บทที่ 33 ช่องทางหาเงิน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 33 ช่องทางหาเงิน

บทที่ 33 ช่องทางหาเงิน

บ้านท่านป้าจางเองก็มีฐานะลำบากลำเค็ญ บางครั้งมักนำสิ่งของมาช่วยเหลือพวกเขาสี่คนพี่น้องอยู่บ่อยครั้ง หากไม่ใช่เพราะความจริงใจ กู้เสี่ยวหวานเองก็คิดไม่ออกเลยว่าครอบครัวแตกสลายของพวกนางจะยังมีสิ่งใดที่ผู้อื่นต้องการอีก

กู้เสี่ยวหวานถือคติบุญคุณต้องทดแทน แม้บุญคุณจะเท่าน้ำหยดเดียว แต่นางจะตอบแทบดุจสายธาร

นางยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับวันเวลาในยุคราชวงศ์นี้นัก รอจนตนเองทำความรู้จักคุ้นชินได้เสียก่อน ระหว่างนั้นก็จะคอยมองหาว่ามีวิธีใดที่จะช่วยเหลือครอบครัวท่านป้าจางได้มากกว่านี้

“พวกเราอยากขึ้นเขาไปเก็บฟืน!” กู้เสี่ยวหวานตอบคำถาม ไม่บอกกล่าวอะไรมากกว่านี้

ในบางเรื่องไม่ใช่ว่ากู้เสี่ยวหวานกลัวที่จะบอกท่านป้าจาง แต่กลัวว่าทักษะเล็กน้อยนี้จะถูกผู้อื่นแย่งชิงไปในตอนที่นางไม่มีความสามารถในการเลี้ยงครอบครัว ตอนนี้นางมีไม่ความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยทั้งนั้น

บางเรื่องหากปิดบังได้ก็ควรปิดเสีย แล้วค่อยบอกท่านป้าจางทีหลังก็ยังไม่สาย กู้เสี่ยวหวานคิดในใจ

“ใช่แล้ว ช่วงนี้อากาศหนาวเย็น ต้องเตรียมฟืนให้เพียงพอสำหรับฤดูหนาว!” ท่านป้าจางมองสองพี่น้องอย่างเห็นด้วย “พวกเจ้าโตกันหมดแล้ว รู้วิธีว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร หากพ่อแม่พวกเจ้ารู้จะต้องภูมิใจอย่างแน่นอน”

เมื่อเอ่ยถึงบิดาและมารดาของเขา กู้หนิงอันก็สูดหายใจลึก ดวงตาเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา แม้กู้เสี่ยวหวานจะไม่มีความรู้สึกใดลึกซึ้งต่อผู้เป็นบิดาและมารดา แต่กู้หนิงอันอายุเพียงหกขวบที่เติบโตขึ้นโดยไม่มีพ่อและแม่ ในใจต้องรู้สึกโศกเศร้าแน่นอน

กู้เสี่ยวหวานเข้าใจอย่างลึกซึ้ง นางกุมมือกู้หนิงอันแน่น ปลอบประโลมกู้หนิงอันด้วยแววตา

กู้หนิงอันสูดจมูกอีกครั้ง เช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ หลังจากนั้นเอ่ยกับท่านป้าจางด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าจะดูแลพี่สาวและน้อง ๆ เป็นอย่างดีขอรับ”

เขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลกู้ เป็นลูกชายของครอบครัว เขาต้องดูแลน้องชายและน้องสาวของเขาอย่างดี รวมถึงพี่สาวด้วยเช่นกัน!

กู้เสี่ยวหวานมองกู้หนิงอันอย่างชื่นชม ส่วนท่านป้าจางก็เอ่ยปลอบโยนเด็กน้อย “อันอันเด็กดี! เจ้าเป็นลูกชายของครอบครัว ควรจะเป็นผู้นำ!”

