บ้านในตอนนี้เปลี่ยนสภาพไปจากตอนซื้อมาใหม่จากหน้ามือเป็นหลังมือ
มองไกลๆ ก็เห็นกระเบื้องดำ กำแพงขาว ศิลาชิงจวนปูลาด เสาแดง ทั้งบ้านส่องประกายเงาวับจับตา
แขวนโคมสองใบไว้บนคานประตูรั้วลานบ้านสองบานใหญ่
กำแพงลานบ้านเป็นรั้วไม้หนานมู่ทองที่สูงเท่าคน ปักเรียงเป็นระเบียบสะอาดตา
พอก้าวเข้าไปในลานบ้าน นอกจากต้นอิงเถาใหญ่ทางขวา ใช้เศษกระเบื้องวางรอบต้นกั้นเป็นพื้นที่ปลูก ห่างออกไปก็มีเก้าอี้ไม้ยาวมีพนักนั่งได้สองคน อีกด้านมีแปลงปลูกดอกไม้ริมกำแพงกว้างสองเมตรยาวห้าเมตร ในนั้นมีดอกไม้ที่พบเห็นได้ทั่วไปหลากชนิด พื้นที่ว่างที่เหลือปูลาดด้วยศิลาชิงจวน แลดูสะอาดสะอ้าน แทบจะไม่มีฝุ่น
พื้นที่หนึ่งเมตรรอบเรือนหลักเพิ่มศิลาหินสองขั้น
สามห้องหลักตอนนี้ล้วนใช้งานหลักต่างกัน แบ่งการใช้งานกันชัดเจน
ห้องกลางย่อมเป็นโถงกลาง พอเข้าโถงกลางมามองไปประตูทางเหนือก็จะเห็นแท่นนั่งใหญ่[1] ที่เพียงพอจะนั่งได้ถึงสี่คนพิงชิดฝั่งตะวันตกหันมาทางตะวันออก บนแท่นนั่งมีโต๊ะมีลิ้นชักสีแดง บนโต๊ะมีถาดผลไม้กระเบื้องลายครามสีขาวสะอาดตา ในจานมีถั่วลิสง เม็ดแตง พุทราแห้งต่างๆ สองข้างโต๊ะมีที่นั่งมีเบาะพิงปักลายดอกไม้ดิ้นทองสีแดงอีกสี่ใบ
ทิศใต้ของแท่นนั่งมีชั้นวางของไม่มีบานปิดตั้งเรียงของที่ยากจะเห็นได้ในบ้านชาวนาทั่วไป อย่างเช่นไม้แกะสลัก รากไม้แกะสลัก กระเบื้องเคลือบ เป็นต้น เพราะมีราคาสูง ดังนั้นสำหรับครอบครัวชาวนาแล้ว ของพวกนี้นอกจากสวยงามแล้วก็แทบไร้ประโยชน์ แต่ของพวกนี้เป็นของรักที่ซูสุ่ยเลี่ยนเดินดูทั่วแหล่งการค้ามาวันหนึ่งเต็มๆ แล้วเลือกซื้อมาด้วยเงินถึงหนึ่งตำลึง
ข้างชั้นวางของริมกำแพงมีเก้าอี้นอนตัวหนึ่ง บนเก้าอี้ปูด้วยเบาะผ้าผืนบางปักดิ้นทองลายดอกไม้ลงตัวเข้ากับหมอนอิง และยังขับให้เครื่องเรือนไม้เสวี่ยจวี่ยิ่งเด่น
ทางตะวันออกของแท่นนั่งมีเก้าอี้มีที่เท้าแขนคู่หนึ่งวางตั้งขนาบซ้ายและขวา ระหว่างเก้าอี้สองตัวมีโต๊ะวางจอกน้ำชามีหูไว้คู่หนึ่ง
ยามประตูที่หันทิศใต้สองบานเปิดออก แสงอาทิตย์ก็จะสาดส่องเข้ามากระทบของบนชั้นวางของที่ปัดกวาดอย่างสะอาดไร้ฝุ่น ส่องประกายแวววาวน่าชม
