บทที่ 23 เมาแอ๋

บทที่ 23 เมาแอ๋

เป็นเรื่องปกติที่เด็กจะร้องไห้ แม้ว่าถังเหมียวเหมี่ยวจะเป็นเด็กฉลาดและมีไหวพริบเกินวัย แต่หากเธอไม่มีความสุขขึ้นมา เธอก็สามารถสร้างปัญหาได้อย่างไร้เหตุผล

และบัดนี้ถังหว่านก็กำลังสับสนเล็กน้อย เธอไม่เคยคิดเลยว่าลูกสาวของเธอจะร้องไห้เพราะไม่ได้เห็นโจวอี้

นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

ถังเหมียวเหมี่ยวเล่นกับพ่อและดูท่าว่าจะชอบมาก โจวอี้ทำอะไรให้ลูกสาวของเธอกันแน่?

“เหมียวเหมี่ยว พ่อดูแลหนูมาสองวันแล้ว ตอนนี้เขาเหนื่อยมากแล้ว” ถังหว่านไม่ต้องการโทรหาโจวอี้ แล้วจะให้เธอพาเด็กน้อยคนนี้ไปหาอีกฝ่ายได้อย่างไร

เธอจึงเกลี้ยกล่อมลูกสาวให้อยู่ในอ้อมกอดของเธอ แล้วพูดว่า “คืนนี้แม่จะทำอาหารให้เหมียวเหมี่ยวเอง ตกลงไหม?”

“หนูไม่ต้องการ แม่ทำอาหารไม่เก่งเหมือนพ่อ” ถังเหมียวเหมี่ยวกล่าวทั้งน้ำตา

“…”

ถังหว่านค่อนข้างมั่นใจในทักษะการทำอาหารของตัวเอง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับโจวอี้เช่นนี้แล้ว ความมั่นใจของเธอก็ลดลง

โจวอี้เอาชนะเธอได้ทุกด้าน ไม่เพียงแต่หัวใจของเธอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงท้องของเธอด้วย…

“แม่จ๋า ไปหาพ่อกันไหม?” ถังเหมียวเหมี่ยวถามทั้งน้ำตา

“แต่ว่า…”

“ฮือ ฮือ…!”

“ตกลง! แม่จะโทรหาพ่อและขอให้เขามาหาเหมียวเหมี่ยว ตกลงไหม” สุดท้ายถังหว่านก็จำยอม

“จริง ๆ นะคะ?”

“จริง ๆ…”

ถังหว่านหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา และรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

เธอไม่มีเบอร์ของโจวอี้!

สุดท้ายจึงต้องอุ้มลูกสาวลงไปข้างล่าง และเตรียมตัวไปที่บ้านของโจวอี้ด้วยตัวเอง

เมื่อสองแม่ลูกกำลังออกจากลานบ้าน ก็พบกับเพื่อนบ้านคนหนึ่ง

“เหมียวเหมี่ยวกำลังจะออกไปข้างนอกเหรอ? เหมียวเหมี่ยวน่ารักจังเลย อุ๊ย ร้องไห้ทำไม?!” หลีฟางที่ในมือถือถุงชอปปิงอยู่นั้นถามขึ้น

“เรา…” ถังหว่านลังเล เธอไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าพ่อของเหมียวเหมี่ยว อาศัยอยู่ข้าง ๆ

“เหมียวเหมี่ยว นี่คือโยเกิร์ตกับช็อกโกแลตที่ป้าเพิ่งซื้อมา รับไปสิจ๊ะ”

หลีฟางเห็นสีหน้าลังเลของถังหว่าน และไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เธอหยิบของบางอย่างจากถุงชอปปิงแล้วมอบให้ถังเหมียวเหมี่ยว

“ขอบคุณค่ะคุณป้า” แม้ว่าถังเหมียวเหมี่ยวจะยังมีน้ำตาอยู่บนใบหน้า แต่เธอก็ยังยิ้มหวานและกล่าวขอบคุณ

“คุณหลี่ ขอบคุณนะคะ” ถังหว่านเองก็รีบขอบคุณทั้งที่ยังรู้สึกสับสน

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่ก็ไม่เคยติดต่อกันมาก่อน พวกเขาถือเป็นคนรู้จักที่เพียงพยักหน้าให้กันเท่านั้น แต่การแสดงออกของหลีฟางในวันนี้กลับดูอบอุ่นเล็กน้อย?

