ตอนที่ 45 หย่ากับเจ้า

ท่านป้าหยางเห็นดังนั้นก็เอ่ยด้วยสีหน้าโมโห “เหตุใดเจ้าถึงมีสภาพเช่นนี้ พี่สะใภ้ตีเจ้าอีกแล้วใช่หรือไม่?”

เสี่ยวเจียนก้มหน้าลง ท่านป้าหยางคว้ามือของนางมาดู มันเต็มไปด้วยรอยหยิก และรอยฟกช้ำจากการถูกเฆี่ยนตี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมือที่ด้านจากการทำงานหนัก

“ท่านป้า ท่านอย่าพูดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเจียนมองไปทางห้องใหญ่ด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าพี่สะใภ้ตัวเองจะออกมา

แต่ว่ากลัวอะไรก็มักจะเจอแบบนั้นจริง ๆ เมื่ออวี๋ซิ่วเหลียนเปิดประตูออกมาก็พบว่าเห็นนางนั้นเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ยืนพิงประตูด้วยความเกียจคร้านพลางเอ่ยขึ้นมา “เป็นเจ้าอีกแล้ว มาบ้านข้าทำไมกัน”

เมื่อมองดูเสี่ยวเจียน แล้วมองไปที่อวี๋ซิ่วเหลียน ใครบ้างที่จะไม่รู้สึกโมโห ไม่เคยเห็นสตรีที่ร้ายกาจเช่นนี้มาก่อนเลยจริง ๆ

ท่านป้าหยางโมโหอย่างมาก “อวี๋ซิ่วเหลียน เจ้าตีเสี่ยวเจียนอีกแล้วใช่หรือไม่? ข้าจะไปหาหัวหน้าตระกูลให้สามีหย่าขาดจากเจ้าและไล่เจ้าออกไปจากตระกูลซะ มีใครเป็นพี่สะใภ้ใจร้ายเช่นเจ้าบ้าง!”

ได้ยินดังนั้นอวี๋ซิ่วเหลียนก็ถลึงตาขึ้นมา นางพับแขนเสื้อแล้วก็พุ่งตัวเข้ามา “นางแม่เล้านี่ เจ้าพูดอะไร คิดจะให้ข้าหย่าอย่างนั้นหรือ หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าไปซะเถอะ ถ้าวันนี้ข้าไม่ได้แสดงให้เจ้าเห็นความร้ายกาจของข้า อย่ามาเรียกข้าว่าอวี๋ซิ่วเหลียน”

เสี่ยวเจียนตกใจเป็นอย่างมาก รีบพุ่งเข้าไปห้ามพี่สะใภ้ของนางเอาไว้ทันที

นางตัวเล็กเช่นนี้ไฉนเลยจะสู้อวี๋ซิ่วเหลียนได้ เพียงครู่เดียวก็ถูกอวี๋ซิ่วเหลียนผลักจนล้มลง

เมื่อเห็นว่าหัวของเสี่ยวเจียนกำลังจะไปกระแทกกับก้อนหิน จี้จือฮวนจึงเข้าไปรับร่างของนางเอาไว้ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งบีบแขนอวี๋ซิ่วเหลียนเอาไว้อย่างสบาย ๆ

อวี๋ซิ่วเหลียนก็คงคิดไม่ถึงเช่นกันว่าจี้จือฮวนจะลงมือ นางเคยเห็นจี้จือฮวนตีลูกสะใภ้คนโตของหัวหน้าหมู่บ้านมาก่อน จึงตกใจขึ้นมาในทันที “เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”

จี้จือฮวนจ้องอวี๋ซิ่วเหลียนด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้ไว้หน้านางแต่อย่างใด พร้อมกับโยนร่างของนางออกไป “เจ้ากล้าแตะต้องท่านป้าหยางก็เหมือนแตะต้องข้า อยากจะตีคนอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ต้องดูว่ากระดูกที่บอบบางของเจ้าสามารถแงะก้อนหินนั่นขึ้นมาได้หรือไม่?”

ท่านป้าหยางเห็นจี้จือฮวนช่วยตนไว้ ก็รีบดึงเสี่ยวเจียนเข้ามาใกล้ “บ้านนี้เจ้าไม่สามารถอยู่ต่อได้แล้ว ไม่ช้าก็เร็วสตรีชั่วผู้นี้จะต้องตีเจ้าจนตายแน่”

เสี่ยวเจียนไปไหนไม่ได้ พี่ชายของนางไม่อยู่บ้าน นางเป็นแค่สตรีคนหนึ่งจะทำเช่นไรได้

เมื่อนึกถึงความโศกเศร้าที่นางได้พบเจอ เสี่ยวเจียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงโผเข้ากอดท่านป้าหยางและร้องไห้ออกมา

“นางเพศยา เจ้ายังจะร้องไห้อีกอย่างนั้นหรือ? เจ้ากล้าพาคนมารังแกพี่สะใภ้อย่างข้าหรือ ทำไม อยู่บ้านนี้มันทำให้เจ้าเป็นทุกข์มากนักหรืออย่างไร เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?” อวี๋ซิ่วเหลียนรู้สึกราวกับเห็นผี กลางวันแสก ๆ กลับมีคนมาที่บ้านของนาง และมาสนใจว่านางจะทำอะไรกับน้องสามีของตัวเองบ้าง!

คนในหมู่บ้านเวลานี้ต่างก็กำลังยุ่งกันอยู่ แต่ก็มีเพื่อนบ้านบางคนได้ยินเสียงจึงได้ตามมามุงดู

เมื่อเห็นว่าเป็นอวี๋ซิ่วเหลียนอีกแล้ว ทุกคนก็ไม่มีความคิดที่จะสนใจอีกต่อไป สตรีผู้นี้เป็นสตรีที่ชอบทำให้บ้านร้อนเป็นไฟ วันทั้งวันหากไม่ทุบตีด่าทอเสี่ยวเจียน ก็มักจะขว้างปาข้าวของ ไม่เคยอยู่อย่างสงบเลยสักวันเดียว

เมื่อเห็นอวี๋ซิ่วเหลียนตะโกนโวยวายไม่เลิก มีคนที่ทนดูไม่ไหวจึงได้เอ่ยต่อว่าออกมา “จะสร้างความวุ่นวายอะไรอีก หากเจ้าอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉินไม่ได้ก็ไสหัวกลับหมู่บ้านตระกูลอวี๋ของเจ้าไปซะ เสี่ยวเจียนถูกเจ้าทุบตีจนมีสภาพเช่นนี้ไปแล้ว เจ้าคิดว่าพวกเราไม่ต้องการพักผ่อนหรืออย่างไร?”

“นั่นน่ะสิ น่ารำคาญจริง ๆ”

ท่านป้าหยางเห็นดังนั้นก็รีบเอ่ยขึ้นมา “พวกเจ้าดูสิ เสี่ยวเจียนถูกนางตีจนมีสภาพน่าเวทนาเช่นนี้ แต่นางกลับกินดีอยู่ดี รอเฉินปิงกลับมาข้าจะถามเขาดูสักหน่อยว่าแต่งเอาตัวอะไรเข้ามา ปีศาจจิ้งจอกหรืออย่างไร!”

อวี๋ซิ่วเหลียนไม่กลัวเลยสักนิด นางเด็กเสี่ยวเจียนกล้าที่จะจากไปอย่างนั้นหรือ?

คิดได้ดังนั้น อวี๋ซิ่วเหลียนจึงลอยหน้าลอยตาเอ่ยขึ้นมา “ได้ ข้าไม่สนใจนางก็ได้ เจ้าจะเอานางไปเลี้ยงเองใช่หรือไม่? ข้าจะดูสิว่าเมื่อนางออกไปแล้วจะกินจะดื่มอะไร!”

ท่านป้าหยางโกรธจนไม่รู้จะโกรธอย่างไรดีแล้ว เวลานี้บ้านของนางเองก็วุ่นวายไปหมด จะดูแลเสี่ยวเจียนได้อย่างไร

อวี๋ซิ่วเหลียนยังไม่หายโมโห จึงตีมือเรียกความสนใจแล้วเอ่ยขึ้นมา “ทุกคนลองคิดดูเองก็แล้วกัน แม่หมาที่บ้านเราคลอดลูกออกมาหนึ่งคอก มีคนมาขอซื้อและจ่ายให้ตั้งห้าตำลึงทำไมข้าจะไม่ขายเล่า แต่พอนางกลับมายังกล้ามาหงุดหงิดใส่ข้า ข้าขายหมาไปก็เพื่อใครกัน?”

เสี่ยวเจียนเอ่ยอย่างสะอึกสะอื้น “หมานั่นคนในหมู่บ้านบอกแล้วว่าจะมาเอา เราตอบตกลงเขาไปแล้ว จะขายหมาไปโดยไม่บอกพวกเขาก่อนได้อย่างไร?”

“นางเด็กบ้านี่ มีเงินก็ต้องรีบคว้าเอาไว้สิ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นซั่งไฉถงจือที่เสกเงินมาได้หรืออย่างไร?” อวี๋ซิ่วเหลียนปากก็พูดไป ส่วนท่าทางก็เตรียมพร้อมที่จะเข้ามาทุบตีนางอีก

แต่กลับถูกสายตาของจี้จือฮวนตรึงเอาไว้

จี้จือฮวนคิดไม่ถึงว่าที่เสี่ยวเจียนถูกทุบตีจะเกี่ยวกับบ้านของนางด้วย นางไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใครจึงเอ่ยถามออกมาว่า “เสี่ยวเจียน ข้าจะให้เจ้าวันละหกสิบเหวิน เจ้ามาช่วยทำอาหารให้คนงานที่บ้านข้า ตกลงหรือไม่?”

เสี่ยวเจียนตัวสั่นด้วยความกลัว เมื่อได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งขึ้นมา มองจี้จือฮวนด้วยความเหลือเชื่อ

หกสิบเหวิน!

คนในหมู่บ้านต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน

นางบอกว่าเท่าไรนะ ค่าแรงวันละหกสิบเหวินอย่างนั้นหรือ!

สวรรค์ ไปหางานทำที่ในตำบลวันหนึ่งก็ยังไม่ได้มากเท่านี้เลย

จี้จือฮวนรู้สึกว่านี่เป็นราคาปกติ อย่างไรเสียนางขายเจียนปิ่งกั่วจือแค่หกอันก็ได้เงินคืนแล้ว

“หกสิบเหวินแค่ทำอาหาร ส่วนงานอื่น ๆ เจ้าไม่ต้องทำ” จี้จือฮวนเอ่ยเสียงเรียบ

“เด็กโง่ มั่วอึ้งอะไรอยู่อีก รีบตอบตกลงสิ” ท่านป้าหยางผลักเสี่ยวเจียนเบา ๆ

เสี่ยวเจียนยังไม่อยากจะเชื่อ “พี่สาว ท่านพูดจริงหรือเจ้าคะ?”

“แน่นอน”

“ไปเจ้าค่ะ ข้าไปแน่นอนเจ้าค่ะ” เสี่ยวเจียนรีบตอบตกลงทันที พี่ชายของนางแต่งพี่สะใภ้เข้ามา เรียกได้ว่าล่มจมกันไปหมด เพราะจนถึงตอนนี้ทุกเดือนพี่สะใภ้จะต้องตัดเสื้อ ใช้สีชาด โวยวายอยากจะได้ปิ่นปักผม พี่ชายจึงได้ออกไปทำงานข้างนอก เขาลำบากเพียงนี้ เสี่ยวเจียนจึงไม่อยากให้พี่ชายของตัวเองลำบากเช่นนั้นอีก

จี้จือฮวนเห็นท่าทางของนางจึงตั้งใจเอ่ยออกมา “มีข้อแม้อย่างเดียว เงินค่าจ้างที่ข้าให้เจ้า เงินนั่นเจ้าต้องเก็บเอาไว้เอง แต่หากเอาไปให้พี่สะใภ้ของเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะไม่จ้างเจ้าอีก”

เสี่ยวเจียนคิดไม่ถึงว่าจี้จือฮวนจะพูดเช่นนี้ เดิมทีอวี๋ซิ่วเหลียนยังคิดว่าจี้จือฮวนโง่เขลา นางเด็กเสี่ยวเจียนจะทำอะไรได้ วันหนึ่งให้เงินนางหกสิบเหวิน แต่นางเด็กนั่นไปหาเงินกลับมาก็ต้องเอามาให้นางอยู่แล้ว นางกำลังอยากได้ปิ่นเงินที่ตำบลอยู่พอดี แต่ตอนนี้จี้จือฮวนกลับบอกว่าห้ามเอาเงินมาให้นางอย่างนั้นหรือ?

อวี๋ซิ่วเหลียนกระทืบเท้าทันที “เงินที่นางหามาเอง นางอยากเอาให้ใครก็ย่อมได้ เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย!”

“ใช่แล้ว เงินของข้า แค่ข้าคิดว่าเจ้าจะเอาไปใช้และไม่ออกแรงแม้แต่น้อย ข้าก็ไม่พอใจแล้ว ดังนั้นหากนางไม่ยอมรับเงื่อนไขของข้า ข้าก็จะไม่จ้างนาง” จี้จือฮวนเอ่ยจบก็หันไปมองหน้าเสี่ยวเจียนแล้วเอ่ยขึ้นมา “เจ้าไม่ได้ติดค้างผู้ใด หากเจ้าไม่ขัดขืนเสียบ้างก็จะต้องถูกรังแกไปตลอดชีวิต เจ้าอยากอยู่เช่นนี้ไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ?”

เสี่ยวเจียนส่ายหน้าพร้อมกับร้องไห้ออกมา ใครจะอยากมีชีวิตเช่นนี้กัน หลังจากที่พ่อและแม่ของนางตายไป นางและพี่ชายก็พึ่งพาอาศัยกัน และความลำบากทั้งหมดก็ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ที่อวี๋ซิ่วเหลียนเข้ามา

“เช่นนั้นเจ้าตกลงที่จะรับเงื่อนไขของข้าหรือไม่?” จี้จือฮวนให้สิทธิ์นางได้เลือก เอาเงินให้สามารถช่วยได้แค่ชั่วคราว หากนางไม่สามารถยืนขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง ชีวิตนี้ก็คงต้องอยู่แบบนี้ไปจนตาย

ท่านป้าหยางกลัวว่าเสี่ยวเจียนจะทำอะไรเหลวไหล จึงเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า “เสี่ยวเจียนเอ้ย เจ้าต้องคิดให้ดีนะลูก”

เสี่ยวเจียนคิดถึงความลำบากที่ตนเองได้รับตลอดหลายปีมานี้ ก็กัดฟันพยักหน้าอย่างหนักแน่น “พี่สาว ข้าจะทำตามที่ท่านบอก พรุ่งนี้ข้าจะไปช่วยงานท่านที่บ้านเจ้าค่ะ”

มีเงินหกสิบเหวิน ถึงเวลานางไปอยู่ที่บ้านท่านลุงของนางก็ได้ อย่างไรเสียก็ไม่ต้องมารองรับอารมณ์ของอวี๋ซิ่วเหลียนอีก

อวี๋ซิ่วเหลียนตบต้นขาตัวเอง “ได้ ตอนนี้เจ้าคิดจะต่อต้านใช่หรือไม่? ข้าจะตีเจ้าให้ตายเลยนางเด็กบ้า” นางโมโหและจะไปหาไม้กวาดมา เสี่ยวเจียนเองก็โมโหจนทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน จึงพุ่งตัวเข้าไปหาอวี๋ซิ่วเหลียน ก่อนจะใช้หัวกระแทกเข้าที่ท้องของนาง ทำให้อวี๋ซิ่วเหลียนล้มหงายหลังลงไปกับพื้น

“นับแต่นี้ไป ข้าจะสนใจแค่เรื่องของบ้านข้า บ้านหลังนี้พ่อแม่ข้าทิ้งไว้ให้พี่ชายข้า แต่ข้ายังไม่แต่งออกไป หากเจ้ากล้ารังแกข้าอีก ข้าจะให้พี่ชายข้า ท่านปู่ข้า ท่านลุงข้ามาที่นี่ แล้วให้พี่ชายข้าหย่าขาดกับเจ้าซะ!”