ซูมู่เกอหยุด ทำการจับชีพจรขององค์หญิงเก้า

แม้ว่าชีพจรของนางจะยังอ่อนอยู่ แต่อย่างน้อยการเต้นของหัวใจของนางก็ฟื้นตัวแล้ว!

ซูมู่เกอถอนหายใจด้วยความโล่งอก พร้อมกับเหงื่อที่ไหลซึมบนหน้าผากของนาง

นางยกมือขึ้นเช็ดมัน แล้วยืนขึ้น

“ประคององค์หญิงขึ้นมา ให้องค์หญิงนั่งบนเก้าอี้”

การฟื้นคืนชีพขององค์หญิงเก้าทำให้นางกำนัลของนางไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการช็อกได้

มันจนกระทั่งซูมู่เกอหันหลังกลับจากนั้นนางกำนัลก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยความงุนงงและช่วยประคององค์หญิงเก้าขึ้นนั่งบนเก้าอี้

องค์หญิงเก้าลืมตาขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียวและลมหายใจอ่อนแรง นางมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้านางด้วยความว่างเปล่า

นางเอามือจับที่อก เพราะรู้ว่าตัวเองมีอาการหัวใจวาย ไม่อย่างนั้น ตอนนี้หัวใจของนางคงไม่อึดอัด

“ยามาแล้วเพค่ะ ยาสำหรับองค์หญิงเก้ามาแล้วเพค่ะ”

ในที่สุดนางกำนัลก็นำยามาให้กับองค์หญิงเก้า หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย

“น้องหญิงเก้า เจ้ารู้สึกอย่างไร?” เซี่ยโฮวคุณถาม

เซี่ยโฮวซีเป็นโรคหัวใจตั้งแต่นางถือกำเนิด ดังนั้นทุกที่ที่นางไป ผู้ติดตามของนางจะต้องพกยาสำหรับโรคหัวใจของนางไปด้วย แต่คราวนี้ ยาไม่มีเหลืออยู่บนรถม้าอย่างไร้เหตุผล

“ท่านพี่สอง ข้าสบายดี” เซี่ยโฮวซีตอบอย่างอ่อนแรง

“ดีแล้ว รีบส่งองค์หญิงเก้ากลับวัง”

“พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

สายตาของเซี่ยโฮวซีตกลงไปที่ซูมู่เกอ ซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง

“เจ้าเพิ่งนำยามาให้ข้า แล้วใครช่วยข้าตอนที่ข้าหัวใจวาย?”

นางกำนัลก้าวไปข้างหน้า และกระซิบว่า “มันคือ มันคือหญิงผู้นั้นเพค่ะ” หลังจากพูดจบนางก็ชี้ไปที่ซูมู่เกอ

สายตาของเซี่ยโฮวซีที่มีต่อซูมู่เกอเปิดเผยความคิดของนางในทันที

ซูมู่เกอยืนยืดตัวขึ้นและกล่าวว่า “องค์หญิงเพค่ะ ท่านตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน โปรดอภัยแก่ความผิดของหม่อมฉันด้วยที่ได้ล่วงเกินพระองค์”

ดวงตาของเซี่ยโฮวคุณหันไปที่นางกำนัล “เมื่อครู่ องค์หญิงเก้าหยุดหายใจจริงๆรึ?” เขาได้ยินมันเมื่อตอนที่เขามาถึง

แต่เขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าคนตายจะฟื้นขึ้นมาได้

นางกำนัลยังคงตกใจเล็กน้อย พยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เพค่ะ ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้สึกถึงลามหายใจขององค์หญิง ตอนนั้นองค์หญิงไม่มีลมหายใจแล้วจริงๆเพค่ะ”

เซี่ยโฮวคุณเปลี่ยนความคิดของเขาเล็กน้อย และในที่สุดก็หันมาสบตากับซูมู่เกอ สายตามองประเมินและจับผิดของเขาทำให้นางรู้สึกใจเสียอย่างมาก

