับจากมันได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งนี้ก็จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้มหาศาล!

“สามารถสกัดแก่นโลหิตมารในหอคอยนี้ได้หรือไม่?”

[ไม่ได้!]

“…”

ความยินดีที่ฉายชัดในแววตาของลู่หยวนลดลงทันที หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ตระหนักได้ว่า หอคอยอสูรสวรรค์นี้มีแก่นโลหิตมารอยู่ และเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดสิ่งของหรือสถานที่บางแห่ง เห็นได้ชัดว่าสถานที่ที่สามารถใช้มันเปิดได้ จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับแก่นโลหิตมารอย่างแน่นอน

อันที่จริงลู่หยวนต้องขอบคุณไป๋อู่อี เพราะเขาไม่เพียงเสียสละมอบสมบัติวิเศษให้ แต่ยังถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่อีกด้วย!

ไป๋อู่อีผู้หลบอยู่ใต้หน้าผาแห่งบ้านตระกูลไป๋จามทันที…

จากนั้นจึงยืนตัวตรง และจ้องมองลงไปยังสระน้ำนิ่งเบื้องหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้

เหล่าสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวใต้ผิวน้ำเป็นที่รู้จักกันในนามเผ่าภูตผี เดิมทีผู้คนของเผ่านี้อาศัยในแผ่นดินใหญ่ แต่พวกเขาโหดร้ายและก่ออาชญากรรมมากมาย อีกทั้งยังผนึกกองกำลังเพื่อสังหารเผ่าพันธุ์อื่น ดังนั้นประชากรของเผ่าพันธุ์นี้จึงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยบนโลก

บรรพบุรุษแห่งตระกูลไป๋ได้พบกับหนึ่งในพวกเขาและบีบบังคับให้ทำพันธสัญญาทาสไปหลายชั่วอายุคน พวกเขาต้องภักดีต่อผู้ที่มีสายเลือดตระกูลไป๋ หลังตกลงเช่นนั้นแล้ว เผ่าพันธุ์นี้ก็ถูกโยนลงสู่โลกใต้ผืนน้ำและผนึกไว้ หากไม่ใช่สมาชิกของตระกูลไป๋ก็จะไม่สามารถปลดผนึกให้พวกเขาออกมาได้

บรรพบุรุษของตระกูลไป๋ได้ผนึกตราสัญญาทาสนี้ไว้บนจี้หยก และเมื่อสิ้นชีวิตก็จะมอบจี้หยกนี้ให้กับทายาทเพื่อเป็นสัญลักษณ์ เขายังบอกด้วยว่าหากตระกูลไป๋ประสบภัยพิบัติ ให้เรียกจิตวิญญาณในจี้หยกนี้ออกมา แล้วจะช่วยแก้ปัญหาของตระกูลได้

แต่ตระกูลไป๋ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นหลายสิบรุ่น ทำให้ผู้คนลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว แต่พวกเขารู้เพียงว่าจี้หยกนี้สามารถแก้ไขวิกฤตของตระกูลได้

ไป๋อู่อีในชาติก่อนค้นพบเผ่าพันธุ์นี้โดยบังเอิญขณะกำลังก่อตั้งตระกูลไป๋ ในเวลานั้น เขาเป็นหนึ่งในชายที่มีอำนาจมากที่สุดในแผ่นดินใหญ่ จึงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากกองกำลังนี้ ดังนั้นเข้าจึงไม่สนใจเหล่าภูติผี

ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เคยคิดจะใช้กองกำลังนี้เลยตลอดชีวิต…

แต่ตอนนี้เขาต้องการให้คนของเผ่าภูตผีช่วยให้เขาได้หวนคืนกลับสู่ตระกูลไป๋ เขาต้องการให้เผ่าพันธ์นี้ช่วยให้เขาเข้าสู่เขตแดนสัตว์อสูร และต้องการให้ช่วยเสริมกำลังเพื่อให้ตนหวนคืนสู่จุดสูงสุดโดยเร็วที่สุด!

‘ลู่หยวน เจ้าคิดว่าตนเองจะปลอดภัยเพราะได้รับการปกป้องจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเทียมเทพสินะ เสียสติไปแล้วหรือ?’

‘หากข้าหวนคืนสู่อำนาจอีกครั้ง ข้าจะสังหารเจ้าให้ตายเป็นผีไม่มีศาล!’