ห้องทางตะวันออกตอนนี้เป็นห้องนอน ในนั้นมีเครื่องเรือนทำจากไม้ปีกไก่สีเข้าชุดกันทั้งหมด
เตียงใหญ่ตัวหนึ่งมีเสาเตียงสี่มุมขนาดสองเมตรตั้งอยู่ทิศเหนือหันทิศใต้ บนเตียงมีม่านผ้าฝ้ายบางลายดอกสีม่วงพื้นสีขาว มีขอไม้เกี่ยวม่านเอาไว้ สองข้างเตียงยังมีตู้ลิ้นชักเตี้ย ในนั้นใส่เสื้อตัวในและถุงเท้าของเขาและนาง ระหว่างตู้เตี้ยกับหน้าเตียงยังมีที่วางเท้าสูงราวฝ่ามืออีกตัว
พื้นที่ติดหน้าต่างหลังเตียงวางเสาไม้มีขอยื่นเกี่ยวสูงต่ำไว้แขวนเสื้อ และยังมีเก้าอี้กลมตัวหนึ่ง อีกทั้งยังมีม่านสีม่วงลายดอกเล็กๆ แบ่งส่วนห้องไว้อย่างแนบเนียนเพื่อเอาไว้เปลี่ยนเสื้อผ้าง่ายๆ
เตียงใหญ่พิงกำแพงตะวันออกหันทิศใต้ ฝั่งกำแพงตะวันออกมีตู้ใหญ่สูงราวตัวคนใบหนึ่งและตู้เสื้อผ้าสามบานพร้อมลิ้นชักใส่รองเท้าใบหนึ่งตั้งเรียงกัน
กำแพงทิศใต้ของห้องนอนส่วนในฝั่งเตียงใหญ่ก็มีหีบเสื้อผ้าสามใบซ้อนกันพร้อมตู้เก็บผ้าห่มนวมสูงเท่าตัวคน ประตูกั้นห้องส่วนในส่วนนอกของห้องนอนยังมีม่านลายดอกไม้กั้น ใช้ไม้เกี่ยวม่านขึ้นด้านหนึ่ง
หน้าต่างทางใต้ของห้องนอนมีโต๊ะเครื่องแป้งใหญ่ตัวหนึ่งและลิ้นชักขนาดใกล้กันอีกด้วย แยกเป็นช่องไว้เก็บเครื่องประดับกับเครื่องประทินผิวอะไรพวกนี้ โต๊ะเครื่องแป้งมีกระจกทองแดงบานกลมใหญ่ที่ส่องได้ถึงครึ่งตัว
ด้านขวาของโต๊ะเครื่องแป้งห่างจากประตูห้องนอนไม่ไกล ตรงมุมกำแพงทางใต้ก็มีชั้นวางดอกไม้สองชั้น ชั้นล่างวางกระถางดอกเบญจมาศทอง ชั้นบนวางกระถางสุ่ยเซียนที่มีดอกสีขาวใจกลางดอกสีหยกปริ่มน้ำกระถางหนึ่ง
ที่ว่างกลางห้องนอนมีโต๊ะกลมขาเดี่ยวพร้อมเก้าอี้กลมสี่ตัว บนโต๊ะมีจานสานด้วยหวายใส่ผลไม้ ในนั้นรองด้วยผ้าลายดอกและมีขนมและลูกอมเต็มจาน
ห้องรอบโถงกลางตอนนี้เป็นห้องหนังสือและห้องเย็บปัก
หน้าต่างทางเหนือมีแท่นปักเย็บขนาดใหญ่ เป็นแท่นไม้ที่ซูสุ่ยเลี่ยนวาดรูปใส่กระดาษแล้วขอให้ช่างไม้ทำให้ เป็นเครื่องมือทำงานปักเย็บของนางนับจากนี้ สองด้านของแท่นปักเย็บยังมีตู้เตี้ยสูงราวครึ่งตัวคนยาวสองเมตรวางเรียงชิดกำแพง ในนั้นแบ่งเป็นหลายช่องไว้ใส่พวกเข็มปักขนาดต่างๆ ด้ายปักผ้า และเศษผ้าต่างๆ บนตู้ยังมีผ้าพับเรียงไว้เรียบร้อย
หน้าต่างทางใต้มีโต๊ะหนังสือที่มีลิ้นชักตัวใหญ่ หน้าโต๊ะมีเก้าอี้มีพนักเท้าแขนตัวหนึ่งปูลาดด้วยเบาะนิ่มผืนบางลายดอกดิ้นทองสีแดง แน่นอนยังมีเบาะหนาแบบเดียวกันที่ซูสุ่ยเลี่ยนเก็บไว้ในตู้ รอหน้าหนาวค่อยเอาออกมาเปลี่ยน
บนโต๊ะมีกระบอกเครื่องเขียนกลม แท่นฝนหมึก แจกันคอขวดทรงกลมปักกิ่งดอกกุ้ยไว้หลายก้านส่งกลิ่นหอมอ่อนไปทั่วทั้งห้อง
ด้านซ้ายของโต๊ะหนังสือมุมติดกำแพงมีกระบอกภาพวาดทำจากกระเบื้องเคลือบใบใหญ่ ในนั้นมีภาพหมึกดำสองม้วน เป็นภาพแบบที่ซูสุ่ยเลี่ยนเตรียมเอาไว้ปักเสื้อใส่หน้าหนาว
ด้านขวาของโต๊ะมีตู้หนังสือตั้งติดกำแพง ตอนนี้บนนั้นมีหนังสือเกี่ยวกับการทำนาเพาะปลูกและการทำอาหารเรียงแน่นเป็นแถว ชั้นล่างๆ ยังมีพวกบันทึกภูมิศาสตร์ บันทึกเรื่องแปลกของประเทศเพื่อนบ้านหลายเล่มกองกันเป็นชั้น
เอาละ ตอนนี้ได้เวลาตะลุยอ่านแล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนตอนแรกคิดจะซื้อแค่ตำราเกี่ยวกับการทำนาเพาะปลูกเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าพอเห็นหนังสือเกี่ยวกับพวกบันทึกภูมิศาสตร์ บันทึกเรื่องแปลกหลายเล่มก็อดใจไม่ไหวซื้อมาหมด ผู้ใดให้นางชอบอ่านเรื่องราวต่างประเทศทั้งวัฒนธรรม ผลิตผล เรื่องเล่าแปลก สิ่งของแปลก อะไรพวกนี้กัน สามตำลึงจ่ายออกไปทันที ดีที่หลินซือเย่าไม่เคยตำหนินางในเรื่องนี้ เหมือนว่าที่นางใช้ไปนั่นไม่ใช่เงิน จนสุดท้าย คนใช้เงินคือนาง คนเสียดายเงินก็คือนางเอง
หน้าต่างสองบานเหนือใต้ของห้องหนังสือ ห้องปักผ้า และประตูตามห้องต่างๆ ล้วนมีผ้าม่านที่ไม่ใช่ลายดอกสีม่วงอ่อนเหมือนในห้องนอน แต่เป็นม่านม้วนที่ซูสุ่ยเลี่ยนสานด้วยเถาวัลย์ ม่านม้วนให้ความรู้สึกหนากว่าม่านผ้า ม่านเถาวัลย์ให้ความรู้สึกกระด้างกว่าม่านผ้า จึงไม่เหมาะติดตั้งในห้องนอน
ด้านนอกของห้องหลักชิดไปทางรั้วทิศตะวันตก ยังมีห้องปีกที่ตอนนี้พวกเขาใช้เป็นห้องครัวและห้องอาหาร แม้เป็นแค่ห้องปีกแต่ด้านในก็มีพื้นที่ไม่น้อย