ทันใดนั้น เขาก็ยิ้มให้ซูมู่เกอ

เซี่ยโฮวคุณสวมมงกุฎหยกสีม่วงและทองประดับมรกต ภายใต้คิ้วหลักแหลมของเขามีดวงตาที่แคบและเรียวยาวคู่หนึ่ง จมูกคมสันและริมฝีปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย รวมกับใบหน้าเหลี่ยมคมของเขา เขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา

เสื้อคลุมสีน้ำเงินกรมท่าของเขาทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเพื่อนรุนราวคราวเดียวกัน ริบบิ้นสีเขียวหยกรอบเอวของเขาแสดงให้เห็นถึงเอวที่แน่นของเขา ตอนนี้เซี่ยโฮวคุณดูเป็นชนชั้นสูงมากกว่าตอนที่เขาอยู่ที่เมืองชุนหยาง

แม้จะมีตัวตนของเซี่ยโฮวคุณ เขายังคงมีเสน่ห์พอที่จะดึงดูดผู้หญิงได้

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นลูกสาวของซูหลุน ใต้เท้าซู และได้รักษาโรคระบาดในเขตเมืองโจวในเมืองชุนหยางได้ใช่หรือไม่?”

เมื่อดวงตาของเซี่ยโฮวคุณสบกับปานบนดวงตาของซูมู่เกอ ความรู้สึกแปลกๆ วูบวาบในดวงตาที่อ่อนโยนของเขาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าเขาจะเคยไปที่คฤหาสน์ตระกูลซู เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับผู้หญิงที่นั่นมากนัก แม้ว่าพวกเขาจะเดินทางมาเมืองหลวงพร้อมกัน ทั้งสองก็ไม่เคยพบหน้ากัน

ซูมู่เกอก้มหน้าลงเล็กน้อย “เพค่ะ ฝ่าบาท เป็นหม่อมฉัน”

“ด้วยคุณหนูซูได้ช่วยชีวิตองค์หญิงเก้า ข้าจะไปเยือนคฤหาสน์ของเจ้าและขอบคุณเจ้าด้วยตัวข้าเอง เมื่อได้เห็นทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของคุณหนูซู ข้าสางสัยว่าครูของเจ้าคือใคร?”

เมื่อเห็นเซี่ยโฮวคุณพูดคุยกับซูมู่เกออย่างอ่อนโยน ซูจิงเหวินรู้สึกโกรธแทบไหม้ภายในใจของนาง

“ฝ่าบาท พี่สาวของหม่อมฉันแค่บังเอิญได้ทำการนั้นเพื่อช่วยองค์หญิง นางสมควรที่จะให้พระองค์มาเยี่ยมคฤหาสน์ของเราเพื่อรับการขอบคุณนางได้อย่างไร?” ซูจิงเหวินออกมายืนและพูดอย่างเบาๆและเขินอาย

น้ำเสียงช่างน่ารังเกียจซะจนทำให้ซูมู่เกอขนลุก

“มันเป็นเกียรติของนางที่ได้ช่วยองค์หญิง ท่านพี่ ท่านจะลดตัวเองลงแบบนั้นได้อย่างไร?” เซี่ยโฮวหยินก็ไม่พอใจอย่างมากที่เห็นเซี่ยโฮวคุณสุภาพกับซูมู่เกอ

เซี่ยโฮวคุณมองไปที่เซี่ยโฮวหยินอย่างเข้มงวดและกล่าวว่า “อย่าพูดจาไร้สาระ!”

เซี่ยโฮวหยินต้องการที่จะลบล้าง แต่เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของเซี่ยโฮวคุณ ในที่สุกนางก็หุบปาก ท้ายที่สุด นางมีโอกาสมากมายที่จะสอนบทเรียนซูมู่เกอและไม่จำเป็นต้องทำตัวน่าอายแก่พี่ชายนางต่อหน้าผู้คนมากมาย

“ฝ่าบาท…..” ทหารองค์รักษ์ของเซี่ยโฮวคุณก้าวไปข้างหน้าและกระซิบข้างหูของเขา

เซี่ยโฮวคุณลดสายตาลงและพยักหน้าช้าๆ “ข้ารู้”

หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่สองพี่น้องตระกูลซู เมื่อเขามองไปที่ซูมู่เกอดวงตาของเขานุ่มนวลและอ่อนโยนเป็นพิเศษ

“ข้าต้องไปจัดการเรื่องอื่นเดี่ยวนี้ ข้าจะไปเยี่ยมคฤหาสน์ตระกูลซูในวันอื่นและขอบคุณเจ้าด้วยตัวเอง”

มันจนกระทั่งร่างของเซี่ยโฮวคุณไม่สามารถมองเห็นได้ซูจิงเหวินจึงหยุดมองเขาอย่างไม่เต็มใจ นางหันไปหาซูมู่เกอ ดูเหมือนจะสนิทสนมกับนาง แต่ใจจริงกัดฟันข่มกลั้น แล้วพูดว่า “ท่านพี่ ท่านเก่งมาก!”

ซูมู่เกอถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างใจเย็นและยิ้ม “อย่างที่เจ้าพูด มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”

ซูจิงเหวินแอบจ้องมองนางพลางคิด “ซูมู่เกอ ข้าจะดูว่าแกจะภูมิใจแบบนี้ได้นานแค่ไหน!”

“คุณหนูซู ทักษะทางการแพทย์ของเจ้ายอดเยี่ยมมาก” ในที่สุดเซี่ยโฮวซีก็พบโอกาสที่จะพูด นางรู้สภาพตัวเองดีกว่าใครๆ ทุกครั้งที่นางมีอาการหัวใจวาย ถ้านางไม่กินยาให้ทันเวลา นางก็อาจตายได้ทุกเมื่อ แม้แต่หมอหลวงก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่ครั้งนี้ซูมู่เกอได้ช่วยชีวิตนางไว้!

“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเพค่ะ องค์หญิง ไม่ต้องกล่าวถึงเพค่ะ”

“คนใกล้ตายทำลายความสนใจของข้าไปเสียหมด! เจ้ามาทำอะไรที่นี่? รีบเตรียมตัวให้พร้อม! เจ้าไม่ต้องการให้ข้าได้ชื่นชมทิวทัศน์นี้งั้นรึ?” เซี่ยโฮวหยินไม่พอใจอย่างมากที่ทุกคนให้ความสนใจกับซูมู่เกอและเซี่ยโฮวซี

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง หญิงสาวในที่นั้นก็ฟื้นไหวพริบทันที แม้ว่าทั้งสองจะเป็นองค์หญิงทั้งคู่ องค์หญิงแปดเป็นลูกสาวของนางสนมฉินที่เป็นที่โปรดปราณมากที่สุดโดยมีตำแหน่งเป็นนางสนมขั้นสามในองค์จักรพรรดิ นางยังเป็นน้องสาวขององค์ชายสองที่มีอำนาจมากในราชสำนัก ในขณะที่องค์หญิงเก้าถือกำเนิดจากนางสนมยู่โดยมีบรรดาศักดิ์เป็นนางสนมขั้นหก คนที่อยู่ในความโปรดปราณเมื่อนานมาแล้ว ตระกูลของนางไม่ได้มีอำนาจเช่นคนอื่น ด้วยเหตุนี้ เป็นที่ชัดเจนสำหรับหญิงสาวทั้งหลายที่จะประจบข้าที่สูงกว่า

ทุกคนจึงกลับมาหัวเราะและยิ้ม ล้อมรอบองค์หญิงแปด

ในบัดดล เรือกลับเต็มด้วยเสียงหัวเราะและเสียงเซ็งแซ่ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้

“องค์หญิงเก้าเพค่ะ ตอนนี้ท่านยังอ่อนแอ ท่านควรเสด็จกลับไปตอนนี้จะดีกว่าและพักผ่อนเพค่ะ” ซูมู่เกอรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยที่เห็นความอยากรู้อยากเป็นขององค์หญิงเก้า

ในที่สุด หลังจากได้พบกับซูมู่เกออีกครั้ง เซี่ยโฮวซีจะไม่จากไปง่ายๆ

“ข้าสงสัยว่าคุณหนูซูช่วยข้าได้อย่างไร?”

