บทที่ 61 : ใครอยู่เบื้องหลังเขา?

“มันคือใคร?!”

ร่างสีดําค่อยๆก้าวออกมาจากป่าด้านหลังนาง

หลังจากเห็นใบหน้าของเขา ซูมู่เกอกตัวแข็งไปชั่วขณะ

“ท่านใต้เท้าเซี่ย?”

เซี่ยโฮวโม่มองนางจากบนลงล่างด้วยดวงตาสีเข้มราวกับว่าเขากําลังสํารวจว่านางได้รับบาดเจ็บหรือไม่

“เจ้าช่างเคราะห์มากนัก”

ซูมู่เกอกระพริบตา “อา-จิ๋ว!”

นางถูจมูกไปมา รู้สึกว่าอากาศเริ่มหนาวขึ้นแล้วจริงๆ

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ซูมู่เกอและเซี่ยโฮวโม่นั่งตรงข้ามกันหน้ากองไฟ

ซูมู่เกอยังคงเปียกไปด้วยน้ําที่ไหลลงมาตามร่างกายของนางลมในป่ายิ่งทําให้หนาวมากขึ้นจนตัวสั่น

เซี่ยโฮวโม่มองดูริมฝีปากที่เย็นจัดของนาง ดวงตาสีเข้มของเขาลดลง เขายืนขึ้นเดินไปหานางแล้วดึงนางขึ้น

“อะไร ท่านกําลังทําอะไร?!”

ซูมู่เกอเซ นางมองลงไปและพบว่านิ้วเรียวยาวของเขากําลังเปลื้องผ้าของนาง!

“ท่าน ท่านไม่ยอมละทิ้งแม้แต่ผู้หญิงอย่างข้า ท่านเอาความคิดออกจากในใจของท่านซะ!”

ซูมู่เกอกําลังดิ้นรน แต่นางจะแข็งแกร่งพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเซี่ยโฮวโม่ได้อย่างไร? ทันใดนั้น เหลือเพียงชุดซับในสีชมพูที่เหลืออยู่บนร่างกายของนาง

เมื่อมองไปที่โหนกนูนเล็กๆบนหน้าอกของนาง เซี่ยโฮวโม่หยุดกึกและผลักนางไปหลังต้นไม้ใหญ่

ก่อนที่ซูมู่เกอจะอุทานออกมาดัง ๆ นางถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมที่เต็มไปด้วยกลิ่นของ

เขา

“ถอดเสื้อผ้าออก แล้วใส่มัน”

ซูมู่เกอโกรธมากจนดึงเสื้อคลุมของเขาลงโยนลงพื้นและเหยียบ มันอย่างเดือดดาล

มันน่า…น่าโมโหจริงๆ!

เขาจะเชื่อได้อย่างไรว่านางจะทําตามที่เขาพูด!

“อา-จิ๋ว!”

ลมกระโชกแรงทําให้ซูมู่เกอตัวสั่น นางมองลงไปที่เสื้อคลุมที่พื้นและกัดฟันแน่น

หลังจากนั้น นางก็ก้มลงและคว้ามันขึ้นมาอย่างโกรธแค้น นางจะไม่ทําให้ร่างกายของนางทรมาน!

หลังจากที่ซูมู่เกอสวมเสื้อคลุมของเชียโฮวโม่ออกมา นางก็แขวนชุดชั้นในไว้บนกิ่งไม้ข้างกองไปเพื่อตากให้แห้ง

เสื้อผ้าข้างกองไฟก่อให้เกิดเป็นเหมือนฉากกั้นเพื่อแยกซูมู่เกอออกจากเซียโฮวโม่

นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง เซี่ยโฮวโม่ดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะมาที่นี่

ซูมู่เกอครุ่นคิดในใจ คิดว่าเขาคงไม่ใช่คนชั่วโดยสมบูรณ์

เห็นได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบนเรือ และนางกลัวว่าคนที่ต้องการให้นางจมน้ําตายไม่ได้มุ่งเป้ามาที่นางแต่เพียงผู้เดียว