ในเช้าตรู่ของวันต่อมา ขณะที่ลู่หยวนก้าวออกจากห้อง ก็เห็นไป๋ซีเจ๋อเดินไปเดินมาอยู่หน้าลานบ้านพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าที่ไม่สามารถปกปิดได้

เมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาก็เดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม “ลู่หยวน เจ้ารู้หรือไม่ว่าไป๋อู่อีจากไปแล้ว! ผู้อาวุโสส่งคนไปตามหาเขาจนแผ่นดินแทบพลิกคว่ำ แต่ก็ไม่มีผู้ใดพบเขาเลย!”

บุตรศักดิ์สิทธิ์แสยะยิ้มแผ่วเบา… เป็นไปดั่งกลอุบาย

แผนการของไป๋อู่อีในการลอบสังหารเขาล้มเหลว หากยังอยู่ในบ้านของตระกูลไป๋ต่อก็เท่ากับกำลังรอคอยหายนะมาสู่ตัว!

“อีกเพียงสองวันจะถึงวันแข่งขันของตระกูล หากเขาไม่กลับมา ตำแหน่งนายน้อยก็จะตกเป็นของข้า!”

ไป๋ซีเจ๋อมีความสุขมาก เขาเฝ้าจินตนาการถึงภาพที่ผู้อื่นเรียกเขาว่า ‘นายน้อยไป๋’ ด้วยรอยยิ้ม

ลู่หยวนเหลือบมองคู่สนทนา “วันนี้เจ้ามาด้วยเหตุใด?”

อีกฝ่ายคลายรอยยิ้มของเขาเล็กน้อย “ข้าเกรงว่าเจ้าจะเบื่อหน่ายจนเกินเหตุในการอาศัยอยู่ที่นี่ ได้ยินมาว่าในคืนพรุ่งนี้จะมีการประมูลอาวุธลับที่เมืองเฉาอู่ ผู้อาวุโสขอให้ข้าเดินทางไปที่นั่นกับไป๋ชิวเอ๋อร์ เจ้าอยากไปด้วยกันหรือไม่?”

ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเมืองเฉาอู่อยู่บ้าง ที่แห่งนั้นไม่ใช่เมืองใหญ่ แต่กลับมีผู้คนจากตระกูลขุนนางหรือสำนักอื่น ๆ มากมายเสียเงินไปกับที่นี่เป็นจำนวนมาก เพราะเมืองนี้มีหอประมูลสลักมายาอยู่

หอประมูลสลักมายาแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดินีฉวนจงผู้ทรงอำนาจ รายการประมูลแต่ละอย่างจะไม่ถูกถามถึงที่มาที่ไป ตราบใดที่ราคาเหมาะสม พวกมันก็จะถูกนำขึ้นประมูล

เขาได้ยินว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตราหยกจากอาณาจักรเก่าแก่แห่งเทือกเขาเหมันต์ปรากฏขึ้นที่หอประมูลสลักมายาแล้วถูกขายไปในราคาสูง

ทำเอาอาณาจักรโบราณแห่งนั้นสั่นสะเทือน ผู้ฝึกยุทธ์หลายพันคนถูกระดมพลในชั่วข้ามคืนเพื่อบุกหอประมูลสลักมายาและขอคำอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในเช้าตรู่ของวันที่สอง ก็มีคนเห็นซากศพกองพะเนินราวกับเนินเขาที่ชายแดนของอาณาจักรโบราณ พวกเขาคือชายฉกรรจ์ที่ไปยังหอประมูลสลักมายาเพื่อขอคำอธิบายนั่นเอง

ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนในแผ่นดินใหญ่ก็ปฏิบัติตามหน้าที่ของพวกเขาอย่างเคร่งครัด และไม่กล้าล้ำเส้นไปแม้แต่ก้าวเดียว แม้ผู้ที่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งก็ไม่กล้าทำสิ่งใดโดยประมาท

“นี่เป็นความลับหรือ?”

ลู่หยวนเผยรอยยิ้ม “การประมูลในหอประมูลสลักมายาไม่มีการประกาศล่วงหน้าแล้วหรือ? เหตุใดครั้งจึงกลายเป็นความลับ?”

ไป๋ซีเจ๋อกะพริบตาและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าได้ยินจากท่านผู้อาวุโสว่า คืนนี้สมบัติจากเผ่ามารจะถูกนำมาประมูล!”

คนฟังหรี่ตาลง …สมบัติจากเผ่ามาร?

