ตอนที่ 46 ทุบหน้าอกเขาด้วยกำปั้นเล็ก

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 46 ทุบหน้าอกเขาด้วยกำปั้นเล็ก

ตอนที่ 46 ทุบหน้าอกเขาด้วยกำปั้นเล็ก

“เซี่ยเซี่ย ขอบคุณที่คุณยินดีทำความรู้จักผมเพิ่มเติม” เขากล่าวคำเบา “ผมเข้าใจดีว่าสมัยนี้คนหนุ่มสาวอย่างคุณชอบมีความรักแบบอิสระ ผู้ชายต้องไล่ตามหญิงสาวก่อน หลังจากได้รับความยินยอมจากหญิงสาวแล้วจึงพัฒนาความสัมพันธ์ ออกเดต และแต่งงานกันหลังจากนั้น เสียดายที่ผมแต่งงานกับคุณเลยทันที ผมสัญญาว่าผมจะทำทุกสิ่งอย่างที่ผู้ชายคนอื่นทำได้ และคุณจะมีทุกอย่างที่ผู้หญิงคนอื่นมี”

เมื่อฟังถ้อยคำหวานของเขา และมองดูดวงตาที่จริงใจ รวมถึงน้ำเสียงแสนอ่อนโยน จมูกของหลินเซี่ยก็รู้สึกแสบร้อน ขณะที่ขอบตาเริ่มเอ่อชื้น

เมื่อเฉินเจียเหอเห็นว่าเธอกำลังจะร้องไห้ เขาทั้งสับสนและสงสัยว่าเขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

เธอยกกำปั้นเล็กและทุบหน้าอกของเขา “เฉินเจียเหอ ทั้งที่คุณมักสงวนท่าที แต่ทำไมคำพูดของคุณถึงโรแมนติกขนาดนี้?”

เฉินเจียเหอ “!!!”

เธอสูดลมหายใจเข้าลึก “เอาล่ะ เรามาให้โอกาสทำความรู้จักกันเถอะค่ะ ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด และจะพยายามเพื่อให้คุณมีสิ่งที่ชายอื่นมีเช่นกัน”

ถ้าผู้ชายคนอื่นมีสิ่งใด เขาก็จะมีเหมือนกัน

หัวใจของเฉินเจียเหอเต้นแรง ดวงตาลึกล้ำของเขาดูเหมือนจะดูดเธอเข้าไป

ด้วยความตื่นเต้น ร่างสูงขยับเข้าใกล้เธอมากขึ้น

หลินเซี่ยคิดว่าเขาอาจจะสูญเสียการควบคุมและจูบเธอในวินาทีถัดไป

เธอถอยหลังหนึ่งก้าว ก้มหัวลงและพูดตะกุกตะกักเพื่ออธิบาย

“ฉันไม่ได้ต่อต้านคุณนะคะ แต่เมื่อฉันกลับมาหมู่บ้านครั้งแรก ครอบครัวของฉันแนะนำให้รู้จักกับหวังต้าจ้วง คือเมื่อฉันเห็นรูปลักษณ์ดุร้ายของหวังต้าจ้วง คืนนั้นฉันก็ฝันร้าย ฉันฝันว่าหวังต้าจ้วงทำร้ายฉัน พยายามเปลื้องผ้าฉัน และแม่ของฉันก็ใช้มีดฆ่าหมูแทงเขาเพื่อช่วยเหลือ ทำให้เลือดกระเซ็นไปทั่วตัวหล่อน ความฝันนั้นทำให้ฉันบอบช้ำทางจิตใจอย่างรุนแรง เมื่อคุณสัมผัสฉันในคืนนั้น ความรู้สึกที่น่ากลัวจากความฝันก็กลับมา โปรดให้เวลาฉันหน่อยนะ…”

“ผมเข้าใจ” เฉินเจียเหอถอยหลังทันทีและไม่ได้กดดันเธอใด ๆ

เขาพูดขึ้น “สักวันผมจะทุบตีหวังต้าจ้วงเพื่อปลดปล่อยคุณจากฝันร้าย”

หลินเซี่ย “!!!”

เธอเองก็อยากทุบตีชายคนนั้นด้วยเช่นกัน

ชายที่น่าขยะแขยงคนนั้น ฝันร้ายที่เขามอบให้เธอในชีวิตที่แล้วฝังลึกอยู่ในใจจนถึงทุกวันนี้ จนทำให้เธอมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะฆ่าเขาเสีย

“มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะอธิบายให้คุณฟัง”

หลินเซี่ยได้ยินเสียงเหนือหัวของเธอ จึงเงยหน้าขึ้นมองเขา “เรื่องอะไรคะ?”

“เรื่องเกี่ยวกับหู่จือ” เขาอธิบายเสียงเคร่งขรึม “จริง ๆ แล้วเขาไม่ใช่ลูกชายทางสายเลือดของผม”

“ผมยังโสด และไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความสัมพันธ์กับใครมาก่อน เขาเป็นลูกชายของผู้บังคับกองร้อยของผม ผู้บังคับกองร้อยสละชีวิตเพื่อช่วยผมไว้และสหายอีกหลายคน แม่ของหู่จือยอมแพ้เพราะแรงกดดันต่าง ๆ ผมจึงรับเขามาเลี้ยงตอนที่อายุยี่สิบสี่ปี

เพื่อปกป้องเด็กคนนี้ จึงมีญาติสนิทเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่อง หู่จือเองไม่รู้ภูมิหลังของตัวเอง ในสายตาคนนอกเขาเป็นลูกของผม วันนี้ที่ผมบอกความลับดังกล่าวกับคุณ เพราะอยากให้คุณรู้ว่าผมเป็นชายหนุ่มที่ยังไม่ได้แต่งงาน และจะไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามารบกวนชีวิตของเรา”

“ที่แท้หู่จือก็เป็นลูกของผู้บังคับกองร้อยของคุณ”

เธอรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของหู่จือจากชีวิตก่อน เพราะเขาเป็นคนบอกเธอด้วยตัวเอง

ตอนนี้หู่จือยังคงเป็นเด็ก เพื่อปกป้องเขา เฉินเจียเหอจึงยังไม่คิดบอกความจริงนี้ และเขาจะรับรู้ในอนาคตหลังจากเติบใหญ่

“มันไม่ง่ายเลยที่คุณจะเลี้ยงดูเขาด้วยตัวเอง ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนใจดีและมีความรับผิดชอบ ในอนาคตฉันจะช่วยดูแลหู่จือเป็นอย่างดี”

เวลานั้นเฉินเจียเหออยู่ในวัยที่ควรตามหาความรัก แต่เขากลับต้องมารับบทบาทเป็น “พ่อ”

นี่คือสิ่งที่เธอชื่นชมมากที่สุดเกี่ยวกับเขา

“ผมไม่ได้เลี้ยงดูเขาคนเดียว สหายหลายคนต่างก็ช่วยกันดูแลเขาอย่างดี”

เฉินเจียเหอพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมเห็นนะว่าเด็กคนนั้นยอมรับคุณแล้ว”

“ใช่ค่ะ ฉันเกลี้ยกล่อมเด็กเก่งมากนะ”

สิ้นเสียงหลินเซี่ย เธอรู้สึกขมขื่นเล็กน้อยในใจ

เธอเลี้ยงดูเด็กน้อยอีกคนอย่างดี

น่าเสียดายที่เด็กคนนั้นกลับกลายปีศาจมาทำลายเธอ

“นี่ก็ดึกแล้ว ถึงเวลาที่คุณจะพักผ่อน” เมื่อเห็นเธอยืนนิ่ง เฉินเจียเหอจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ และขึ้นไปบนเตียงเตาเพื่อคลี่ผ้าห่ม

หลินเซี่ยมองการกระทำของเขาและถามอย่างสงสัย “คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ?”

“เตรียมที่นอน”

เขาคลี่ผ้าห่มออกและจัดแจงวางหมอนลง

หลินเซี่ยเข้าไปปราม “ฉันควรทำงานนี้ต่างหาก”

“มันไม่ควรเป็นหน้าที่ของใคร”

เขาอุ่นผ้าห่มให้เธอและตั้งใจดึงผ้าห่มของตัวเองออก จากนั้นหันไปมองหญิงสาวและเอ่ยคำเบา “เข้านอนโดยเร็วเถอะ”

“แล้วคุณล่ะ?” หลินเซี่ยถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าเขาไม่ขึ้นมาบนเตียงเตา

“มีพิมพ์เขียวที่ต้องใช้หลังวันปีใหม่ ผมต้องปรับปรุงแก้ไขมันอีกสักพัก”

เขาส่งยิ้มบางให้เธอและนั่งลงบนเก้าอี้

“เสร็จแล้วผมจะนอน”

เฉินเจียเหอทำงานจนดึกก่อนจะปีนขึ้นเตียงเตา เขาหันมองหญิงสาวที่เตะผ้าห่มออก เผยให้เห็นเรียวขายาวโผล่พ้นนอกผ้าห่ม ลำคอของเขาขยับเล็กน้อยขณะที่หันหน้าหนี ก่อนดึงผ้าห่มให้เธอและปิดโคมไฟ

เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเซี่ยยังคงต้องไปทำงาน เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าเฉินเจียเหอตักน้ำใส่อ่างและบีบยาสีฟันให้เธอแล้ว

ขณะที่หลินเซี่ยกำลังล้างหน้า เขาพูดจากด้านข้างว่า “ถ้าบ่ายวันนี้คุณไม่ยุ่งมาก ผมจะพาคุณไปโรงอาบน้ำ มันค่อนข้างอยู่ใกล้กับร้านตัดผมของคุณ”

หลินเซี่ยหยุดล้างหน้าชั่วขณะ

ชายหนุ่มกระแอมเล็กน้อยและอธิบายว่า “ผมหมายถึง ผมจะนำทางคุณไปโรงอาบน้ำ เผื่อว่าคุณอยากล้างตัว”

หลินเซี่ย “…”

“ค่ะ งั้นพาฉันไปที่นั่นตอนบ่ายแล้วกัน”

พื้นที่ชนบททางตะวันตกเฉียงเหนือนั้นแห้งแล้งและหนาวเหน็บ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอาบน้ำที่บ้าน แม้แต่เช็ดตัวก็อาจจะแข็งตายได้

หลินเซี่ยมัดผมและออกไปสวมชุดบุนวม ซึ่งตอนนี้หวังอวี้เสียตื่นแล้ว และผมหยักศกของหล่อนคลายตัวและยุ่งเหยิงขณะนอนหลับ

“เซี่ยเซี่ย ทำไมผมของฉันถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ?”

“คุณน้าสะใภ้ต้องใช้นิ้วค่อย ๆ สางมัน และอย่าเพิ่งโดนน้ำนะคะ”

หลินเซี่ยกล่าว “ฉันจะซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมหนึ่งขวดจากร้านค้าให้คุณน้าทีหลัง”

หวังอวี้เสียพยักหน้ารับอย่างมีความสุข “อื้อ ขอบใจนะเซี่ยเซี่ย”

หลินเซี่ยสังเกตเห็นว่าหวังอวี้เสียกำลังล้างหน้าอยู่ตรงขั้นบันได โดยมีเครื่องสำอาง ลิปสติก ดินสอเขียนคิ้ว และตลับแป้งวางอยู่ด้านข้าง

เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “น้าสะใภ้ แต่งหน้าเก่งจังเลยนะคะ”

หวังอวี้เสียหัวเราะเล็กน้อย “ที่จริงฉันเพิ่งซื้อมาเมื่อวานน่ะ เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าแต่งหน้าจะเข้ากับทรงผมมากกว่า?”

หลินเซี่ยพูด “น้าสะใภ้ ฉันจะทำงานอีกสองวัน หลังจากที่ว่างเว้น ฉันจะสอนคุณน้าแต่งหน้า และจะทำให้คุณสวยที่สุด”

“ได้สิ ได้สิ”

“งั้นฉันไปทำงานก่อนนะคะ”

หลินเซี่ยกล่าวลาผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลโจว จากนั้นจึงออกไปกับเฉินเจียเหอ

ผู้เฒ่าโจวกำลังชงชา เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินหลินเซี่ยพูดคุยและหัวเราะกับหวังอวี้เสีย หลังจากเกิดบรรยากาศอึมครึมก่อนหน้า ในที่สุดก็มีเสียงหัวเราะในบ้านเสียที

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

วางใจได้แล้วนะคะว่าหู่จือไม่ใช่ลูกแท้ของพี่เหอ แต่ก็น่าสงสารน้องจังที่เสียพ่อแท้ๆ ไปทั้งแต่เด็ก

ไหหม่า(海馬)