อยู่ในเมืองหลวงมานานกว่าหนึ่งเดือน นางแทบจะไม่ได้ออกไปจากคฤหาสน์ซู และนางมีความขัดแย้งกับองค์หญิงที่แปดนางอันและลูกสาวของนาง ซูจิงเหวินเท่านั้น

องค์หญิงแปดไม่น่าจะแก้แค้นนางในงานเลี้ยงที่ตัวองค์หญิงเป็นคนจัดงานขึ้นเอง ในขณะที่นางอันและลูกสาวของนางไม่น่าจะคิดดําเนินแผนการใหญ่เช่นนี้ได้

ในเวลานั้น ผู้คนบนเรือมีทั้งคหบดีหรือคนชั้นสูง ซึ่งไม่สามารถทําให้โกรธเคืองได้ง่ายๆ

ดังนั้น เหตุการณ์นี้ไม่ได้พุ่งมาที่นางคนเดียว

“ทําไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ ใต้เท้าเซี่ย?” เมื่อคิดว่าเซี่ยโฮวโม่มักปรากฏตัวในสถานที่ที่อธิบายไม่ได้ นางสงสัยว่ามันเป็นเหตุบังเอิญ รือหลีกเลี่ยงไม่ได้

มองผ่านเสื้อผ้าของนาง เซี่ยโฮวโม่มองเห็นซูมู่เกอนอนขดตัวอยู่

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าตรงหน้านี้ช่างสร้างความรําคาญให้เขาซะจริง

“มีคนออกไปจุดพลุริมทะเลสาบพระจันทร์ ซึ่งทําให้ทหารองครักษ์ในวังหลวงตกใจ” ดอกไม้ไฟเคยแพร่หลายในแคว้นนุ่มานานหลายปี แต่ภายใต้การปกครองขององค์จักรพรรดิองค์ก่อนถนนทั้งสายเกือบถูกไฟไหม้จากดอกไม้ไฟ ดังนั้นจักรพรรดิองค์ก่อนจึงสั่งให้จํากัดการจุดพลุดอกไม้ไฟ”

กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาจไม่มีใครได้เล่นดอกไม้ไฟแม้ว่าจะมีเงินซื้อก็ตาม สามารถขายดอกไม้ไฟได้เพียงจํานวนหนึ่งในบางเทศกาลเท่านั้น

เนื่องจากในวันนี้ไม่ใช่เทศกาล จู่ๆมีการแสดงดอกไม้ไฟที่ริมทะเลสาบขึ้นมันจึงดึงดูดความสนใจของทหารองครักษ์ได้อย่างแน่นอน

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จู่ๆ ซูมู่เกอก็ตระหนักว่าเชี่ยโฮวโม่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของทหารองครักษ์ของวังหลวง!

มีอํานาจทางทหารถึงอยู่นอกวัง แต่เขายังกุมอํานาจที่ยิ่งใหญ่ในเมืองหลวงด้วย!

“มีคนต้องการเอาชีวิตอยู่บนเรือ”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?

“หลังจากที่ข้าตกลงไปในน้ํา มีคนจับที่ข้อเท้าของข้าเพื่อไม่ให้ข้าขึ้นฝั่งได้ คนๆนั้น ตั้งใจจะทําให้ข้าจมน้ําตาย”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเซี่ยโฮวโม่ก็มืดลง

“เจ้าโชคดีมากที่รอดชีวิตมาได้”

เชี่ยโฮวโม่ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปในปาที่ด้านหลัง

และตงหลินเดินออกมาจากป่า

“ฝ่าบาท เราจับได้สองคน อีกห้าคนตายและหนึ่งคนหนีไปได้พะยะค่ะ”

เซี่ยโฮวโม่ยืนเอามือไพล่หลัง “จะทําวิธีไหนก็ได้ ทําให้สองคนนั้นสารภาพออกมา”

“พะยะค่ะ

เมื่อเซี่ยโฮวโม่กลับมา ซูมู่เกอได้เปลี่ยนกลับไปใส่เสื้อผ้าของนางเองแล้ว ซึ่งได้รับการอบให้แห้งจากกองไฟเป็นอย่างดี

“ใต้เท้าเซี่ย ขอบคุณสําหรับความช่วยเหลือของท่าน” นางพับเสื้อคลุมของเขาและยื่นคืนให้เขา เซี่ยโฮวโม่ทําแค่มอง แต่ก็ไม่รับมันมา

“เก็บมันไว้กับเจ้า”

ซูมู่เกอชะงัก สงสัยว่าความจริงเขาไม่ชอบที่นางสวมเสื้อผ้า!

“ข้าจะทําความสะอาดแล้วส่งให้ท่านในภายหลังเจ้าค่ะ”

ซูมู่เกอกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอีกด้านหนึ่ง สุดท้ายแล้วเยว่รูยังครองนางอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำ

“ข้าขอบคุณท่านมาก ใต้เท้า”

เซี่ยโฮวโม่เหลือบมองนางด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ไม่จําเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ตอบแทนข้าในอนาคต”

หลังจากออกจากป่า เซี่ยโฮวโม่ขอให้โจวจิ๋วส่งซูมู่เกอกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลซู แต่ซูมู่เกอกังวลเกี่ยวกับเยวรูและยืนยันที่จะกลับไปที่ทะเลสาบพระจันทร์แม้จะเสี่ยงต่อการกระโดดออกจากรถม้าก็ตาม

โจวซิ่วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพานางไปที่นั่น

มองจากระยะไกลทะเลสาบพระจันทร์ถูกล้อมรอบไปด้วยทหารองครักษ์ของวังหลวง เมื่อเข้าไปแม้จะยังอยู่ห่างจากฝั่ง ซูมู่เกอยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือด

เมื่อนางเข้าไปใกล้ นางเห็นศพเรียงรายอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ํา

“คุณหนู! คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ! ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!” ในขณะที่ซูมู่เกอกําลังมองหานางก็เห็นเยวู่่วิ่งมาหานางด้วยดวงตาสีแดงและน้ําตาไหล

ซูมู่เกอถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นนางปลอดภัยและไม่ได้รับอันตรายใด

“ข้าได้รับการช่วยเหลือจากองครักษ์ของวังหลวง ข้าสบายดีตอนนั้นเจ้าอยู่บนฝั่งเจ้าเห็นไหมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

เยว่รูเช็ดน้ําตามและพูดว่า “ตอนนั้น ข้าน้อยเห็นเรือกําลังลุกเป็นไฟและต้องการตามหาท่าน แต่ไม่มีเรือแล้ว ข้าจึงทําได้แค่รออยู่ริมฝั่ง หลังจากได้ยินว่ามีคนตาย ข้าตื่นตระหนกมากจนขอให้ซินเอ๋อ

กลับไปแจ้งนายหญิงในขณะที่ข้าตามหาท่านที่ริมฝั่งตลอดเจ้าค่ะ

ซูม่เกอมองไปที่ศพที่นอนเรียงรายอยู่ พบว่าหลายๆ คนแต่งตัวภูมิฐาน พวกนางต้องเป็นสุภาพสตรีหรือเจ้านายของตระกูลขุนนางชั้นสูงแน่

“กลับกันเถอะ”

“เจ้าค่ะ”

หลังจากที่ซูมู่เกอกลับถึงที่คฤหาสน์ตระกูลซู นางได้รับรู้ว่าซูจิงเหวินถูกส่งกลับมาแล้ว แต่ดูเหมือนนางจะตกใจมากจนต้องเชิญหมอมาตรวจดูอาการ

เรื่องไฟไหม้ร้ายแรงมากจนทําให้นางจ้าวเครียดเกือบสิ้นสตินางจับมือซูมู่เกอทันทีที่กลับมาถึงและไม่ปล่อยไป

“ข้าได้ยินมาว่ามีอุบัติเหตุที่ทะเลสาบพระจันทร์ เมื่อเห็นว่าเจ้ายังไม่กลับมาข้าเป็นห่วงเจ้ามาก”

“ตอนนั้นมันอันตรายมากเจ้าค่ะ ข้าเกือบถูกฆ่าตายในน้ํา แต่โชคดีที่ข้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย” ตอนนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองหลวง ซูมู่เกอไม่มีแผนสํารองที่จะละเว้นการแจ้งข่าวร้ายต่อนางจ้าวเพราะนางคิดว่านางจ้าวควรมีความสามารถในการรับข่าวเลวร้า ยต่างๆ

แน่นอน นางจ้าวเปลี่ยนสีหน้าทันที่ที่นางได้ยิน

“อันตรายมาก! อมิตาพุทธ พระพุทธองค์โปรดประทานพรให้กับมูมู่ของลูกด้วยเทอญ มูมู่ ตามข้ามาไปจุดธูปต่อหน้าพระพุทธองค์”

ซูมู่เกอแค่นยิ้มออกมา

ในห้องทรงอักษร องค์จักรพรรดิในวังหลวง

จักรพรรดิเซียโฮวรุยนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ใช้มือข้างหนึ่งประคองหน้าผากไว้และคิ้วขาวขมวดมุ่น

เชี่ยโฮวคุณ โค้งคํานับ “ถวายบังคมเสด็จพ่อ มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นสิบห้าชีวิตในคดีทะเลสาบพระจันทร์ แปดคนเป็นสมาชิกในตระกูลของเสนาบดีระดับสูงของราชสํานักและส่วนที่เหลือเป็นข้ารับใช้ที่ติดตามไปด้วยพะย่ะค่ะ”

หลังจากที่พูดจบ เซี่ยโฮวคุณมองไปที่เซี่ยโฮวรุยและเห็นว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะพูด เขาทําได้เพียงพูดต่อ “คนเหล่านั้นกล้าเกินไปที่จะก่อความรุนแรงในเมืองหลวงกลางวันแสกๆ! ถ้าจําไม่ผิด องครักษ์ของน้องเก้าน่าจะต้องส่งเจ้าหน้าที่มาลาดตระเวนริมทะเลสาบพระจันทร์เพิ่มเติมในวันนี้”

หลังจากที่สิ้นสุดคําพูด เซี่ยโฮวรุยก็ลืมตาขึ้นในที่สุด “เจ้ากําลังบ่งบอกว่าภัยพิบัติเกิดจากการที่น้องชายคนที่เก้าของเจ้าละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ ใช่หรือไม่?”

เซี่ยโฮวคุณลดศีรษะลงทันที “หม่อมฉันแค่พูดความจริงพะย่ะค่ะ มันคงต้องอาศัยการตรวจสอบอันชาญฉลาดของเสด็จพ่อและพระปรีชาญาณ เสด็จพ่อ”

ขณะนั้น วันที่อีเข้ามาในห้อง

“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ ราชาแห่งจินขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”

“ให้เขาเข้ามา”

“พะยะค่ะ”

ในขณะที่เซี่ยโฮวโม่เดินเข้าไปในห้อง “หม่อมฉันขอถวายพระพร เสด็จพ่อ”

“เจ้าได้สอบปากคําคนทั้งหมดที่ถูกจับในทะเลสาบพระจันทร์แล้วหรือไม่?

“หม่อมฉันพบเครื่องหมายบนรอยฝ่าเท้าของพวกเขาในขณะที่ซักถามชายชุดดําพะย่ะค่ะ” เซี่ยโฮวโม่หยิบภาพวาดจากเขา และขันที่อีก้าวไปข้างหน้าเพื่อนําภาพวาดไปวางบนโต๊ะมังกรให้ทอดพระเนตร

องค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยลืมตาขึ้นและเห็นเครื่องหมายจันทร์เสี้ยวบนกระดาษ

ด้วยความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าของเขา เซี่ยโฮวรุยจึงโยนภาพวาดตรงหน้าเซี่ยโฮวคุณ “บอกข้ามา ว่ามันคืออะไร!?”

เชี่ยโฮวคุณรู้สึกสับสนเล็กน้อยในตอนแรก เขาย่อตัวลงเพื่อหยิบมันขึ้นมาและตรวจดูอย่างใกล้ชิด จากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงอย่างรวดเร็ว

“เสด็จพ่อ มัน…หม่อมฉัน…”

“บางครั้งข้าก็เมินเฉยทํามองไม่เห็นบางอย่าง แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าทําอะไรลงไปบ้าง!”

