บทที่ 34 บะหมี่เกอต่า

บทที่ 34 บะหมี่เกอต่า

กู้เสี่ยวหวานมองน้องสาวตัวเล็กวิ่งดุกดิกไปช่วยพี่ชายทั้งสอง เฝ้ามองน้องชายและน้องสาวที่รักใคร่กลมเกลียวแล้วหัวใจก็พลันรู้สึกเป็นสุข จึงหมุนกายเดินเข้าไปในห้องครัว

กู้หนิงผิงและกู้หนิงอันเทฟืนออกจากตะกร้าทั้งสองใบ หลังจากนั้นจึงจัดเรียงทีละท่อนอย่างเป็นระเบียบบริเวณข้างกำแพง โดยมีกู้เสี่ยวอี้คอยช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง ทั้งสามใช้เวลาเก็บฟืนในเวลาไม่นาน

กู้เสี่ยวหวานหยิบชามใบใหญ่ ตักแป้งขึ้นมา มีแป้งบะหมี่ไม่มาก กู้เสี่ยวหวานจึงเกิดความรู้สึกเสียดายไม่กล้าใช้มากนัก ไม่รู้ว่าคราวนี้จะเจอโสมหรือไม่ ดังนั้นควรใช้แป้งบะหมี่ให้น้อยลงจะดีกว่า

กลับกันภายในบ้านมีหัวไชเท้ามาก เช่นนั้นก็ใส่หัวไชเท้าให้มากขึ้น ครั้นคิดว่าจะขึ้นภูเขา ไม่รู้จะได้กลับมาตอนไหน กังวลว่าเด็กทั้งสองที่อยู่บ้านจะหาของกินไม่ได้ จึงเพิ่มแป้งบะหมี่เล็กน้อย ตัดสินใจทำมากขึ้น หากเด็ก ๆ หิวขึ้นมายังอุ่นกินได้

กู้เสี่ยวหวานลงมือทำในสิ่งที่คิด หยิบก้อนอิฐออกจากเตา ใส่ใบไม้แห้งที่ติดไฟง่ายเข้าไป ตามด้วยฟืนอีกสองท่อน เป่าเพียงไม่กี่ครั้งไฟในเตาก็ติดขึ้นอย่างช้า ๆ รอจนไฟติดเต็มที่ ใส่ฟืนท่อนเล็กเข้าไปอีกเล็กน้อย นางก็ตักน้ำชามใหญ่เทลงไปในหม้อ ก่อนจะปิดฝาลง

ระหว่างรอน้ำเดือด กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ปล่อยให้ตนเองว่าง เด็กหญิงเติมน้ำลงในชามแป้งบะหมี่ คนผสมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน

นางเดินกลับเข้าไปในห้องใหญ่อีกรอบ หยิบหัวไชเท้าสองสามหัว หลังจากล้างจนสะอาดแล้วก็นำมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ บะหมี่เกอต่าสุกง่าย หลังใส่บะหมี่เกอต่าลงไป คนเล็กน้อยไม่นานก็สุกได้ที่ ตอนนี้นางจึงนำหัวไชเท้าที่หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ใส่ลงไปต้มก่อนทิ้งเอาไว้ หลังจากนั้นค่อยใส่บะหมี่เกอต่าตามลงไป

หลังจากที่กู้หนิงอันและน้องๆ อีกสองคนเก็บฟืนเสร็จ พวกเขาจึงเข้าไปในครัวเล็ก ๆ เด็กสี่คนล้อมรอบอยู่ในครัวขนาดเล็ก เปลวไฟกำลังโหมกระหน่ำ เสียงพูดคุยดังขึ้นจอแจ ห้องครัวเล็ก ๆ เต็มไปด้วยเสียงร้องเพลง เสียงหัวเราะ และไอน้ำ ทำให้ผู้คนรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

หลังจากน้ำเดือด กู้เสี่ยวหวานจึงใส่หัวไชเท้าหั่นบางลงไป หลังต้มอยู่สองหรือสามนาที กู้เสี่ยวหวานก็ใช้ตะเกียบดึงบะหมี่เกอต่าใส่ลงในน้ำเดือดทีละน้อย หมี่เกอต่าที่เดิมทีมีลักษณะอ่อนนุ่ม เมื่อโดนน้ำเดือดในหม้อจึงเปลี่ยนเป็นก้อน ทำให้กู้เสี่ยวอี้มองมันอย่างแปลกใจ

ผ่านไปไม่นาน บะหมี่เกอต่าก็เกือบจะสุกแล้ว บ้านหลังนี้ไม่มีน้ำมัน กู้เสี่ยวหวานจึงทำได้เพียงเติมเกลือลงไปเล็กน้อย ชิมรสสักหน่อย ถึงแม้จะขาดน้ำมันและเครื่องปรุงอื่น แต่สำหรับพวกเขาที่หิวโหยมาตลอดทั้งวันแล้วก็เรียกได้ว่าเป็นอาหารอันโอชะ กู้เสี่ยวหวานตักบะหมี่เกอต่าชามใหญ่ออกมาและวางมันลงด้านข้าง นั่นเป็นส่วนที่นางเก็บไว้เป็นอาหารกลางวันสำหรับเด็กน้อยสองคน

กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่คนไร้เหตุผล ข้อได้เปรียบที่สุดของนางคือสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ และสามารถปรับทัศนคติได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงอีกโลกหนึ่ง นอกจากคิดถึงพ่อแม่ของตนเองในยุคปัจจุบันแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ถือว่าตัวเองเป็นคนในยุคสมัยนี้อย่างเต็มตัว และถือว่ากู้หนิงอันและคนอื่นๆ เป็นน้องของตนเอง

หลังกินอาหารเช้าตามปกติแล้ว ก็ยังเป็นกู้หนิงผิงที่เป็นคนคอยล้างจานชาม

กู้เสี่ยวหวานตั้งใจจะลองเสี่ยงโชคในภูเขาลึก ต่อให้ไม่อาจเก็บโสมและเห็ดหลินจือแต่ก็ยังสามารถสำรวจหนทางในภูเขาได้ ภูเขาลึกแห่งนั้นไม่มีผู้ใดเข้าไปหลายปีแล้ว คาดว่าน่าจะมีของล้ำค่ามากมาย กู้เสี่ยวหวานจึงหวังจะได้เข้าไปเสี่ยงโชค บรรเทาความยากจนของครอบครัวได้โดยเร็ว

เด็กหญิงเตรียมสิ่งของจำเป็นสำหรับขึ้นภูเขา จากนั้นสั่งกู้หนิงผิง “เจ้าอยู่บ้านดูแลน้องดี ๆ ในครัวยังมีบะหมี่เกอต่าอีกหนึ่งชาม ถ้าข้ากับกู้หนิงอันกลับมาช้า พวกเจ้าจงนำมันมาอุ่นกิน เข้าใจหรือไม่?”

กู้หนิงผิงได้ฟังก็ปฏิเสธออกมา “ท่านพี่ พวกเราไม่หิว ท่านพี่ออกไปหาอาหาร คงจะรู้สึกหิว พวกท่านเอามันไปด้วยเถอะ พวกเราไม่หิว!”

“พี่สาว ข้าก็ไม่หิวเหมือนกัน พวกท่านกินเถิด!” กู้เสี่ยวอี้ตอบเสียงอ้อแอ้

กู้เสี่ยวหวานมองดูเด็กสองคนอย่างปวดใจ ไม่รู้ว่าพ่อแม่ตระกูลกู้สอนลูกอย่างไร ถึงได้สอนให้เด็ก ๆ เชื่อฟังและมีเหตุผลเพียงนี้

แต่ต่อมากู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้นำบะหมี่เกอต่ามาด้วย เพราะว่ามีน้ำแกงจึงทำให้ยากต่อการนำติดตัว เพียงแต่สัญญากับเด็กทั้งสองว่าจะกลับบ้านโดยเร็วที่สุด

กู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงผิงแบกตะกร้า เข้าไปในภูเขาตามทางที่พวกเขาเข้าไปในเมื่อวานนี้

กู้เสี่ยวหวานกังวลว่าจะมีโสมและเห็ดหลินจือในภูเขาลึกหรือไม่ ดังนั้นนางจึงเดินด้วยความเร็ว โดยมีกู้หนิงอันเดินตามกู้เสี่ยวหวานมาติด ๆ

เมื่อมาถึงหนองน้ำเล็กอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานพลันนึกถึงเรื่องเสี่ยวอู่หมู่บ้านข้าง ๆ ที่ท่านป้าจางพูดถึงเมื่อเช้า ยังไม่กล้าปล่อยให้กู้หนิงอันเข้าไปเสี่ยงอันตรายกับนาง

“หนิงอัน เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่แล้วกัน! ข้าจะเข้าไปข้างในและจะออกมาในอีกหนึ่งชั่วยาม!” กู้เสี่ยวหวานวางแผนที่จะเข้าไปลึกอีกหน่อย ครั้งที่แล้วเป็นเพราะนางขาดอาหาร เมื่อพบอาหารบางอย่าง กู้เสี่ยวหวานจึงรีบออกมา อย่างไรก็ตามในคราวนี้นางได้ยินท่านป้าจางกล่าวว่ามีโสมและเห็ดหลินจืออยู่ในภูเขาลึก และสิ่งเหล่านี้สามารถแลกเป็นเงินได้ กู้เสี่ยวหวานจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร

แน่นอนว่าในหมู่บ้านมีแรงงานที่แข็งแกร่งมากมายล้วนไม่กล้าย่างกรายเข้าไป หัวใจกู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย นางในยุคปัจจุบันมักจะเข้าไปในป่าเพื่อหาพืชพันธ์ุหายากทั้งยังมีประสบการณ์ต่อสู้ในป่า แต่กู้หนิงอันเป็นเด็กชายอายุหกขวบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ กู้เสี่ยวหวานจึงไม่กล้าอวดเก่ง ไม่กล้าพากู้หนิงอันไปเสี่ยงอันตราย

“ไม่ได้!” อย่างไรก็ตาม โดยไม่ทันได้คาดคิด กู้หนิงอันกลับปฏิเสธอย่างแน่วแน่!

“ท่านพี่ ถ้าท่านจะเข้าไปแล้ว ทำไมข้าถึงเข้าไปไม่ได้!” กู้หนิงอันรู้ว่าพี่สาวไม่อยากให้ตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายกับนาง แต่ยิ่งกู้เสี่ยวหวานเป็นแบบนี้กู้หนิงอันก็ยิ่งคิดว่าตนเองไร้ประโยชน์! เขาต้องการแข็งแกร่งขึ้น เขาอยากปกป้องพี่สาว เขาต้องการเรียนรู้!

“เจ้า…” ยามเห็นใบหน้าอันแน่วแน่ต้องการขึ้นไปบนภูเขากับนาง กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกจนปัญญา ถ้าอยากเข้าเช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ ถึงเวลาจะต้องสอนเขาให้มากขึ้น ให้เขาได้เรียนรู้

“ตกลง เจ้าเข้าไปกับพี่ก็ได้ แต่ว่าเจ้าต้องอยู่ใกล้พี่เข้าไว้! อย่าวิ่งซี้ซั้ว!” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง นางไม่เคยเข้าไปในภูเขาลึกแห่งนี้สักครั้ง แต่ได้ยินข่าวลือว่ามีคนมากมายต้องตายเพราะเข้าไปด้านใน เด็กหญิงจึงไม่กล้าวางใจ

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ลองเข้าไปหาประสบการณ์ดูนะเจ้าหนิงอัน ฝึกความแข็งแกร่ง จะได้ดูแลพี่สาวและน้องๆ ได้

ไหหม่า(海馬)