เตาติดหน้าต่างทิศเหนือก่อใหม่สีขาวสะอาดตา ข้างเตามีตู้วางจานชามสองชั้นแยกต่างหาก ชั้นล่างวางพวกกะละมังอ่างไหที่ไว้ล้างผัก ชั้นบนเอาไว้วางพวกจานชามช้อนตะเกียบอย่างเดียว
ซูสุ่ยเลี่ยนเลือกจานชามถ้วยกระเบื้องเคลือบลายครามแบบหกชุดสี่สิบแปดชิ้น ช้อนไม้และตะเกียบล้วนเป็นนางแกะสลักด้วยตนเอง ตอนแรกแกะไว้แค่สองชุด ต่อมาคิดว่าเกิดมีแขกมากินข้าว ดังนั้นจึงได้เพิ่มอีกสี่ชุด ตัวตะเกียบแกะเป็นลายดอกหลันฮวา หัวตะเกียบเป็นหัวเห็ดน่ารัก ตัวช้อนไม้แกะเป็นนกตัวเล็กเกาะกิ่งไม้ ตัวช้อนมีลักษณะจากแคบไปกว้าง ปลายช้อนแกะเป็นรูปใบไม้แบนๆ ลวดลายสวยงาม
ส่วนช้อนกับตะเกียบที่พกออกมาจากป่าด้วยนั้นตอนนี้ก็กลายเป็นอุปกรณ์ของลูกหมาป่าสองตัว วันหน้าพวกมันใช้ชามใหญ่กินข้าว ซูสุ่ยเลี่ยนให้เฝิงเหล่าลิ่วช่วยทำชามจากไม้หนานมู่ทองสองใบให้พวกมันด้วย
โต๊ะอาหารสี่เหลี่ยมตั้งอยู่ที่หน้าต่างทิศใต้ เก้าอี้สองตัวมีพนักแต่ไม่มีที่เท้าแขนวางสอดใต้โต๊ะชิดผนัง บนเก้าอี้มีเบาะบางๆ สีเดียวกันปูอยู่ แน่นอนว่าเก้าอี้แบบนี้ทำไว้ทั้งหมดหกตัวเผื่อมีแขกมา ที่เหลืออีกสี่ตัวก็วางไว้ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนชั่วคราว
บนโต๊ะมีแจกันคอขวดปักดอกกุหลาบสีเหลืองไข่เป็ด
กำแพงระหว่างโต๊ะอาหารและเตามีตู้เตี้ยใบหนึ่ง ในนั้นแบ่งกันไว้วางเครื่องปรุงรส แป้งทำอาหาร และไข่ไก่เป็นต้น บนตู้ยังมีตะกร้าผลไม้สานขนาดต่างๆ หลายใบ
บนตู้เตี้ยมีแท่นไม้วางกะละมังล้างหน้าไว้ห้าหกใบขนาดต่างกัน พร้อมกับแท่นแขวนผ้าเช็ดตัวเช็ดหน้าตากไว้สี่ผืน น่าจะไว้เพื่อใช้อาบน้ำ
เดินออกจากประตูทางทิศใต้ของห้องครัวก็จะเป็นทางเดินปูลาดด้วยศิลาชิงจวนคดเคี้ยวไปบรรจบกับทางเดินที่ต่อมาจากลานด้านหน้า ทางเดินมีขนาดกว้างหนึ่งเมตรต่อไปจรดท่าน้ำทางใต้
พื้นที่รอบบ้านตอนนี้ หลินซือเย่านำมาใช้ประโยชน์ทั้งหมด
ออกจากห้องครัวมาราวสี่ห้าเมตร ริมกำแพงทางตะวันตกก็สร้างศาลาตะวันตก รอบด้านปักกิ่งไผ่หยกสีเขียวหยกโดยรอบ คนไม่รู้ยังคิดว่านี่เป็นเรือนพักผ่อน เพราะกลัวฝนสาดเข้าไป จากเดิมที่ไม่มีหน้าต่าง ก็เติมหน้าต่างเล็กๆ ไว้ปิดเปิดได้ ปกติหน้าต่างจะเปิดออกเพื่อให้อากาศถ่ายเท ตอนใช้ค่อยปิด ในนั้นมีที่นั่งปลดทุกข์ขนาดพอดีฝีมือประณีต เปิดโล่งด้านล่างให้มีที่ไหลออกไปยังบ่อด้านล่างได้ นี่เป็นห้องน้ำที่ซูสุ่ยเลี่ยนจำภาพมาจากตอนอยู่ตระกูลซู ลองเลียบเคียงถามดู ปรากฏว่าช่างปูนบอกว่าทำได้ ปากบ่อน้ำใช้หินใหญ่ก้อนหนักสองก้อนขัดกันเอาไว้ เปิดออกไว้ตักข้างในไปรดต้นไม้ได้
ศาลาตะวันตกไม่ใหญ่ นอกจากที่นั่งปลดทุกข์แล้วก็ยังมีตู้ไว้วางกระดาษเช็ดอยู่มุมหนึ่ง อีกมุมทำเป็นที่เก็บที่ตากผ้าไม้ไผ่
ตามความต้องการเดิมของซูสุ่ยเลี่ยน นางคิดจะวางอ่างอาบน้ำไว้ที่นี่ ทำให้ศาลาตะวันตกเป็นห้องอาบน้ำไปเลย แต่คิดว่ายกน้ำร้อนไปมาไม่สะดวก จึงได้เลิกล้มความตั้งใจ ห้องครัวก็ไม่ได้เล็ก พอสำหรับพื้นที่อาบน้ำ ทางใต้ศาลาตะวันตกห่างออกไปราวสองเมตร ตอนนี้ปลูกพริก ถัดไปเป็นต้นพุทราสูงใหญ่ ใต้ต้นพุทธายังใช้เศษกระเบื้องวางเรียงเป็นวงรอบ ทางใต้ของต้นพุทธามีแดดส่องถึง จึงวางเก้าอี้ยาวเหมือนที่วางไว้ใต้ต้นอิงเถาอีกตัว หน้าเก้าอี้ยาวมีพื้นที่ว่างปูลาดด้วยศิลาชิงจวน เพียงพอจะวางตั่งไม้ตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง หลินซือเย่ากะว่าจะไว้ให้ซูสุ่ยเลี่ยนมาตากแดดที่นี่ในหน้าหนาว
กำแพงด้านตะวันออกเฉียงใต้มีเล้าเป็ดเล้าไก่ ล้อมด้วยรั้วเล็กสูงราวครึ่งตัวคน หลังฤดูใบไม้ผลินี้ไปก็จะได้เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่กัน วันหน้าอาหารการกินก็จะมีพวกไข่เป็ดไข่ไก่กันมากหน่อย
พื้นที่ว่างตรงลานด้านหน้ายังมีพื้นที่เพาะปลูกที่เว้นปูลาดศิลาชิงจวนไว้ห้าแปลง
สามแปลงแรกที่ใกล้กับห้องโถงกลางและห้องครัวที่สุด จากตะวันตกไปตะวันออกก็ปลูกพวกพืชหัวอย่างมันฝรั่ง หัวไชเท้าที่เอาไว้กินหน้าหนาวได้ ปลูกพวกพืชกินใบอย่างเช่นผักกวางตุ้งเขียว ผักกาดขาว กะหล่ำปลี และปลูกพวกพืชเครื่องปรุงอย่างต้นหอม ขิง กระเทียม เรียงกันไปสามแปลง
สองแปลงทางใต้ที่ค่อนข้างใหญ่ตอนนี้ยังว่าง กะไว้ว่าอีกสองสามวันค่อยดูว่าจะปลูกอะไรที่เอาไว้กินหน้าหนาวได้อีก
สุดทางเดินศิลาชิงจวนไปยังด้านหลังบ้านก็มีแม่น้ำสายเล็กน้ำใสแจ๋ว
เนื่องจากทางตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่บ้านในตอนนี้ นอกจากซูสุ่ยเลี่ยนที่ซื้อบ้านที่ตั้งโดดเดี่ยวแล้ว ละแวกนี้ไม่เป็นที่นาเปล่าก็เป็นพื้นที่รกร้างหญ้ารกครึ้ม ดังนั้นหลินซือเย่าจึงสร้างกับดักเล็กๆ ไว้นอกรั้วหลายจุด ในรั้วยังปลูกต้นหอมเจ็ดลี้ที่ไปเอามาจากเชิงเขาซิ่วเฟิงไว้ช่วยขับไล่แมลงรบกวน
ท่าน้ำก่อเป็นชั้นหินห้าหกชั้นด้วยก้อนหินก้อนใหญ่ เป็นพื้นราบกว้างสบาย ริมท่าน้ำยังปูลาดด้วยศิลาก้อนใหญ่มากก้อนหนึ่ง ใต้ก้อนหินยังมีที่เก็บกระดานซักผ้า แปรงไม้ และสบู่
พื้นที่ว่างริมท่าน้ำไม่น้อย หลินซือเย่าสร้างเป็นพื้นที่ปักตอไม้ฝึกยุทธ์ไปเกือบครึ่ง ที่เหลือก็สร้างนั่งร้านไม้ไผ่ไว้ตากเสื้อผ้าได้พอดี
หลินซือเย่ายังสร้างนั่งร้านปลูกองุ่นไว้ระหว่างทางเดินแคบๆ ของห้องครัวและรั้วตะวันตก ปลูกเถาองุ่นดำที่นำจากเขาต้าซื่อมาเพาะไว้สองต้น หากเป็นไปดังที่คิด หน้าร้อนปีหน้าก็มีองุ่นกินแล้ว
ฝั่งเหนือของนั่งร้านองุ่น มีโอ่งน้ำใบใหญ่ตั้งอยู่ ปกติใช้ใส่น้ำที่ตักมาจากแม่น้ำเพื่อสะดวกในการซาวข้าว ซักล้างต่างๆ หากฝนตก น้ำฝนจากหลังคาบ้านก็จะไหลลงโอ่ง เก็บสะสมน้ำฝนเช่นนี้เหตุหนึ่งก็เพราะต้องการลดน้ำฝนที่กระทบประตูหน้าต่าง
ข้างโอ่งน้ำใหญ่ยังปูลาดศิลาชิงจวนก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งไว้สำหรับล้างผัก
พื้นที่ว่างสามเมตรระหว่างห้องนอนกับรั้วตะวันออก หลินซือเย่ากะไว้สร้างบ้านให้ลูกหมาป่าสองตัวตอนนี้ที่ให้เฝิงเหล่าลิ่วสร้างบ้านหลังเล็กให้ลูกหมาป่านั้นยังไม่เสร็จ คิดว่าวันที่ย้ายบ้านวันนั้นก็น่าจะได้
ซื้อหาอุปกรณ์ยังชีพ ซ่อมแซมบ้าน ทำเครื่องเรือน ตกแต่งบ้านต่างๆ…ทั้งหมดเรียบร้อยลง ซูสุ่ยเลี่ยนลองคำนวณดูพบว่าใช้ไปราวสามสิบเอ็ดตำลึงได้ ขนาดยังไม่ได้นับรวมค่าไม้ อีกสองวันค่อยไปจ่ายเงินโรงเตี๊ยมที่พักเกือบหนึ่งเดือนมานี้ เดาว่าจะมีเงินในมือเหลืออีกแค่สิบห้าตำลึงแล้ว ดังนั้นเงินก้อนนี้ไม่ควรนำออกมาใช้ง่ายๆ อีกแล้ว
…………………….
[1] ประเทศจีนเป็นประเทศอากาศหนาว ในห้องมักก่อปูนเป็นแท่นขึ้น ใต้แท่นมีช่องว่างไว้ก่อฟืนให้ความอบอุ่น