บทที่ 36 หอประมูลสลักมายา (ปลาย)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 36 หอประมูลสลักมายา (ปลาย)

บทที่ 36 หอประมูลสลักมายา (ปลาย)

ผู้อาวุโสจากสำนักหนึ่งหยุดชะงักและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าได้ยินจากรองผู้ดูแลหอประมูลสลักมายามาเมื่อสักครู่ว่าจะมีผู้ทรงเกียรติเดินทางเข้าร่วมงานประมูลในวันนี้!”

สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังผู้อาวุโสคนนั้นทันที ”ผู้ทรงเกียรติ?!”

ผู้ทรงเกียรติประเภทใดกันที่ทำให้ผู้มีจักรพรรดินีฉวนจงหนุนหลังต้องออกมาต้อนรับด้วยตนเอง?

ผู้อาวุโสลูบเคราก่อนจะเอ่ยนามของผู้ทรงเกียรติคนนั้นท่ามกลางแววตาแห่งการรอคอยของทุกคน “ท่านผู้นั้นคือ บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลลู่จากแดนเหนือ!”

ทุกคนหายใจเข้าลึก ความตื่นตระหนกฉายชัดในดวงตาของพวกเขาอยู่นาน

พวกเขาโชคดีพอที่จะได้พบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลลู่หรือ?

ท่ามกลางบรรดาผู้เดินผ่านไปมา มีชายคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีดำพลันตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินชื่อนี้ จิตสังหารอันแรงกล้าปรากฏชัดในแววตาของเขา

“ลู่หยวน! หลังเสร็จสิ้นธุระทั้งหมด ข้าจะเอาชีวิตเจ้าแน่!”

บุคคลผู้นี้คือไป๋อู๋อี…

บุตรแห่งโชคชะตาระงับจิตสังหารในแววตา ก่อนตะโกนด้วยเสียงดัง “กุ่ยเหยียน”

ชายร่างกำยำที่คลุมตัวด้วยเสื้อคลุมสีดำก้าวไปข้างหน้า และเอ่ยน้ำเสียงแหบแห้งเพื่อตอบกลับราวกับเสียงคำรามของภูติผีในนรก “เจ้านาย ขอโปรดออกคำสั่ง!”

ถ้ามีใครจ้องมองเขาในระยะใกล้ก็คงตกใจกับการปรากฏตัวของชายผู้นี้ เพราะภายใต้ชุดคลุมสีดำนั้น มีดวงตาคู่หนึ่งแวววาวดุจเนตรของงูเหลือม ผิวหนังบนใบหน้าปกคลุมไปด้วยเกล็ดเงาวาว ดูพิสดารและน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

“สมบัติของเผ่าภูติผีทั้งหมดถูกแลกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”

กุ่ยเหยียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เจ้านาย ทุกอย่างถูกแลกเปลี่ยนแล้วขอรับ”

จากนั้นเขาก็ยื่นเงินให้อีกฝ่ายด้วยมือทั้งสองข้าง เหรียญในมือเขาถูกสลักด้วยลวดลายละเอียดอ่อนสวยงามพร้อมข้อความด้านใน “เหรียญในมือข้าน้อยมีมูลค่าทั้งสิ้น สามสิบเก้าล้านห้าแสนเหรียญมายา”

ไป๋อู๋อีรับเอาเงินนั้นมา เหรียญมายานี้เป็นสกุลเงินของหอประมูล และราคาเสนอก็จะถูกนับเป็นเหรียญมายา

ในการประมูลวันนี้มีสมบัติมากมาย เขานำเงินเหรียญมายาทั้งหมดที่มีมูลค่ามากกว่าสามสิบล้านแลกกับสมบัติของเผ่ามาร ทว่าสมบัติเหล่านั้นที่เขาได้มา กลับไม่ใช่สิ่งที่ต้องการมากที่สุด

บุตรแห่งโชคชะตาผู้ไร้เทียมทาน นายน้อยผู้ไม่มีใครเทียบได้ คำสรรเสริญเยินยอจากปากของผู้คนทั้งหมดต่างหากคือสิ่งที่ปรารถนา

ไป๋อู๋อีกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ หลังจากที่เขาทำสัญญากับไป๋เจ๋อและได้ตำแหน่งประมุขสูงสุดกลับคืน แม้แต่ตระกูลลู่ก็จะต้องร้องขอความเมตตาต่อหน้าเขา!

“เราไปกันเถิด!”