แม้ว่าผู้คนในแผ่นดินหยวนหงจะเกลียดชังเผ่ามารมาก แต่อาวุธวิเศษและสมบัติลับที่พวกเขาทิ้งไว้ก็ล้วนทรงพลัง ดังนั้นเมื่อพูดถึงสมบัติลับของเผ่ามารจึงไม่มีผู้ใดกล้าสบประมาท และเดินทางไปที่นั่นเพื่อร่วมการประมูล

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว สมบัตินี้ย่อมมีความเกี่ยวข้องกับเผ่ามาร ดังนั้นจึงยากที่จะตีฆ้องร้องป่าวเรื่องของมันอย่างโจ่งแจ้ง นั่นคือสาเหตุที่หอประมูลมีท่าทีแปลกไป ไม่ประกาศงานนี้อย่างชัดเจน

“น่าสนใจ”

ลู่หยวนยกยิ้มมุมปาก เขาอยากรู้ว่าสมบัติจากเผ่ามารคืออะไร

ณ เวลาเที่ยงคืนในวันที่สอง แสงไฟในเมืองเฉาอู่ยังคงสว่างไสว และประตูสู่หอประมูลสลักมายาก็เต็มไปด้วยผู้คน

หากลองสังเกตให้ดี… กลุ่มคนที่เดินทางมาที่นี่ในคืนนี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสของสำนักหรือผู้พิทักษ์ของกองกำลัง ซึ่งเบื้องหลังคนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับสูงในแดนเหนือ ทุกคนต่างรู้ดีว่าพวกเขาเดินทางมาด้วยจุดประสงค์ใด

ทุกคนต่างจ้องมองกันและทักทายด้วยรอยยิ้ม ขณะพวกเขากำลังสนทนากัน ชายวัยกลางคนในชุดผ้าทอก็เดินออกมาจากหอประมูลสลักมายา

เขาไม่ใช่ใครอื่น เป็นอู่ไท่ เจ้าหอประมูล

แม้ว่าชายผู้นี้เพิ่งจะเข้าครอบครองหอประมูลสลักมายาในเมืองเฉาอู่ได้เพียงไม่กี่เดือน แต่เขาก็จัดการหอประมูลอย่างเป็นระเบียบจนเป็นที่ชื่นชมของจักรพรรดินี มีความแข็งแกร่งด้านการฝึกยุทธ์อยู่ในขั้นเทียมเทพ และอาจกล่าวได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่สามารถมีอำนาจปิดแผ่นฟ้าด้วยมือเดียว

ไม่ว่าผู้ใดที่ได้เห็นอู่ไท่คนนี้ต่างก็ต้องสรรเสริญเยินยอ

ทุกคนต่างพยายามเข้าไปทักทายเขา เจ้าหอประมูลสลักมายาคนนี้ชอบอยู่อย่างสันโดษ จึงเป็นเรื่องยากที่จะพบพานหรือเข้าถึง แต่หากได้ทำความรู้จักแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติต่อกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังอีกฝ่ายอย่างดี!

“ทักทายนายท่านอู่ ข้าน้อยคือจั่วชิว ผู้อาวุโสแห่งสำนักม่านเมฆา”

“ส่วนข้าน้อยคือผู้ผดุงความยุติธรรม เฟิงหัว จากสำนักหนึ่งวิถี ยินดียิ่งที่ได้พบนายท่านอู่”

“ข้าน้อย…”

เมื่อเห็นคนประจบสอพลอเหล่านี้มาเข้าพบ อู่ไท่ก็รู้สึกขยะแขยงในใจ สีหน้าของเขาหม่นลง ความกดอากาศรอบตัวก็ลดลงเช่นเดียวกัน “ออกไป!”

ทันทีที่อู่ไท่เปล่งเสียงเย็นชาออกมา ความน่าเกรงขามดุจสายฟ้าฟาดจากสวรรค์ชั้นเก้าก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคน หัวใจของฝูงชนแข็งค้าง พวกเขาปิดปากเงียบในทันที

หลังจากนั้น อู่ไท่กวักมือเรียก หอประมูลสลักมายาส่งเจ้าหน้าที่ทุกคนมาปิดล้อมบานประตูทั้งหมด และกันฝูงชนที่อัดแน่นอยู่โดยรอบให้ถอยห่างออกไปหลายจั้ง

แม้คนเหล่านี้จะไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าบันดาลโทสะ เพราะที่นี่คือหอประมูลสลักมายา หากพวกเขาสร้างปัญหาเท่ากับประกาศตัวต่อต้านจักรพรรดินีฉวนจง!

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าบุคคลสำคัญบางคนกำลังมาเพื่อเข้าร่วมงานประมูลในวันนี้ และทุกคนก็ต่างคาดเดาไปว่าบุคคลผู้นั้นเป็นใคร