จากนั้นเหลือบมองเด็กสองคนด้วยความพอใจ “เช่นนั้นข้ากลับก่อนก็แล้วกัน พวกเจ้ารีบเก็บฟืนแล้วรีบกลับล่ะ จำเอาไว้ว่าอย่าเข้าไปลึก”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงเอ่ยแนะนำมามากมาย “ได้ยินมาว่าเสี่ยวอู่หมู่บ้านข้าง ๆ ไม่ฟังคำเกลี่ยกล่อมของทุกคน เข้าไปในภูเขาลึกเพียงลำพัง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา เกรงว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น”

เปลือกตากู้เสี่ยวหวานกระตุก พึมพำอยู่ในใจ ทำไมทุกคนถึงหลีกเลี่ยงเข้าไปในภูเขาลึกมากขนาดนี้ หรือว่าในภูเขาลึกจะมีสัตว์ร้ายอยู่จริง ๆ

“ท่านป้าจาง เสี่ยวอู่คนนั้นขึ้นเขาไปทำไมเจ้าคะ?” กู้เสี่ยวหวานถาม ครั้งที่แล้วที่เข้าไปในภูเขา กู้เสี่ยวหวานควรอยู่ในภูเขาด้านนอกเท่านั้น ไม่รู้ว่าหากเข้าไปจะเจอสิ่งใด

“เฮ้อ! ไม่ใช่ว่าเพราะโรงหมอหุยซุนรับซื้อโสมและเห็ดหลินจือในราคาสูงหรอกหรือ เจ้าเสี่ยวอู่คนนั้นน่ะ ครั้นเห็นราคาสูงเช่นนี้ก็ตื่นเต้นมากจนต้องขึ้นไปบนภูเขาเพื่อค้นหามัน เฮ้อ ก็ไม่รู้ว่าในภูเขาลึกมีของพวกนี้หรือเปล่า ครั้งนี้พบเจอความทุกข์ทรมาน ไม่มีแม้แต่โสม คนก็ยังมาหายไป ช่างน่าเสียดาย!” ท่านป้าจางเอ่ยอย่างเสียใจ

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของนางก็เป็นประกาย มีโสมและเห็ดหลินจืออยู่ในภูเขาลึกหรอกหรือ แถมโรงหมอหุยซุนยังให้ราคาสูงด้วย

หัวใจกู้เสี่ยวหวานเต้นระรัว นี่เป็นข่าวดีที่น่าตื่นเต้น ถ้าเก็บโสมและเห็ดหลินจือไปขายที่โรงหมอหุยซุนในเมืองได้ นางจะได้เงินกลับมาอย่างแน่นอน

หากไม่รีบไปหาของมีค่ามาแลกกับอาหารก็ไม่ต้องพูดถึงการหาเงิน ไม่อดตายนับว่าเป็นโชคดีแล้ว ไม่ได้กินข้าวหรือบะหมี่ทุกวันก็ไม่เป็นไร แต่หลังจากนี้ถ้าคนในบ้านเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา คงจำเป็นต้องเชิญหมอ!

เมื่อบอกลาท่านป้าจางแล้ว หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็จดจำเรื่องที่ท่านป้าจางบอกว่าไม่รู้ว่าบนภูเขาลึกมีโสมหรือเห็ดหลินจือหรือไม่ จึงตัดสินใจจะไปดูให้เห็นกับตา ถ้าหากว่ามีจริงจะนำมันไปขายที่โรงหมอหุยซุน คงจะได้รับรายได้มหาศาล

กู้เสี่ยวหวานไม่มีกะจิตกะใจจะเก็บฟืนอีกต่อไป แบกตะกร้าที่อัดแน่นไปด้วยฟืนมุ่งกลับบ้าน นางวางแผนถือโอกาสในวันที่อากาศดีเข้าไปในภูเขาแต่เช้าเพื่อดูว่าสามารถเก็บสิ่งใดได้บ้าง

ทั้งสองแบกตะกร้ากลับมาถึงบ้าน กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้วางแผนทำความสะอาดภายในลานบ้าน

กู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงอันวางตะกร้าลง ส่วนกู้หนิงผิงยกมันไปวางที่มุมหนึ่งอย่างสนุกสนาน กองฟืนถูกก่อขึ้นอย่างเรียบง่ายใต้ชายคา ตรงมุมกำแพงวางฟืนไม้ที่พี่น้องมักหยิบใช้บ่อยครั้ง

ขาสั้นป้อมน่ารักของกู้เสี่ยวอี้พาร่างกายวิ่งใส่อ้อมกอดของกู้เสี่ยวหวาน ส่งเสียงออดอ้อนน่ารัก “พี่สาว…”

กู้เสี่ยวหวานย่อตัวลงอย่างดีใจ รวบน้องสาวไว้ในอ้อมแขน หอมฟัดใบหน้าอ้วนกลมของน้องสาวอย่างมีความสุข

ชาติที่แล้วกู้เสี่ยวหวานเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ไม่เคยมีน้องชายและน้องสาว ชาตินี้กู้เสี่ยวหวานจึงพบว่าการมีพี่น้องนับเป็นข้อดี

แม้ท่านพ่อและท่านแม่จะจากไปแล้ว แต่ข้างกายของนางยังมีพี่น้องสายเลือดเดียวกัน จึงไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยว

ณ ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานมีความรู้สึกเช่นนี้ ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดก็ยังมีน้องชายกับน้องสาว ถือว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว

“เสี่ยวอี้ หิวหรือยัง?” กู้เสี่ยวหวานลูบผมของกู้เสี่ยวอี้แผ่วเบา เอ่ยถามน้ำเสียงอ่อนโยน

เส้นผมของกู้เสี่ยวอี้นั้นหนานุ่ม แต่เป็นไปได้ว่าเพราะไม่ได้สระผมมาเป็นเวลานาน เส้นผมจึงจับตัวเป็นก้อน

กู้เสี่ยวหวานดึงมือกลับมาลูบผมตัวเอง พบว่าผมของตนเองก็ไม่ได้ต่างจากผู้เป็นน้องสาวสักเท่าไร คิดภายในใจว่าต้องรีบเข้าไปในภูเขา ตามหาโสมและเห็ดหลินจือนำเข้าไปในเมืองเพื่อขายแลกเงิน

ครั้นเมื่อมีเงินก็ค่อยซื้อเสบียง หากมีเงินเหลือเป็นจำนวนมาก นำมาซื้อผ้าสองสามผืนตัดเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ทุกคน ประจวบเหมาะกับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าได้มาถึง บรรยากาศแห่งเทศกาลปีใหม่ก็เริ่มขึ้นนับตั้งแต่ตอนนี้ นางจะทำความสะอาดร่างกายเด็กน้อย ทำความสะอาดน้องชายและน้องสาวอีกสามคน ขอให้เป็นปีที่ดี!

ความคิดของกู้เสี่ยวหวานช่างยาวไกล นางต้องการพาคนทั้งครอบครัวเดินไปในทิศทางที่ดีขึ้น

“อืม หิวแล้ว” กู้เสี่ยวอี้ตอบเบา ๆ

“ท่านป้าจางนำแป้งบะหมี่มาให้พวกเรา พี่จะไปต้มบะหมี่เกอต่าให้พวกเจ้ากินดีหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานมองแป้งบะหมี่หลายชั่ง จึงตั้งใจจะทำบะหมี่เกอต่าใส่หัวไชเท้า

“บะหมี่เกอต่า!” กู้เสี่ยวอี้ตอบอย่างมีความสุข หลังจากนั่นวิ่งไปหากู้หนิงผิงอย่างเบิกบาน

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ป้าจางชี้ช่องทางรวยให้แล้ว เสี่ยวหวานลุยเลยค่ะ ขอให้หาโสมกับเห็ดหลินจือเจอนะคะ

ไหหม่า(海馬)