บุตรแห่งโชคชะตาเดินนำกุ่ยเหยียนเข้าไปในหอประมูล

หลังจากนั้นไม่นาน แสงสีรุ้งก็ปรากฏขึ้นบนท้องนภา มียอดฝีมือกลุ่มหนึ่งบินร่อนลงมายังพื้นซึ่งนำโดยชายสวมชุดคลุมสีขาว ร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยลำแสงศักดิ์สิทธิ์ ราวกับบุตรแห่งสวรรค์ลงมาจุติ

อู่ไท่เข้าไปทักทายเขาในทันทีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะโค้งคำนับพลางเอ่ย “ข้า อู่ไท่แห่งหอประมูลสลักมายา ขอต้อนรับบุตรศักดิ์สิทธิ์!”

ทหารคุ้มกันทั้งหมดคุกเข่าลงและตะโกนเสียงดัง “ยินดีต้อนรับบุตรศักดิ์สิทธิ์!”

คนที่เหลือก็คุกเข่าลงและตะโกนทักทายคุณชายลู่ …ต่างคนต่างส่งเสียงให้ดังกว่าผู้อื่นราวกับกลัวว่าคุณชายจะไม่ได้ยิน

ลู่หยวนร่อนลงมาจากท้องนภาและยืนอยู่บนพื้น ชำเลืองสายตามองก่อนจะเผยรอยยิ้ม “นายท่านอู่ ไม่จำเป็นต้องสุภาพถึงเพียงนั้น ข้าเดินทางมาที่นี่ด้วยความเขลา และยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ ดังนั้นขอนายท่านอู่โปรดชี้แนะ”

อู่ไท่ย่อตัวลง “บุตรศักดิ์สิทธิ์ถ่อมตัวยิ่งนัก แน่นอนว่าท่านสมควรได้รับเกียรติ”

จากนั้นอู่ไท่ก็ยืดตัวขึ้น จ้องมองไปยังไป๋ซีเจ๋อและไป๋ชิวเอ๋อร์ซึ่งอยู่ด้านหลังลู่หยวน เนื่องจากเขาเคยเจรจาติดต่อกับตระกูลไป๋จึงจำทั้งสองได้ และเดินเข้าไปทักทายอย่างสุภาพ “ยินดีที่ได้พบท่านทั้งสองอีกครั้ง”

ทั้งคู่ยกมือขึ้นแสดงความเคารพ แม้สำหรับบุตรศักดิ์สิทธิ์ อีกฝ่ายจะไม่ใช่ยอดฝีมือที่น่ายำเกรง แต่สำหรับคนจากตระกูลไป๋ อู่ไท่คือผู้ใหญ่ที่ต้องให้ความเคารพ

“การประมูลคืนนี้จะเริ่มต้นในอีกหนึ่งก้านธูป เชิญทุกท่านตามสบาย”

ลู่หยวนเอ่ยอย่างแผ่วเบากับทุกคนที่มาต้อนรับ และเดินเข้าไปพร้อมสมาชิกตระกูลไป๋

หอประมูลสลักมายาเป็นหอคอยเก้าชั้น โดยสามชั้นล่างและสามชั้นกลางใช้สำหรับการประมูลสินค้าทั่วไปในวันธรรมดา ส่วนรายการที่จะประมูลในคืนนี้มีความพิเศษมาก ดังนั้นพวกเขาจึงจัดให้มีการประมูลที่สามชั้นบน

อู่ไท่พาแขกผู้ทรงเกียรติไปยังชั้นสูงสุดของหอเป็นการส่วนตัว ในชั้นนี้มีหลังคาสีทอง ผนังหยก คานแกะสลัก อาคารทาสีงดงาม และพื้นทำด้วยศิลาหายาก

ลู่หยวน ไป๋ซีเจ๋อ และไป๋ชิวเอ๋อร์ก้าวไปด้านใน ส่วนคนอื่น ๆ เพียงเฝ้ารออยู่หน้าประตู

เจ้าหอกล่าวด้วยความเคารพ “ห้องนี้ไม่สมเกียรตินัก แต่เป็นห้องที่ดีที่สุดในหอประมูลสลักมายาแล้ว ข้าต้องขออภัยบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง”

ชายหนุ่มชำเลืองมองอย่างสบายใจ “ไม่เป็นไร”

