บทที่ 31 รู้สึกเหมือนจะโดนฆ่าปิดปากอีกครั้ง

สำรับมนตราของชายาอ๋อง

ตอนที่ 31 รู้สึกเหมือนจะโดนฆ่าปิดปากอีกครั้ง

หมี่โม่หรู่มีจังหวะได้หายใจก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้เลื่อน ชายหนุ่มใช้มือค้ำกำแพงและไอออกมาอย่างทนไม่ไหว

เมื่อโดนบังคับหมุนคว้างไปหลายร้อยรอบ เขาก็เวียนหัวจนทนไม่ไหวแล้ว แม้ตอนนี้จะยืนอยู่เฉย ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้ไม่หยุด

รอกระทั่งความไม่สบายทางกายของหมี่โม่หรู่คลายลง เขาจึงเดินไปอยู่ตรงหน้าฉินปู้เข่อช้า ๆ ยืนไพล่มือไปด้านหลังสายตาจับจ้องตรงไปยังใบหน้าเล็ก ๆ ของฉินปู้เข่อที่กำลังแดงก่ำด้วยความโกรธ ก่อนจะกล่าวเรียบ ๆ “วันนี้ข้าส่งคนของตำหนักไปทดสอบเจ้าเพียงหนเดียวเท่านั้น”

“เฮอะ ข้าเชื่อเจ้าก็บ้าแล้ว” ฉินปู้เข่อเท้าเอวยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ “ข้าจะบอกอะไรให้ท่านฟังนะ วันนี้เจ้าเสียเปรียบเป็นอย่างมาก นักฆ่าคนนั้นที่ท่านจับเขาไปขังไว้จัดการซ่องโจรของเจ้าจนหมดสิ้น นักฆ่าที่เจ้าอุตส่าห์เลี้ยงไว้ไม่เหลือสัก…”

เดี๋ยวก่อน!

ฉินปู้เข่อผงะถอยหลังราวกับเพิ่งรู้ตัว หญิงสาวชี้ไปที่หมี่โม่หรู่ด้วยสีหน้าตกตะลึง นางยืนค้างอยู่เนิ่นนานพูดอะไรไม่ออกสักคำ

หมอนี่ยืนได้?! มิหนำซ้ำยังเดินได้ด้วย!

เมื่อเห็นนางรู้ตัวแล้ว ใบหน้างดงามเหนือมนุษย์ของหมี่โม่หรู่ก็เผยรอยยิ้มที่เดาความหมายไม่ออก นัยน์ตาเขาเย็นยะเยือก “เจ้าค้นพบแล้วเหรอ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ที่ได้เห็นข้ายืนขึ้นจากนั้นจะเป็นอย่างไร?” ฉินปู้เข่อหัวเราะแห้ง ๆ เหงื่อซึมออกมาเต็มแผ่นหลัง วันนี้นางจะโชคร้ายเกินไปแล้ว เหตุใดถึงเอาแต่เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นกัน!

หากจะเป็นในซีรีส์ ตอนนี้นางคงต้องโดนฆ่าปิดปาก

นางตั้งสติให้มั่นและหลับตาอย่างรวดเร็ว “หม่อมฉันละเมอเพคะท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นเพคะ”

พูดเสร็จนางก็ฉวยโอกาสช่วงเวลาสุดท้ายที่ ‘ยาเพิ่มพลัง’ ยังออกฤทธิ์ หมุนหายและวิ่งออกจากสวนชิงอวี้ด้วยความเร็วสูง

“พี่สาม เจ้าว่าที่นางกล่าวมาเมื่อครู่เชื่อได้เพียงใด” หมี่โม่หรู่นั่งลงไปบนเก้าอี้เลื่อนอีกครั้ง สายตาจับจ้องไปที่เงาของนางที่วิ่งออกไป

หมี่ฉงครุ่นคิด “ประเดี๋ยวข้าไปสืบดูก็รู้เอง จากที่นางพูดมานางไม่รู้ว่าคนที่ลักพาตัวนางไปคืนนี้คือหมี่เซวียน? แล้วเจ้าหมี่เซวียนจับตัวใครไปอีก ใครกันที่มีความสามารถพอจะล้างบางรังของหมี่เซวียนได้ในคืนเดียว เราสองคนยังต้องเตรียมตัวอีกตั้งสองสามวัน เหตุไฉนถึงมีคนชิงลงมือก่อนเล่า รสชาติที่โดนคนตัดหน้าช่างอัปยศจริง ๆ”

เมื่อเห็นหมี่โม่หรู่ไม่ตอบอะไร หมี่ฉงก็มองตามสายตาเขาไป พอดีกับที่เงานั้นหายวับไปตรงทางเลี้ยว

“นี่คือคุณหนูรองฉินแห่งจวนมหาเสนาบดีจริง ๆ หรือ ไหนผู้คนบอกว่านางเป็นคนอ่อนโยนเรียบร้อย สมบูรณ์แบบทั้งรูปโฉมและสติปัญญา เหตุใดนางถึงมีพละกำลังมากมายขนาดนั้น เมื่อครู่เจ้าก็เห็นกระบวนท่าที่นางใช้ต่อกรกับข้าใช่หรือไม่ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” หมี่ฉงดูเหมือนพึมพำกับตนเองแต่ก็เหมือนถามเขาอยู่

หมี่โม่หรู่หลุบตาลงต่ำ หลังจากนั้นต้องรอดูว่านางจะส่งข่าวที่เขาไม่พิการให้ผู้อื่นหรือเปล่า

