รถม้าแล่นผ่านย่านที่มีพลุกพล่านและหยุดที่วัดลั่วหยินบนถนนถงลั่ว ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวง

“คุณหนู เรามาถึงแล้วเจ้าค่ะ”

ซูมู่เกอลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว และเดินเข้าไปในวิหาร

วัดลั่วหยินที่อยู่นอกเมืองไม่ใหญ่นัก แต่ก็มีผู้มาเยี่ยมเยียนบ่อยครั้ง ทุกวันที่สิบของเดือนก่อนถึงวันจันทรคติจะมีผู้คนจํานวนมากมาถวายเครื่องหอม

ทันทีที่ซูมู่เกอเดินเข้ามา นางก็ได้อบอวลไปด้วยกลิ่นธูปที่ถูกเผาไหม้

วันนี้มันเป็นวันที่สิบห้า จึงมีผู้แสวงบุญจํานวนมากในวัด

ซูมู่เกอเข้าไปในห้องโถงของวิหารและมองไปรอบ ๆ แต่นางไม่พบร่องรอยของนางจ้าวที่ควรต้องอยู่ด้านในนี้

เมื่อเห็นพระอายุหกหรือเจ็ดขวบกําลังทําความสะอาดศาลาวัด ซูมู่เกอจึงก้าวเข้าไปหา

“ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ ข้าสงสัยว่านายหญิงขอคฤหาสน์ตระกูลซูอยู่ที่นี่หรือไม่เจ้าค่ะ?” นางถามออกไป ผู้มาเยี่ยมชมวัดทั้งหมดจะได้รับการลงทะเบียนไว้

“อามิตตาพุทธ ผู้มีพระคุณ นายหญิงทั้งสองกําลังพักผ่อนในบ้านพักด้านหลัง

ซูมู่เกอเลิกคิ้ว “ทั้งสอง?”

“ถูกแล้ว ถ้าแม่นางซูคือคนที่ท่านกําลังมองหา?”

“ทั้งสองคนมาจากคฤหาสน์ตระกูลเดียวกันหรือไม่?” มีอยู่ไม่กี่ครอบครัวที่ใช้นามสกุลในเมืองหลวง

“นายหญิงทั้งสองคนมาตัวยรถม้าคันเดียวกัน อามิตตาพุทธ” พระผู้น้อยตอบ

ซูมู่เกอขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้ได้ในทันทีว่านางอันมากับนางจ้าว

“ท่านอาจารย์ โปรดบอกข้าด้วยเถิตเจ้าค่ะว่านายหญิงซูทั้งสองอยู่ที่ใด”

“ห้องแรกและห้องสุดท้ายในห้องพักด้านหลัง”

“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”

ซูมู่เกอหมุนตัวกลับและมุ่งหน้าไปที่ห้องพักด้านหลังวัด

มีห้องหลายสิบห้องในสวนหลังวัดลั่วหยิน ซึ่งถูกจัดไว้สําหรับผู้มาปฏิบัติธรรมที่มีอํานาจเพื่อพักผ่อน

เมื่อเข้าไปในสวนด้านหลัง ซูมู่เกอพบว่านิ่งหยูออกมาจากห้องๆหนึ่ง ปิดประตูและมองไปรอบๆอย่างลับๆล่อๆ ก่อนจะรีบออกไป

หลังจากมั่นใจว่านางไปพ้นแล้ว ซูมู่เกอก็เดินน้ำเยว่ไปที่ประตูซึ่งถูกผลักให้เปิดออกอย่างง่ายดาย

ด้วยการตกแต่งแบบเรียบง่ายในห้อง พวกนางสามารถมองเห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงได้ทันที

ทันที่ที่ซูมู่เกอเดินเข้าไปในห้อง นางก็ต้องกลั้นหายใจและผลักเยว่รู่ออกไป “มีคนใส่ยาที่ทําให้หมดสติในรูป”

เยว่รู่ตกใจและอยู่ข้างนอกอย่างเชื่อฟัง

ซูมู่เกอเปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็วเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามา พวกนางรอจนกระทั่งควันธูปที่เหลืออยู่ในห้องปลิวหายไป จากนั้นเยวรูที่เข้ามาในห้องและต้องตะลึงเมื่อเห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่ตัวยาว

“คุณหนู นั้นนายหญิงนิเจ้าค่ะ”

มันคือนางจ้าวที่กําลังนอนหมดสติอยู่บนเตียงยาว

เมื่อนึกถึงเครื่องหอมที่ทําให้มึนงงและฉิงหยูที่ทําตัวลับๆล่อๆ ซูมู่เกอแน่ใจว่านางจ้าวถูกฉิงหยูวางยาให้หมดสติ

“คุณหนูเจ้าคะ นายหญิงหลับหรือไม่?”

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้ามาทางห้องนี้ก็ดังขึ้นที่หน้าประตู ซูมู่เกอและเยว่รู่มองหน้ากัน

“ หลบ!”

ก่อนที่เยว่รู้จะตอบสนอง ซูมู่เกองนางไปที่ด้านหลังตู้เสื้อผ้าในห้องและซ่อนตัว

ในขณะนั้น ประตูห้องถูกผลักให้เปิดออก

เมื่อมองผ่านรอยแยกของตู้เสื้อผ้า พวกนางก็ได้เห็นชายคนหนึ่งในชุดทหารรักษาการณ์ของคฤหาสน์ตระกูลเดินเข้ามา

เขามองไปที่นางจ้าวที่นอนอยู่บนเตียงยาวพร้อมกับรอยยิ้มเยาะ ถูมือของเขาและกําลังจะลงมือ

เมื่อเห็นแบบนั้น ซูมู่เกอก็ก้าวเข้าไปหาทันที

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของนาง ทําให้เขาตกใจ ก่อนที่เขาจะได้ตอบสนอง ซูมู่เกอกฟาดเข็มฝังลงที่คอด้านหลังของเขาอย่างรุนแรง

“โอ้ย!”

ด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ชายคนนั้นก็ล้มลงกับพื้น

“คุณหนูเจ้าค่ะ เกิดอะไรขึ้น?” เยว่รู่มองไปที่ชายคนนั้นด้วยใบหน้าซีดเผือด

ซูมู่เกอมองชายคนนั้นอย่างเย็นชา

“ข้ากลัวว่าจะมีคนวางแผนให้ท่านแม่ของข้า สร้างความเสื่อมเสีย! เยว่รู่มานี่”

เยว่รู่โน้มตัวเข้าไปหานางและซูมู่เกอก็กระซิบที่หูของนาง

ในขณะที่ฟัง ดวงตาของเยารู่ก็เบิกกว้างขึ้นและความโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

“คุณหนูเจ้าค่ะ ไม่ต้องกังวล ข้ารู้ว่าจะทําอย่างไร”

ในห้องแรกในสวนหลังวัตลั่วหยิน นางอันนั่งบนฟูกอย่างผู้เคร่งศาสนา สวมชุดสีฟ้าอ่อน นางไม่ได้สวมเครื่องประดับสีทองใดๆ และผมสีดํายาวของนางถูกมัดรวบสูงไว้ด้วยปิ่นปักผมหยก สีขาวราวน้ำนม ปิ่นปักนี้ดูเรียบง่ายในการออกแบบ แต่สร้างความสง่างามให้นางอันราวกับสตรีผู้สูงศักดิ์

“อามิตตาพุทธ วันนี้พอแค่นี้นะโยม”

ปรมาจารย์หวู่เฉินลุกขึ้นจากฟูกพร้อมกับประกบฝ่ามือของเขาเข้าด้วยกัน และนางอันซึ่งอยู่ทางขวาของเขาก็ลุกขึ้นยืนตามเขา

“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์

ในห้องนั้นนอกจากนางอันแล้ว ยังมีนายหญิงอีกสี่คนที่มาฟังเทศน์เรื่องพระโพธิสัตว์ของปรมาจารย์หรูเฉินด้วย

“ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ในคฤหาสน์ของท่านจมน้ำตายในเมืองชุนหยาง ผู้คนคิดว่านางตายไปแล้วและตั้งศพที่ห้องโถงไว้ทุกข์ แต่นางกลับมีชีวิตขึ้นมา นายหญิงซู เรื่องจริง หรือ?” หญิงสาววัย 25 และ 26 ปีในชุดสีกรมท่าถามด้วยรอยยิ้ม นางคือฟาง (นามสกุลเดิม) ลูกสะใภ้ของท่านเสนาบดีว่าการกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากใต้เท้าติงเสนาบดีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีความขัดแย้งกับซูหลุน นางจึงอยากหัวเราะนางอันที่ตั้งศพไว้ที่ห้องโถงไว้ทุกข์โดยไม่ทราบสภาพของคุณหนู ซึ่งอาจบ่งบอกว่านางอันต้องการให้คุณหนูสาวเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร

มันเป็นที่ทราบกันดีในบรรดาตระกูลขุนนางที่มีอํานาจในเมืองหลวงว่านางอันแต่งงานกับซูหลุนเป็นภรรยาคนที่สองของเขา มันฟังดูดีที่ได้เป็นภรรยา แต่จริงๆ แล้วนางก็เป็นนางบําเรอที่มีเกียรติดีๆนี่เอง ดังนั้น นางอันจึงถูกดูถูกจากนายหญิงขั้นสูงเหล่านั้นมาโดยตลอด

คําพูดของนางฟางเปรียบเสมือนมีดปลายแหลมแทงเข้าไปในหัวใจของนางอัน

ใบหน้าที่บอบบางของนางยังคงยิ้มอย่างสง่างาม แต่มือในแขนเสื้อของนางกําแน่นอย่างไม่รู้ตัว!

“มันเป็นความประมาทของข้าในเวลานั้น”

“อา…”

ก่อนที่นางอันจะพูดจบ นางก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกรีดร้องที่น่ากลัว ซึ่งตั้งมาจากทิศทางของห้องนางจ้าว

หมาม่าก้าวเข้าไปพร้อมกับกระพริบตาและพูดว่า “นายหญิงเจ้าคะ เสียงกรีดร้องดูเหมือนจะมาจากห้องนายหญิงใหญ่เจ้าคะ มันอาจมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นหรือไม่?”

นางอันแสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลบนใบหน้าที่สง่างามของนาง “รีบไปเร็วเข้า ดูว่าเกิดอะไรขึ้น?”

ผู้หญิงในห้องมองหน้ากันแล้วตามกันไป

ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงที่ประตูห้องนางจ้าว พวกเขาได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยราคะบางอย่างจากในห้อง

“นี่คือห้องพี่สาวจ้าว อย่างไรพี่สาว อย่างไรนางถึงทําเยี่ยงนี้”

นางอันยืนอยู่นอกประตูด้วยสีหน้าตะลึง เสียงในห้องดังพอที่ทุกคนที่อยู่ข้างนอกจะได้ยินอย่างชัดเจน ผู้มาปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ที่มาวัดเป็นหญิงสาวที่แต่งงานแล้วและมีชีวิตทางเพศ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน!

“ช่างน่าอับอายยิ่งนัก!” นายหญิงที่อยู่ด้านหลังนางอันโกรธมากจนใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดง การที่ผู้หญิงทําเรื่องแบบนี้ในวัดเป็นเรื่องที่ไร้ยางอายมาก

สวนหลังวัดเดิมเงียบสงบและเงียบสงัด เสียงดังกล่าวจึงดึงดูดความสนใจมาก

“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ นายหญิง ข้าไม่เชื่อว่านายหญิงใหญ่จะทําเช่นนั้น นางต้องถูกใส่ร้าย!”

มันคล้ายกับว่าหมาม่าต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางจ้าว แต่ประตูที่เปิดกว้างทําให้ทุกคนที่อยู่ข้างนอกเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน

มันเห็นได้ชัดว่าคนเปลือยเปล่าสองคนกําลังหมกมุ่นอยู่กับความสัมพันธ์อันเร่าร้อนของพวกเขาจนไม่เต็มใจที่จะแยกจากกันแม้ว่าหลี่มาม่าจะพุ่งเข้าไป

“ใคร ใครกล้าทําให้พี่สาวจ้าวเป็นมลทินเช่นนี้”

นางอันยังคว้าโอกาสและหลุดพูดชื่อนางจ้าวออกมาซ้ำๆ

“ข้ากลัวว่ามันจะเป็นหญิงบ้านนอกที่ไร้รสนิยมที่ไม่สามารถต้านทานการล่อลวงและทําสิ่งที่น่าอับอายต่อหน้าพระพุทธองค์!”

“นางน่าจะถูกขังอยู่ในกรงหมูแล้วโยนลงแม่น้ำ!”

ใครก็ตามที่สามารถพักผ่อนในสวนหลังวัดได้จะต้องเป็นมาดามผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวง พวกเขาจะทนต่อสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร?

“พี่สาว ท่านทําเช่นนี้กับใต้เท้าได้อย่างไร”

ได้ยินเสียงอันแหลมคมของนางอันจากด้านใน ทุกคนมั่นใจว่าคนในห้องคือนางจ้าว!

นายหญิงที่ยืนอยู่ด้านนอกทําหน้าตาเหยียดหยาม

“ช่างเป็นผู้หญิงบ้านนอกที่สกปรก!”

“อย่างแน่แท้ย”

เมื่อได้เห็นสิ่งนี้ ซูมู่เกอค่อยๆ เดินเข้าไปในฝูงชน พยุงนางจ้าวไว้ด้วยแขนของนาง คนที่เพิ่งตื่นและยังคงงุนงงเล็กน้อย

“เกิดอะไรขึ้น? ทําไมคนจํานวนมากมารวมตัวกันที่นี่ ?” ซูมู่เกอก้าวไปข้างหน้าและถามด้วยท่าทางสับสน

“นางจ้าว นายหญิงใหญ่แห่งคฤหาสน์ตระกูลซู ถูกพบว่ามีความสัมพันธ์ชู้สาวอยู่ในวัด!” นายหญิงคนหนึ่งอธิบาย

เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางจ้าวซึ่งถูกพยุงตัวไว้โดยซูมู่เกอก็หน้าปิดทันที

ซูมู่เกอทําหน้าตาเฉยเมยและจ้องมองไปที่นายหญิงคนนั้น “นายหญิง ท่านกําลังพูดอะไร? ท่านแม่ของข้าอยู่กับข้านี่ ท่านควรพูดให้มันชัดเจนดีกว่า “มีชู้” !?”

ด้วยการจ้องนิ่งและเสียงตะโกนของซูมู่เกอ นายหญิงคนนั้นประหลาดใจและจ้องมองไปที่นางจ้าวที่ถูกจับโดยซูมู่เกอ ซูมู่เกอมีชื่อเสียงในเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้และมันไม่ใช่ความลับที่แม่ของนางคือนางจ้าว

“คุณหนูใหญ่ ทําไมท่านถึงมาที่นี่?” สาวใช้ของนางอันตกใจเมื่อได้ยินเสียงของซูมู่เกอและหันกลับมามองนาง

“หงส์หยู เกิดอะไรขึ้น? ท่านแม่อยู่กับข้าตลอดเวลา เจ้าจะตีตรานางด้วยการกล่าวโทษว่ามีชู้ได้อย่างไร? !” เสียงของซูมู่เกอดังมากพอที่จะทําให้ทุกคนที่ยืนอยู่ได้ยินชัดเจน

นางฟางเคยเห็นนางจ้าวตอนที่นางมาถวายเครื่องหอมก่อนหน้านี้ และในพริบตา นางก็จําได้ว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ซูมู่เกอคือนางจ้าว นางกลอกตาและหัวเราะเบาๆ “อู๊บบ มันเป็นความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ นายหญิงซูเพิ่งเอะใจว่านายหญิงใหญ่แห่งคฤหาสน์ชูกําลังเล่นชู้ในวัด มันกลายเป็นว่าเป็นความเข้าใจผิด คนข้างในไม่ใช่นายหญิงใหญ่ซูแต่อย่างใด ตัวจริงยืนอยู่ตรงนี้”

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว หงส์หยูจึงรีบเข้าไปในห้องเพื่อแจ้งให้นางอันรู้

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ นางอันก็มองไปที่คนทั้งสองบนเตียงด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น นางก็รู้สึกประหลาดใจมากจนพูดไม่ออกแม้แต่คําเดียว

“นายหญิง นั่น นั่นคือฉิงหยู” หมาม่าก็กลับมารู้สึกตัว

นางอันตระหนักได้ในทันที นางหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็หมุนตัวกลับและเดินออกมาด้วยตวงตาแดง

“พี่สาว มันรู้สึกดีมากที่ได้พบท่านยังเหมือนเดิม ตอนนี้ข้ากลัวมาก ข้าคิดว่ามันเป็นห้องของท่าน ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าสาวใช้ของท่านจะทําเยี่ยงนี้…”

นางจ้าวยิ่งสับสนกับคําพูดของนางอัน จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

คําพูดของนางอันแม้ดูเรียบๆ! นางหมายความว่าคนที่มีความสัมพันธ์แม้ว่าจะไม่ใช่นางจ้าว แต่มันเป็นสาวใช้ของนางที่ติดตามนางไปทั่ว!

อย่างไรซะซูมู่เกอจะปล่อยมันไปได้อย่างไร? “นายหญิง ท่านหมายความว่าอย่างไร? ถ้ามันไม่ใช่เพราะท่านยกย่องฉิงหยูในฐานะสาวใช้ที่มีสติและเชื่อฟัง ข้าก็คงไม่มีทางเลือกนางมารับใช้ท่านแม่ของข้า แต่ตอนนี้ นางได้สร้างเรื่องดังกล่าว จะเป็นความผิดของท่านแม่ได้อย่างไรกัน!?”

แค่เพียงนางอันจะสังเกตเห็นว่านั่นคือซูมู่เกอคนที่ยืนอยู่ข้างๆนางจ้าว อีกครั้ง นางกํามือแน่นในแขนเสื้อโดยไม่รู้ตัว

อีบ้านี่ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?

“อา…อา!”