อู่ไท่แสดงความเคารพ พร้อมผายมือไปยังหญิงสาวผู้สง่างามด้านข้าง “บุตรศักดิ์สิทธิ์ หากท่านไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน ท่านสามารถเรียกให้นางเสนอราคาให้แก่ท่านหากต้องการประมูล”

“หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าน้อยต้องขอตัวก่อน”

ลู่หยวนพยักหน้าแล้วนั่งลงยังที่นั่งหลักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากขอบค่ายกลขนาดใหญ่ คนที่อยู่ภายในสามารถมองเห็นภายนอกได้อย่างสมบูรณ์ แต่คนที่อยู่ภายนอกไม่สามารถมองเห็นภายในได้ นี่ถือเป็นการรับประกันอย่างเคร่งครัดว่าตัวตนของผู้เข้าร่วมประมูลจะไม่ถูกเปิดเผย

แท่นขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้ ในเวลานี้การประมูลยังไม่เริ่มต้นจึงยังไม่มีอะไรอยู่บนนั้น

บริเวณโถงจัดการประมูลมีที่นั่งมากมาย และตอนนี้ผู้คนก็จับจองจนเกือบเต็มแล้ว

ไป๋ซีเจ๋อและไปชิวเอ๋อร์ก็นั่งลงบนที่นั่งของตนเช่นเดียวกัน แม้ไป๋ซีเจ๋อจะเคยเดินทางมาที่นี่บ่อยครั้ง แต่ก็มาในฐานะสมาชิกตระกูลไป๋ เขาทำได้เพียงนั่งในที่นั่งด้านล่าง พลางเงยหน้าขึ้นและพยายามมองหาบุคคลที่นั่งอยู่ที่นั่งชั้นบนด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ไป๋ชิวเอ๋อร์นั่งจิบชาด้วยท่าทีสงบ ทว่าแม้การแสดงออกของนางจะดูเฉยเมย แต่จิตใจกลับว้าวุ่นอยู่กับการครุ่นคิดถึงลู่หยวน

นับตั้งแต่ลืมตาตื่น นางก็ล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายช่วยชีวิตตนไว้

ทุกครั้งที่นางหวนนึกถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น นางก็จดจำชายร่างกำยำที่ปรากฏเบื้องหน้าได้อย่างเลือนราง

หลังจากวันนั้น อาจเป็นเพราะเหตุผลบางอย่าง เมื่อครั้งที่นางได้พบเขา หัวใจที่เคยสงบก็ปั่นป่วน

ลู่หยวนไม่รู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ เขาหลับตาลงและผ่อนคลาย โดยคิดในใจว่าแก่นโลหิตมารจะปรากฏขึ้นให้เขาได้ประมูล พลางครุ่นคิดว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง ทุกอย่างจะเป็นเช่นไร

ทันใดนั้นเสียงของเฉาหงก็ดังขึ้นในหูลู่หยวน “คุณชาย ข้าน้อยเพิ่งตรวจพบร่องรอยของไป๋อู๋อีได้”

แม้ไป๋อู๋อีจะเตรียมการมาเป็นอย่างดีสำหรับการเดินทางมายังหอประมูลในครั้งนี้ อีกทั้งยังขอให้ผู้คนช่วยปกปิดร่องรอยของเขา แต่เพียงเฉาหงซึ่งอยู่ในระดับเทียมเทพก็สามารถตรวจจับร่องรอยได้อย่างชัดเจน แม้รัศมีแห่งร่องรอยนั้นจะเจือจางมาก แต่ชายชราก็รับรู้ได้ว่านี่คือร่องรอยของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน

ดวงตาของลู่หยวนเบิกขึ้นอย่างเชื่องช้า ร่างของเฉาหงปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันด้านหลังเขา จากนั้นจึงชี้ไปยังที่นั่งซึ่งอยู่ด้านหลัง

ลู่หยวนจ้องมองไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายชี้ ก่อนจะมองเห็นกลุ่มคนที่ปิดบังตัวตนด้วยเสื้อคลุมสีดำ เมื่อมองลงมาจากด้านบน กลุ่มคนเหล่านั้นก็ดูลึกลับอย่างมาก

มาที่นี่ด้วยหรือ?

เมืองเฉาอู่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของตระกูลไป๋ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงลองเสี่ยงดวงมาที่นี่เผื่อได้พบบางสิ่งที่สำคัญหรือ?

ลู่หยวนครุ่นคิดบางอย่างในใจ สิ่งของใดหนอที่นำพาบุตรแห่งโชคชะตามาที่นี่?