เซี่ยโฮวคุณคุกเข่าลงทันที

เครื่องหมายบนภาพวาดนั้นเป็นเครื่องหมายขององครักษ์ลับของเขา!

“เสด็จพ่อ โปรดทรงพิจารณาให้ตรวจสอบเรื่องนี้เพิ่มเติมเถิดพะย่ะค่ะ หม่อมฉันเป็นคนทําผิด! หม่อมฉันจะได้ประโยชน์อะไรในการฆ่าสตรีและนายน้อยเหล่านั้น? เห็นได้ชัดว่ามีคนใส่ความหม่อมฉัน!”

ในขณะที่พูดเสี่ยโฮวคุณจ้องไปที่เซี่ยโฮวโม่ มันต้องเป็นเขา!

องค์จักรพรรดิเซียโฮวรุยหรี่ตาลงและพ่นลมหายใจออกมา ก่อนที่จะหันไปหาเซียโฮวโม่ “เจ้าได้อะไร เพิ่มเติมจากการสอบสวนหรือไม่?”

เซี่ยโฮวโม่ลดสายตาลง “พวกเขาบอกเพียงแค่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาต้องการฆ่านายน้อยทั้งหมดและคุณหนูทั้งหลายบนเรือพะย่ะค่ะ”

“ปัง!”

“สามหาว!”

จักรพรรดิเซียโฮวรุยกระแทกโต๊ะอย่างแรงและส่งเสียงอึดฮัด

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยโฮวคุณก็ยิ่งกังวลใจ เขากัดฟันและพูดว่า “เสด็จพ่อ แม้ว่าคนเหล่านั้นจะมีเครื่องหมายขององครักษ์ลับของหม่อมฉัน มันเป็นไปได้ว่ามีใครบางคนกําลังทําให้หม่อมฉันเป็นผู้รับผิด เสด็จพ่อโปรดเชื่อใจหม่อมฉัน และให้โอกาสหม่อมฉันได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหม่อมฉันด้วยพะย่ะค่ะ”

เซียโฮวรุยจ้องเซียโฮวคุณอย่างค้นหา

“ได้ ข้าจะให้โอกาสนี้แก่เจ้า ถ้าเจ้าไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ก็อย่ามาพบหน้าข้าอีก”

“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ” เซี่ยโฮวคุณกําหมัดแน่น

“เจ้าออกไปได้”

“หม่อมฉันขอกราบทูลลาพะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”

เซี่ยโฮวคุณจากไปด้วยความโกรธเป็นอย่างมาก มีเพียงเซี่ยโฮวโม่และเซี่ยโฮวรุยเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้องทรงอักษร

“บอกข้ามาว่าเจ้าคิดอย่างไร”

“รอยประทับนั้นชัดเจนเกินไปพะย่ะค่ะ” หลายตระกูลในเมืองหลวงจะฝึกฝนองครักษ์ลับประจําตระกูล องครักษ์ลับทุกคนจะมีเครื่องหมายที่ไม่ซ้ํากัน ซึ่งจะถูกลบออกไปชั่วขณะเมื่อพวกเขาปฏิบัติภารกิจ เพื่อที่พวกเขาจะไม่ทิ้งร่องรอยของเจ้านายที่สั่งการไว้

ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ดีต่อเซี่ยโฮวคุณแน่นอน

ภายใต้การตรวจสอบอย่างใกล้ชิดของจักรพรรดิ เขาไม่โง่เกินไปที่จะทําเช่นนั้น

“เจ้าหมายความว่าไม่ใช่พี่ชายคนที่สองของเจ้าที่ทําสิ่งนี้?”

“หม่อมฉันไม่กล้าสรุปก่อนที่จะมีตรวจสอบเพิ่มพะย่ะค่ะ”

เชี่ยโฮวรุยดูเหมือนจะหัวเราะเบา ๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าใจเย็นและมั่นคงมาตลอด คราวนี้ แค่คอยดูและปล่อยให้พี่ชายคน ที่สองของเจ้าหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา”

“หม่อมฉันรับพระบัญชา พะย่ะค่ะ” เซี่ยโฮวโม่รักษาสีหน้าของเขา