“การช่วยให้หัวใจกลับมาเต้น”

“หัวใจ…การช่วยกู้คืนการเต้น? นั่นคืออะไร? เจ้าช่วยสอนข้าได้ไหมคุณหนูซู?”

ซูมู่เกอกดขมับของนาง “องค์หญิง….”

ปัง ปัง

“ดอกไม้ไฟ มีคนจุดพลุอีกแล้ว!”

ดอกไม้ไฟทำให้เรื่อมีชีวิตชีวาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทุกคนไม่กล้าที่จะทำผลีผลามอีกต่อไป ทุกคนทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ

“โอ้ ฝนตกหรือ? ฝนกำลังหยดลงบนใบหน้าของหม่อมฉัน….”

“ใช่ ข้ารู้สึกเหมือนกัน ฝนกำลังตก…”

ซูมู่เกอสัมผัสหยดน้ำที่ตกลงบนปลายจมูกของนางแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อนางเช็ดมันออกด้วยผ้าเช็ดหน้าของนาง

เม็ดฝน….มันจะลี่นได้อย่างไร?

ทันทีที่นางกำลังจะดมของเหลว นางก็เห็นเงาอยู่เหนือศีรษะและมองขึ้นไปเพื่อดูใบหน้าเฉยเมยของเซี่ยโฮวซี

“มันดูเหมือนว่าฝนจะตก คุณหนูซูเจ้าไม่ได้เอาร่มมา ข้าสามารถส่งเจ้ากลับไปที่คฤหาน์ของเจ้าได้”

ซูมู่เกอมองไปที่สตรีผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าและรู้สึกเบื่อหน่าย

“ขอบพระทัยเพค่ะที่ทรงให้หม่อมฉันสัมผัสพระหัส องค์หญิงเก้า”

ซูมู่เกอแทบจะไม่หันกลับไปเพื่อจากไปเมื่อจู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องโดยสาร “ไฟไห้ม! ช่วยด้วย! ห้องโดยสารไฟไหม้!”

“ไฟไหม้เหรอ?” เซี่ยโฮวหยินขมวดคิ้ว ก่อนที่นางจะตอบสนองคนในห้องโดยสารก็รีบหนีออกมา

“ช่วยด้วย ห้องโดยสารถูกไฟไหม้!”

“อ้า!”

ชายคนหนึ่งที่เสื้อผ้าถูกไฟไหม้วิ่งหนีออกจากห้องโดยสารและกลิ้งไปบนดาดฟ้าซึ่งทำให้ดาดฟ้าลุกพรึบขึ้นทันที

“อา…ช่วยด้วย!”

“เร็วเข้า วิ่ง!”

“คุณหนู ปกป้องคุณหนู”

“องค์หญิง พาองค์หญิงออกไป…”

สถานการณ์บนดาดฟ้ากลายเป็นเรื่องโกลาหลในทันที มองดาดฟ้าสว่างขึ้นในทันใด ซูมู่เกอลดสายตาลง “มันคือน้ำมัน!” ไม่น่าแปลกใจที่นางรู้สึกว่าของเหลวแตกต่างจากน้ำฝนทั่วไป! ดาดฟ้าถูกหยดน้ำมันเพื่อให้ไฟลุกลามเร็วขึ้น!

ซูมู่เกอหันกลับมาและเห็นเซี่ยโฮวซียังคงยืนอยู่ที่นั่นอย่างว่างเปล่า นางเม้มริมฝีปากและดูความวุ่นวายบนดาดฟ้า “ใครว่ายน้ำได้บ้าง?”

“ข้า ข้าทำได้” นางกำนัลที่อยู่เบื้องหลังเซี่ยโฮวซีตกใจอย่างเห็นได้ชัด ตอบด้วยเสียงสั่น

ซูมู่เกอคว้าชูชีพจากกาบเรือใส่ให้เซี่ยโฮวซี

“ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปหมด ทุกคนจึงกระตือรือร้นที่จะหลบหนีและไม่สนใจว่าท่านจะเป็นองค์หญิงหรือไม่ หากท่านต้องการที่จะอยู่รอด ให้ไต่เชือกนี้และว่ายน้ำไปที่ตลิ่ง!” ในขณะที่พูด ซูมู่เกอผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเรือ

“แต่ แต่ข้าทำไม่ได้ ข้าว่ายน้ำไม่เป็น…” นางไม่เหลือบุคลิกที่สงบ เซี่ยโฮวซีไม่เคยประสบอุบัติเหตุเช่นนี้มาก่อนและรู้สึกหวาดกลัว

“ใจเย็น ๆ เรือลำนี้อยู่ไม่ไกลจากฝั่ง ท่านสามารถทำมันได้!” ในขณะที่พูด ซูมู่เกอผลักนางไปที่กาบเรือ

“อา! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”

“ไฟไหม้รุนแรงขึ้น!”

ในขณะที่เซี่ยโฮวซียังคงลังเล ซูมู่เกอกัดฟันและผลักนางลงจากเรือ

ในขณะเดียวกัน จู่ๆ นางก็ถูกใครบางคนตีและตกลงไปในน้ำอย่างควบคุมไม่ได้

มีคนกระโดดลงไปในน้ำจากเรือ ทันทีที่ซูมู่เกอจมดิ่งลงไปในน้ำ นางถูกทุบไหล่และจมลงไปในน้ำ

“อา…”

มันมืดไปหมดในน้ำนี่ ซูมู่เกอต้องการว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่นางรู้สึกว่าไหล่ของนางเจ็บปวดอย่างมากและเท้าของนางก็พัวพันกับบางสิ่งที่นางไม่สามารถกำจัดได้

“อา….”

ซูมู่เกอสงบลง เอื้อมมือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของนาง ดึงกริชที่ผูกไว้ที่เอวของนางออกมา แล้วแทงที่เท้าของนาง

ทันทีที่มีดสั้นแทงออกไป จู่ๆก็มีคนจับมือนางและดึงนางลงไปด้านล่าง

ฉิบหาย!

นางพยายามกำจัดคนๆนั้น แต่คนๆนั้นมีพลังมากจนนางไม่สามารถหลุดพ้นได้

ในไม่ช้า นางก็รู้สึกว่าข้อมือของนางถูกมัดด้วยเชือก

ซูมู่เกอตกใจมากที่คน ๆ นั้นต้องการจับนางมัดไว้ที่ก้นน้ำและทำให้นางจมน้ำตาย!

นางดึงเข็มเงินที่ซ่อนอยู่ในสร้อยข้อมือออกมา แล้วแทงไปที่มือของบุคคลนั้น ทันใดนั้นคนๆนั้นก็ปล่อยมือของนาง และซูมู่เกอก็คว้าโอกาสที่จะว่ายดำดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว

มันมืดเกินไปในน้ำที่จะมองเห็นอะไรทั้งสิ้น ถ้านางหนีรอด คน ๆ นั้นต้องคิดว่านายลอยขึ้นเหนือน้ำ

นั่นล่ะ หลังจากดำลงไปสักพัก คนๆนั้นก็ตามไม่ทัน

จากนั้น ซูมู่เกอพยายามว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ

(น้ำกระเซ็น)

นางรีบขึ้นจากน้ำและมองไปรอบ ๆ แต่ก็พบว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ !

นางว่ายน้ำห่างออกจากฝั่งโดยไม่รู้ตัว

ด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากการต่อสู้ในน้ำ ซูมู่เกอว่ายเข้าฝั่งด้วยแรงเฮือกสุดท้าย เมื่อนางปีนขึ้นไปบนฝั่ง นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้ในที่สุด

เมื่อตะกี้ นางคิดจริงๆว่านางกำลังจะตายในน้ำ อะไรคือสิ่งที่คว้าจับนางไว้?

มันมีความหมายเฉพาะนางหรือทุกคนบนเรือ?

นางปีนขึ้นไปและจู่ๆ ก็ตรวจพบการเคลื่อนไหวที่อยู่เบื้องหลังของนาง

ซูมู่เกอรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที!