ตอนที่ 46 ชีวิตรุ่งเรือง

คราวนี้เสี่ยวเจียนมีความสุขเป็นอย่างมาก

อวี๋ซิ่วเหลียนคิดไม่ถึงว่าน้องสามีจะกล้าเช่นนี้ อาศัยว่ามีคนคอยหนุนหลังนางอย่างนั้นหรือ?

“โอ๊ย นางจะฆ่าคนแล้ว นางคนอกตัญญู!”

ท่านป้าหยางถ่มน้ำลายใส่ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “ถ้ายังโวยวายอีก ข้าจะไปหาหลี่เจิ้งและหัวหน้าตระกูลเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปถามสิว่าสะใภ้ที่กลับกลอกเช่นนี้ หากหมู่บ้านตระกูลเฉินยังเก็บเอาไว้จะเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่!”

อวี๋ซิ่วเหลียนจึงเงียบไปทันที พลางจ้องท่านป้าหยางตาเขม็งและอยากจะฉีกเนื้อของนางออกมา

“เสี่ยวเจียน พวกเราไปกันเถอะ ใครยังอยากจะซักผ้าให้สตรีเช่นนี้อีก ไม่มีมือมีเท้าหรืออย่างไร ยังมีหน้ามาใช้น้องสามีเหมือนคนรับใช้อีก” ท่านป้าหยางพูดจบก็ดึงมือเสี่ยวเจียนออกมา

อวี๋ซิ่วเหลียนโมโหจนแน่นหน้าอกไปหมด ก่อนจะลุกขึ้นมาเอง และส่ายก้นกลม ๆ มาปิดประตูไล่หลังดัง ปัง!

ไม่นานก็มีเสียงของตกแตกดังมาจากในบ้าน

“เฉินปิงไม่อยู่บ้าน ของที่หามาอย่างยากลำบาก กลับถูกสตรีชั่วเช่นนี้ปาทิ้งจนหมด บาปกรรมจริง ๆ”

ขณะคนที่มามุงดูกำลังทอดถอนใจกันอยู่นั้น ก็มีคนปิดประตูบ้านของตัวเองลงอย่างเงียบ ๆ คนผู้นั้นก็คือฉีเทียนชางที่ครั้งก่อนถูกคนของครอบครัวจางตีจนเกือบตาย

จี้จือฮวนตอนนี้มีเงินมากถึงขนาดจ้างคนงานวันละหกสิบเหวิน แต่กลับลืมคนรักเก่าเช่นเขาอย่างนั้นหรือ? จะมีเรื่องเช่นนี้ที่ไหนกัน!

ฉีเทียนชางหรี่ตาลง และกำลังคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถเอาเงินในกระเป๋าของจี้จือฮวนมาเข้ากระเป๋าตัวเองได้

ส่วนเสี่ยวเจียนก็ไม่คิดที่จะทำงานโดยไม่ได้เงินที่บ้านนั้นอีกแล้ว พี่สาวจี้ให้นางทำอาหารเพียงอย่างเดียว ทั้งยังให้เงินนางตั้งหกสิบเหวิน นางจะไปช่วยงานบ้านครอบครัวเผยเดี๋ยวนี้เลย

พอดีกับที่คนงานเริ่มทำงานกันแล้ว เสี่ยวเจียนและท่านป้าหยางจึงถูกจี้จือฮวนพากลับมาด้วย

อาชิงกำลังอุ้มเมี๊ยวเมี๊ยวเดินนำลูกไก่และลูกสุนัขของตัวเองอยู่ที่นอกรั้ว เจ้าตัวเล็กเห็นจี้จือฮวนแต่ไกลจึงร้องเรียกด้วยความดีใจ ก่อนจะวิ่งดุกดิกไปหานางในทันที โดยมีลูกไก่ตามเป็นพรวน กระพือปีกพลางหกล้มหกลุกไปมา

จี้จือฮวนรับเขาเอาไว้ “ช้าหน่อย วิ่งจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวแล้ว ระวังจะล้มจนฟันหน้าหักไปด้วยหรอก”

อาชิงยิ้มแหย ๆ จากนั้นเมื่อเห็นหน้าเสี่ยวเจียนจึงถามออกมาด้วยความดีใจ “พี่เสี่ยวเจียน ท่านก็มาเป็นแขกบ้านเราด้วยหรือขอรับ?”

เสี่ยวเจียนใบหน้าแดงเรื่อขึ้นมา “ข้ามาช่วยงานน่ะ”

อาชิงรีบกระโดดลงมาจากอ้อมแขนของจี้จือฮวนทันที จากนั้นก็ชี้ไปที่คอกสุนัขที่ใต้ต้นไม้พร้อมกับเอ่ยขึ้นมา “พี่เสี่ยวเจียนท่านดูสิขอรับ ฮวาฮวาที่บ้านท่านกับพวกลูก ๆ อยู่ที่บ้านของเราขอรับ ท่านแม่ยังให้ฮวาฮวากินกระดูกหมูด้วย”

เสี่ยวเจียนหันไปมอง นั่นมันฮวาฮวาและลูกของมันมิใช่หรือ ที่แท้ก็ขายให้ครอบครัวเผยนี่เอง เสี่ยวเจียนเมื่อรู้แบบนี้ก็วางใจแล้ว

และเมื่อเห็นว่าคนงานในบ้านกำลังยุ่งกันอยู่ พี่สาวจี้ที่เป็นสตรีกลับเอ่ยทักทายและพูดคุยธุระกับคนงานอย่างสบาย ๆ เสี่ยวเจียนจึงรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก

หญิงสาวผู้นี้เหตุใดถึงได้ไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

“พี่เสี่ยวเจียน รีบเข้ามาดื่มชาก่อนเถอะเจ้าค่ะ” อาอินที่ได้ยินเสียงก็ออกมาดู ก่อนจะรีบหยิบม้านั่งและยกชามใส่น้ำชาออกมาให้

ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เสี่ยวเจียนและท่านป้าหยางเป็นเพียงหนึ่งในคนไม่กี่คนในหมู่บ้านที่ดีต่อเด็กทั้งสามคน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่อาอินที่มีนิสัยใครดีมาดีตอบ ใครร้ายมาร้ายตอบ จะกระตือรือล้นดูแลเสี่ยวเจียนเป็นพิเศษ

เสี่ยวเจียนนั่งลงด้วยความเขินอายเล็กน้อย หลังจากดื่มชาไปหนึ่งอึก จึงเอ่ยขึ้นมา “เหตุใดถึงอร่อยเช่นนี้ เม็ด ๆ ในนี้คืออะไรหรือ?”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ ท่านแม่เป็นคนทำ ถ้าอร่อยอย่างนั้นข้าจะรินให้อีกนะเจ้าคะ” รอยยิ้มบนใบหน้าของอาอินก็มีมากขึ้น นางสวมเสื้อผ้าสีชมพูที่ดูเรียบร้อยและสวยงาม ขับให้ใบหน้าเล็กที่จากเดิมก็น่ารักอยู่แล้วดูงดงามมากขึ้นไปอีก

เสี่ยวเจียนรู้สึกอิจฉายิ่งนัก นางเองก็อยากจะสร้างบ้านใหม่ ถึงเวลาพี่ชายก็จะได้ไม่ต้องลำบากเช่นนั้นอีก ตัวนางเองก็จะได้สวมเสื้อผ้าสวย ๆ สะอาดสะอ้านกับเขาบ้าง

อาชิงเดินไปหยิบลูกอมบนโต๊ะที่จี้จือฮวนซื้อมาจากตำบลมายัดใส่มือของเสี่ยวเจียน “พี่เสี่ยวเจียนกินลูกอมสิขอรับ หวานมากเลยนะขอรับ”

เสี่ยวเจียนไหนเลยจะกล้ารับไว้ นางมาช่วยทำงานไม่ได้มากินของของคนอื่น หากพี่สาวจี้ไม่ชอบใจที่นางเป็นคนเห็นแก่กินขึ้นมาจะทำอย่างไร?

“ไม่ได้ ๆ พวกเจ้ากินกันเถอะ”

“พวกเรากินกันแล้วขอรับ ท่านแม่บอกว่าข้ากับพี่หญิง สามวันถึงจะกินลูกอมได้หนึ่งเม็ด ไม่อย่างนั้นฟันจะผุและจะเจ็บมากขอรับ พี่ใหญ่ก็ไม่ชอบกินด้วย” อาชิงเอ่ยจบ ก็หยิบผลไม้ให้นางอีก จนอ้อมแขนของเสี่ยวเจียนไม่สามารถรับได้ไหวแล้ว พวกเขาจึงได้หยุด

เผยจี้ฉือก็ออกมาทักทายเช่นกัน เสี่ยวเจียนจึงถามด้วยความประหลาดใจ “อาฉือ ขาเจ้าหายแล้วหรือ?”

เผยจี้ฉือเมื่อเห็นว่าเป็นนาง สายตาก็อ่อนโยนลง “อืม ไม่เป็นอะไรแล้ว”

“จริงหรือ ดีจังเลย”

“ท่านแม่เป็นคนรักษาให้พี่ใหญ่เองขอรับ ท่านแม่เก่งมากเลย” อาชิงในฐานะลูกสมุนของจี้จือฮวน เมื่อมีโอกาสก็ต้องเอ่ยชื่นชมแม่เลี้ยงทุกครั้งไป

เสี่ยวเจียนตาโตขึ้นมาทันที “พี่สาวจี้รักษาคนเป็นด้วยหรือ?”

เมื่อก่อนเหตุใดนางถึงไม่เคยได้ยินเลยเล่า

ท่านป้าหยางและจี้จือฮวนออกมาจากในห้อง พร้อมกับหยิบผ้าที่ซื้อมาจากในตำบลก่อนหน้านี้ออกมาด้วย เสี่ยวเจียนรีบวางของในมือลงและเข้าไปช่วย

ความคิดของจี้จือฮวนก็คือพวกเด็ก ๆ มีเสื้อนอกใส่แล้ว แต่ยังไม่มีชุดนอนใส่ พวกเขาต่างก็เสียดายชุดใหม่ เวลานั่งก็กลัวจะยับ นางจึงอยากจะทำอีกสองสามชุดให้พวกเขาเอาไว้เปลี่ยนซัก

แต่งานแบบนี้นางไม่ถนัด ด้ายที่เย็บออกมาจึงเหมือนตะขาบกำลังคลานไม่มีผิด

ท่านป้าหยางและเสี่ยวเจียนไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เริ่มงานทันที เผยจี้ฉือดูอยู่สักพัก ก่อนจะหันไปมองแผ่นหลังของจี้จือฮวน จากนั้นก็เดินเข้าไปค้นหากล่องในห้องเงียบ ๆ และนำผ้าที่อยู่ก้นกล่องของเผยยวนออกมา

“ท่านย่าหยาง ผ้าผืนนี้ท่านช่วยเย็บกระโปรงให้…ให้แม่เลี้ยงของข้าทีนะขอรับ” เผยจี้ฉือเอ่ยจบ ใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมา

นางคอยซื้อนู่นซื้อนี่ให้พวกเขาอยู่ตลอด แต่เสื้อผ้าของตัวเองนางยังไม่เคยซื้อใหม่เลย ใส่แต่เสื้อผ้าที่เป็นสินเดิมเพียงไม่กี่ชุด แต่เนื่องจากนางขึ้นเขาบ่อยจึงทำให้เสื้อผ้าขาดไปหมด

“ได้ ๆ ๆ เจ้าไม่พูดข้าก็กำลังคิดอยู่ ตอนนี้ครอบครัวของพวกเจ้าชีวิตกำลังรุ่งเรือง ทั้งยังทำบ้านใหม่ได้แล้ว ย่าดีใจด้วยนะ” ท่านป้าหยางยิ้มจนตาหยี

จี้จือฮวนหยิบยาทาออกมาจากกล่องยาน้อย ๆ เดิมคิดจะเอายาไปใส่ให้เสี่ยวเจียน ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงเกือกม้าดังมาแต่ไกล

คนในลานบ้านต่างก็หยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำ และมองลงไปที่ด้านล่างของเนินเขา

ดูเหมือนว่าจะมีรถม้าเข้ามาในหมู่บ้าน ทุกคนต่างก็ตื่นตกใจ จากนั้นก็มีคนมาทางนี้

จี้จือฮวนส่งยาให้อาอินที่อยู่ข้าง ๆ “เอาไปให้พี่เสี่ยวเจียนของเจ้า ให้นางทายาด้วย”

อาอินพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้อง

คนในบ้านเมื่อได้ยินเสียงต่างก็ออกมาดู คนที่มามีจำนวนมาก เฉินไคชุนรีบร้อนขึ้นมาบนเนินเขา ก่อนจะชี้ไปที่จี้จือฮวน “หมู่บ้านของเรามีแค่จี้จือฮวนเดียว ที่ท่านพูดถึงก็คือนาง”

จี้จือฮวนปรายตามองคนที่มาด้วยสายตาเย็นชา เป็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง นางหาได้รู้จักไม่

บุรุษหนุ่มผู้นั้นคำนับจี้จือฮวนอย่างนอบน้อม “คารวะแม่นางจี้ ข้าเป็นเถ้าแก่ของโรงยาฮุ่ยหมินมีนามว่า หวังหงอี้”

ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รู้จักโรงยาฮุ่ยหมินดี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นหน้าเถ้าแก่ของโรงยาแห่งนี้ ดังนั้นจึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นในทันที

เหตุใดคนจากโรงยาถึงมาหาจี้จือฮวนกัน?

หรือว่านางไปก่อเรื่องอะไรไว้?

เฉินไคชุนเองก็คิดเช่นนั้น จึงรีบเอ่ยออกมา “เถ้าแก่หวัง สตรีผู้นี้ไม่ใช่คนในหมู่บ้านของเรา นางมาจากที่อื่น หากท่านมาหาเรื่องนางก็อย่าลากหมู่บ้านของพวกเราไปเกี่ยวข้องด้วยนะขอรับ ขอท่านจัดการแค่นางก็พอนะขอรับ”

หวังหงอี้ขมวดคิ้วและเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ามีเรื่องจะมาขอร้องแม่นางจี้ หัวหน้าหมู่บ้านเฉินท่านนี้ ในเมื่อไม่มีธุระอะไรแล้วก็ขอบคุณมากที่ช่วยนำทางให้”