หากวันนี้เขาเข้าใจนางผิด หวังว่าพรุ่งนี้นางจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง

ค่ำคืนหนึ่งในสามวันให้หลัง หมี่โม่หรู่วางม้วนหนังสือในมือลง และถามย้ำอีกครั้ง “ยังไม่ตื่นอีกรึ”

“เพคะ ตั้งแต่คืนนั้นที่พระชายากลับจากสวนของท่านอ๋องก็หลับลึกมาจนถึงบัดนี้เพคะ ระหว่างนั้นไม่ว่าข้าน้อยจะช่วยเช็ดตัวหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ก็ไม่ตื่นเลยเพคะ หมอหลวงในตำหนักมาตรวจชีพจรหลายรอบแล้ว ล้วนบอกว่าเป็นอาหารนอนหลับปกติของคนทั่วไป”

“เฝ้าดูต่อไป นางตื่นแล้วให้มาบอกข้าทันที”

ทีแรกนึกว่านางไม่ได้พักผ่อนมาหนึ่งวันหนึ่งคืนจึงเหนื่อยไปหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่านางจะนอนติดต่อกันได้ถึง 3 วัน

ระหว่างนี้อู๋เยว่ไปตรวจดูชีพจรของนางมาแล้ว ไม่มีกำลังภายในเลยสักนิด ดูจากลักษณะร่างกายเป็นคนธรรมดาอย่างสิ้นเชิง

ไม่มีกำลังภายใน ไม่เป็นวิชาตัวเบา มีวิชาหมัดแปลกประหลาด หรือว่านางแค่มีพละกำลังมากเท่านั้น?!

หมี่โม่หรู่นึกถึงสภาพเวียนหัวที่ลงมาจากเก้าอี้ลากในคืนนั้นแล้วต้องนวดขมับ ของหนัก 400 จิน นางกลับยกได้เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วยามได้สบาย ๆ มีแต่ต้องอธิบายว่านางมีพลังประหลาดเท่านั้น

ซ่องโจรของหมี่เซวียนก็สืบสาวราวเรื่องเรียบร้อยแล้ว ยอดฝีมือสิบกว่าคนเกือบจะโดนสังหารในคราเดียว นี่ไม่ใช่สิ่งที่สตรีคนเดียวอย่างนางจะทำได้

หากจะพิจารณาทั้งต้าเซี่ย คนที่มีความสามารถพอจะลงมือกับหมี่เซวียนแทบจะนับนิ้วได้ คนที่ลงมือจะเป็นเขาหรือไม่…

ณ สวนเฉินอวี้

ฉินปู้เข่อบิดขี้เกียจและนอนงัวเงียอยู่บนเตียง

ภายนอกหน้าต่างมืดสนิท น่าจะเป็นช่วงหลังเที่ยงคืน หญิงสาวลูบท้องตนเอง หิวจัง…

หลังจากกลับมาคืนนั้น นางก็พบว่า ‘ช็อกโกแลตพลังมหาศาล’ มีผลข้างเคียงช่วงเวลาที่มันออกฤทธิ์คือครึ่งชั่วยาม หลังจากหมดฤทธิ์แล้วจะหลับลึกไป 3 วัน 3 คืน

นางถึงได้นอนมาจนป่านนี้

“ตื่นแล้วหรือเพคะพระชายา” ซวงหวนได้ยินเสียงจึงเอ่ยถามเสียงเบา

ฉินปู้เข่อมองนางอย่างเย็นชา และพลิกตัวหันหลังให้

ซวงหวนถือว่าเป็นคนดีคนแรกที่นางได้รู้จักในชาตินี้ คนดีที่นางคิดไปเอง

จะให้พูดก็เพราะตอนนั้นนางไร้เดียงสาเกินไป ถูกเปลือกนอกงดงามของหมี่โม่หรู่ปิดหูปิดตา และคิดว่าคนที่เขาส่งมาจะเป็นเพียงนางกำนัลเล็กธรรมดา ๆ

“พระชายา หม่อนฉันรู้ว่าท่านโกรธ หม่อมฉันผิดเอง พระชายาจะด่าจะว่าอย่างไรก็ได้…” ซวงหวนคุกเข่าลงและคำนับศีรษะไม่หยุด น้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่ได้

ฉินปู้เข่อนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง มองซวงหวนตรงหน้าอย่างน้อยใจ นางรู้ว่าซวงหวนเพียงแต่ภักดีและรับใช้หมี่โม่หรู่เท่านั้น แม้อีกฝ่ายจะไม่เคยเอ่ยบอกแต่นั่นก็เป็นกฏที่ต้องรักษา

“มหาเสนาบดีฉิน หมายถึงท่านพ่อข้าหรือองค์รัชทายาทมีเรื่องบาดหมางกับอ๋องหลี่ชินหรือไม่” สาเหตุที่หมี่โม่หรู่ไม่เชื่อใจนางต้องเป็นเพราะฐานะของนางแน่นอน

“ช่างเถิด เจ้าไม่พูดก็ไม่เป็นไร ข้าพอจะรู้แล้ว” เมื่อเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของซวงหวน ฉินปู้เข่อก็พอจะมีคำตอบในใจแล้ว นางถอนหายใจเฮือกใหญ่

คงจะเป็นบทฝ่ายในแย่งชิงอำนาจกันเองของยุคโบราณนั่นแหละ เสด็จแม่ขององค์รัชทายาทใส่ร้ายเสด็จแม่ของหมี่โม่หรู่อะไรทำนองนั้น…