“ไม่เป็นไร คราวหน้าค่อยว่ากันอีกที” หลีฟางส่ายหัว จากนั้นก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาเบา ๆ บนใบหน้าเล็ก ๆ ของถังเหมียวเหมี่ยว

เธอยิ้มและพูดว่า “เหมียวเหมี่ยว อย่าลืมมาเล่นกับพี่ตงตงนะจ๊ะ”

“ค่ะ..” ถังเหมียวเหมี่ยวพยักหน้าอย่างมีความสุข

“แม่ของเหมียวเหมี่ยว พวกเรามีนัดกับเพื่อนบ้านสองคนในเย็นวันพรุ่งนี้เพื่อปาร์ตี้บาร์บีคิวที่บ้านของฉัน ถ้าคุณและสามีของคุณไม่มีอะไรทำ คุณและสามีจะพาเหมียวเหมี่ยวมาสนุกด้วยกันก็ได้นะจ๊ะ” หลีฟางยิ้ม

“เอ๋?” ถังหว่านตกตะลึง

สามีของคุณ?

หลีฟางรู้จักโจวอี้ด้วยเหรอ?

ไม่! เขาไม่ใช่สามีของฉัน!!

หลีฟางไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอโบกมือให้ถังเหมียวเหมี่ยว ก่อนจะบอกลาและจากไปพร้อมกับถุงชอปปิงในมือ

ในขณะที่ถังหว่านกำลังสงสัยว่าโจวอี้ทำอะไรลงไป และทำไมหลีฟางรู้ถึงการมีอยู่ของเขา?

เธอรู้จักตัวตนของหลีฟางซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มที่อยู่ในรายชื่อ ซึ่งกล่าวกันว่ามีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน นอกจากนี้สามีของหลีฟางยังเป็นถึงปรมาจารย์ด้านประติมากรรมที่มีชื่อเสียงในประเทศจีนอีกด้วย

แม้ว่าทั้งคู่จะดูถ่อมตนและจัดการกับความสัมพันธ์ของผู้คนในละแวกบ้านได้ดี แต่พวกเขาก็ยังภาคภูมิใจในภูมิหลังและฐานะของตน

แต่วันนี้หลีฟางดูอัธยาศัยดีเกินไปไหม มันต่างไปจากก่อนหน้านี้มาก!

“เหมียวเหมี่ยว ป้าคนนั้นเคยเห็นพ่อเหรอ?” ถังหว่านถาม

“ใช่! เมื่อวานเราไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ป้าและลุงหลายคนชอบเหมียวเหมี่ยวมากด้วย” ถังเหมียวเหมี่ยวกล่าวอย่างไร้เดียงสา

สนามเด็กเล่น?

ถังหว่านนึกขึ้นได้ว่าพี่เลี้ยงบอกเธอเมื่อคืนนี้ว่าโจวอี้พาเหมียวเหมี่ยวไปเล่นที่สนามเด็กเล่น

งามไส้!

เพื่อนบ้านคงยังไม่รู้ว่าโจวอี้เป็นพ่อของเหมียวเหมี่ยวใช่ไหม?!

แล้วไอ้หมอนั่นคงจะไม่พูดจาไร้สาระต่อหน้าเพื่อนบ้านหรอกใช่ไหม?

ถังหว่านอารมณ์เสีย เธออุ้มลูกสาวไปที่บ้านของโจวอี้ กดกริ่งประตูอยู่นาน แต่ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตูให้

ขณะเดียวกัน…

โจวอี้กำลังไปที่ร้านหม้อไฟใกล้วิลล่าพร้อมกับสี่พี่น้องทีมรักษาความปลอดภัย

ธุรกิจร้านหม้อไฟคึกคักมากในฤดูหนาวเช่นนี้ ไอน้ำลอยอบอวลอยู่ในอากาศ อีกทั้งซุปข้น ๆ ที่ด้านล่างของหม้อส่งกลิ่นหอมฟุ้ง

ทั้งห้าคนนั่งลงที่โต๊ะว่างโต๊ะหนึ่งตรงมุมร้าน และโจวอี้ขอให้ทั้งสี่คนสั่งอาหาร

“พี่โจว คุณไม่เคยออกมาจากภูเขามาก่อนเลยเหรอ? หม้อไฟนี้เป็นครั้งแรกที่คุณทานหรือเปล่า?” จี้หมิงเฉินเริ่มสนใจโจวอี้ที่มีศิลปะการป้องกันตัวที่เก่งกาจ

“เป็นครั้งแรกที่ผมออกมาจากภูเขา ความจริงแล้วผมเคยกินหม้อไฟมานับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาร้านหม้อไฟในเมืองใหญ่แห่งนี้”

โจวอี้เหลือบมองจานเนื้อบนโต๊ะข้าง ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หม้อของเราชื่อหม้อชาบู ผมทำหม้อเอง ผมใส่สมุนไพรลงไปเยอะมาก แล้วก็มีกลิ่นหอมมาก แล้วผมก็เพิ่มซุปเนื้อชนิดต่าง ๆ เข้าไปด้วย”

“คุณกินอะไรบ้างที่ภูเขานั่น” เหลียงเสี่ยวป๋อถาม

“แน่นอน ผมเคยกินเนื้อหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสือโคร่ง เสือดาว หมาจิ้งจอก หมาป่า ไก่ฟ้า เป็ดป่า กวาง และหมูป่า แล้วผมก็เคยกินเนื้อหมีมาหลายครั้ง” โจวอี้ไม่ได้ปิดบังอะไร ทั้งยังกล่าวว่า “ที่จริงแล้ว สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดก็คือเนื้องู มันต้มในน้ำซุปสมุนไพร เนื้อจะนุ่มมาก และน้ำซุปข้นนั้นก็อร่อย…”

ทั้งสี่คนถึงกับตะลึง และเริ่มที่จะอิจฉาขึ้นมา

พวกเขาเคยกินไก่ฟ้าและเป็ดป่า แต่พวกเขายังไม่เคยลองชิมเนื้ออื่น ๆ

“พี่โจว คุณเรียนรู้เรื่องการต่อสู้มาจากใคร?” จี้หมิงเฉินถามด้วยความสงสัย

“อาจารย์ของผมเอง” โจวอี้ตอบด้วยรอยยิ้ม

“อาจารย์ของคุณเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้?” จี้หมิงเฉินตกใจ

“ไม่ อาจารย์ของผมเป็นหมอจีน”

หมอจีนที่รู้ศิลปะการต่อสู้?

จี้หมิงเฉินถึงกับอึ้ง

ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ ลมหนาวด้านนอกช่างหนาวเหน็บ มันหนาวเข้าไปจนถึงกระดูก ทว่าพวกเขาห้าคนที่กำลังกินดื่มอย่างมีความสุขนั้นกลับรู้สึกอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ รายล้อมด้วยกลิ่นหอมอบอวลจากอาหารและเหล้า

มิตรภาพระหว่างผู้ชายค่อย ๆ เกิดขึ้น

โจวอี้ยังสัญญากับทั้งสี่คนว่าเขาจะให้ยาสมุนไพรและซุปยาในการเสริมสร้างร่างกายและไตของพวกเขา เพื่อให้แน่ใจว่าจิตวิญญาณมังกรแห่งความเป็นชายจะไม่มีวันถดถอย

ผู้ชายสนใจอะไรมากที่สุด? แน่นอนว่าไม่ใช่ในแง่นั้น!

แต่สุดท้ายแล้ว ความเมตตาและความเอื้ออาทรของโจวอี้ก็ได้รับการชื่นชมจากคนทั้งสี่

สี่ทุ่ม…

โจวอี้กลับมายังพื้นที่วิลล่าด้วยจิตวิญญาณแห่งสุราที่อัดแน่นไปทั่วร่าง คล้ายกับว่าร่างของเขาเต็มไปด้วยแสงดาว และกำลังเหยียบย่ำอยู่บนพื้นดวงจันทร์

ตอนนี้เขาเมาไปแล้วเจ็ดส่วน ปากก็ส่งเสียงฮัมเพลงพื้นบ้าน และยังถือเหล้าสองขวดที่จี้หมิงเฉินส่งให้ก่อนออกจากร้าน

เขารู้สึกสบายมาก!

เขามีลูกสาวสวยและน่ารัก มีเพื่อนบ้านใจดีและเป็นกันเอง พี่น้องเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ใจดีและใจกว้าง ส่วนเมียงั้นเหรอ…ไม่ต้องไปพูดถึงเมียหรอก

ครั้นมาถึงประตูหน้าบ้าน โจวอี้ก็ฉีกกระดุมเสื้อโค้ทของตัวเองและเรอออกมา

“เพิ่งลงจากภูเขาแล้วก็ออกไประเริงไฟเป็นแมลงเม่าเลยเหรอ?”

ถังหว่านถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา