การผ่าตัดครั้งนี้สร้างขวัญและกำลังใจให้เถ้าแก่รองอย่างมาก เขาตัดสินใจว่าจะพูดคุยกับนางเรื่องการผ่าตัดในครั้งนี้

แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ กู้เจียวเลยไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับอาการป่วย เช่น หากรักษาไม่ได้ก็จะโดนตัดหัวและเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย… แต่ขนาดเขาไม่ได้รู้เลยว่าคนตรงข้ามเป็นใครก็ถูกกู้เจียวปฏิเสธ

“เพราะเหตุใดกัน” เถ้าแก่รองทำหน้าตกใจ

กู้เจียวเอ่ยอย่างไม่ลังเล “ไกลเกิน ข้าไม่ออกไปรักษาให้หรอก ท่านไปบอกเขาทีว่าหากต้องการรักษาจริงๆ ให้มาที่หุยชุนถังเอง”

“ข้า…” เถ้าแก่รองยืนนิ่งอึ้ง คนระดับเขาเชิญหมอหลวงเข้าตำหนักได้สบายๆ ไฉนจะต้องลดตัวลงมาหาหมอที่โรงหมอเล็กๆ ในชนบทกันด้วยล่ะ

เถ้าแก่รองยิ้มหน้าเหยเก “ไม่ไกลหรอก อยู่ตรงเขาน้ำพุร้อนใกล้ๆ กับหมู่บ้านชิงเฉวียนนี้เอง”

กู้เจียวเลิกคิ้วเอ่ยถาม “อยู่นอกหมู่บ้านขนาดนั้นยังเรียกว่าไม่ไกลอีกรึ”

“…” เถ้าแก่รองหมดคำจะเอ่ย

เถ้าแก่รองเห็นว่ากู้เจียวเป็นคนที่มีความสามารถ ไม่เหมือนแม่บ้านทั่วไป แต่นางกลับรังเกียจระยะทางห่างออกไปยี่สิบกิโลของภูเขาน้ำพุร้อน เขาจึงมองว่าบางทีนางอาจไม่ได้ต่างไปจากแม่บ้านชนบททั่วไปก็เป็นได้

เถ้าแก่รองเอ่ยถามด้วยความรู้สึกน้อยใจ “ไหนว่าตกลงแล้วว่าจะตรวจโรคให้หนึ่งครั้งต่อเดือน”

กู้เจียวทำท่าแบมือ “ก็ใช่สิท่าน ตรวจให้หนึ่งครั้ง แต่ไม่ได้หมายถึงออกนอกสถานที่ไปตรวจนี่นา”

“…”

“ในเมื่อกู้เจียวเหนียงไม่เอ่ยตกลงก็ตามนั้น อย่างน้อยนางก็ช่วยต่อชีวิตโรงหมอแห่งนี้ไว้ได้” ผู้ดูแลหวังตัดพ้อ หลังจากถูกนางปฏิเสธ

เถ้าแก่รองเอ่ยอย่างอับจนหนทาง “ท่านจะไปรู้อะไร ข้าน่ะ ส่งประกาศออกไปแล้ว…”

ผู้ดูแลหวังเมื่อได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งโหยง “ว่าไงนะเถ้าแก่!”

เถ้าแก่รองกระแอมเบาๆ แล้วเอ่ย “ข้าก็แค่พิจารณาดีแล้วว่านางต้องรักษาท่านชายเซียวได้ ก็เลย…ก็เลยรีบส่งประกาศออกไปล่วงหน้าน่ะ”

ผู้คนทั้งแคว้นจ้าวรู้แล้วว่าองค์ชายน้อยที่ประทับที่ตำหนักของติ้งอันเกิดล้มป่วย ต่อให้ผลข้างเคียงจากการรักษาจะร้ายแรงแค่ไหน แต่ถ้ามีการตบเงินรางวัลอย่างงาม ถึงจะได้มีหมอมากหน้าหลายตารอต่อคิวเข้าไปตรวจโรคให้แก่เขา

หากเพิ่งจะส่งประกาศออกไปตอนนี้ เกรงว่ากว่าจะไปถึงมือองค์ชายน้อยอาจจากโลกนี้ไปเสียก่อน

ผู้ดูแลหวังไม่รู้จะพูดกับเถ้าแก่รองยังไงดี!

กู้เจียวไม่รู้บทสนทนาระหว่างเถ้าแก่รองกับผู้ดูแลหวังแต่อย่างใด นางไปหาซื้อหยูกยา และเพื่อไม่ให้ใครจับได้ว่าตำรับยานั้นเป็นยาสำหรับรักษาโรคเรื้อน นางจึงคว้าตัวยาอื่นๆ มาด้วย จะได้เอาไปทำเป็นยาแก้บาดทะยัก

เฝิงหลินกลับไปเรียนหนังสือที่สำนักบัณฑิต กู้เจียวและเซียวลิ่วหลังนั่งรถเกวียนกลับหมู่บ้าน

แม้เขาจะไม่รู้สึกปวดขาแล้ว แต่เนื่องจากขาขวาของเขายังไม่มีแรง ช่วงนี้จึงต้องใช้ไม้เท้าช่วยค้ำไปก่อน

เขาคว้าไม้เท้าแล้วเดินตามกู้เจียวไป และจู่ๆ เขาเห็นรถม้าจอดอยู่ด้านหน้าเรือน ตราสัญลักษณ์บนรถม้านั่นให้ความรู้สึกคุ้นตายิ่ง

ดูเหมือนว่ารถม้าคันนั้นเองก็เพิ่งมาถึง สารถีรถเปิดผ้าม่านออก จากนั้นค่อยๆ ประคองชายวัยกลางคนผู้หนึ่งให้เดินลงมาจากรถ

“เรียนถามขอรับ นี่เป็นบ้านของเซียวลิ่วหลังใช่หรือไม่” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามอย่างสุภาพ

“ข้าเอง” เซียวลิ่วหลังเอ่ยด้วยท่าทีนิ่งๆ

ชายวัยกลางคนหันม้า ก็เห็นเซียวลิ่วหลังและกู้เจียว จากนั้นจึงยิ้มให้พวกเขาทั้งสองด้วยความอ่อนโยน “กระผมเป็นผู้ดูแลจากสำนักบัณฑิต สกุลหลิว ท่านอาจารย์ใหญ่และนายท่านได้วานให้กระผมนำสิ่งของมามอบให้ท่านทั้งสอง”

ถ้ามีคนของตระกู้มายืนอยู่ด้วย พวกเขาน่าจะจำได้ว่าชายคนนี้นั้นก็คือคนที่มามอบจดหมายเชิญเข้าเรียนให้กู้เสี่ยวซุ่นนั่นเอง

ชายวัยกลางคนคว้าจดหมายออกมาแล้วยื่นให้เซียวลิ่วหลัง “ท่านอาจารย์ใหญ่มอบสิ่งนี้ให้เจ้า” จากนั้นเขาหยิบกล่องกล่องหนึ่งให้กู้เจียว “นี่เป็นของที่นายใหญ่มอบให้ท่านชายกู้เสี่ยวซุ่น”

พอเขาเอ่ยถึงชื่อกู้เสี่ยวซุ่นเท่านั้น ทั้งคู่ต่างก็เดาได้ว่านายท่านที่เขาหมายถึงนั้นคือใคร

เซียวลิ่วหลังหยิบจดหมายนั้นมา ส่วนกู้เจียวก็รับกล่องนั้นมา

กู้เจียวเอ่ยถาม “ผู้ดูแลหลิวเข้าไปนั่งด้านในก่อนเถอะ”

ผู้ดูแลหลิวหัวเราะ พลางเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ข้าแค่มีธุระ เลยต้องรีบไปก่อน”

หญิงชราที่อยู่ด้านในตะโกนเรียกเซียวลิ่วหลังพอดี เขาจึงเดินเข้าไปพร้อมกับไม้เท้า

ผู้ดูแลหลิวหยิบถุงผ้าเล็กๆ ออกจากกระเป๋า จากนั้นยื่นให้กู้เจียว “นี่เป็นของที่นายท่านฝากมาให้ขอรับ”

“เหตุใดถึงนำมาให้ข้าล่ะ” กู้เจียวเอ่ยถาม

ผู้ดูแลหลิวหัวเราะงอหาย จากนั้นก็ม้วนตัวขึ้นรถม้าแล้วออกตัวไป

กู้เจียวกลับเข้าห้อง จากนั้นเปิดดูของที่เพิ่งได้มา ของกู้เสี่ยวซุ่นได้เป็นพู่กันจีนขนหมาป่า ส่วนของนางเป็นหยกขาวที่ช่วยเสริมความอบอุ่น

เนื้อตัวของนางอุณหภูมิค่อนข้างเย็น มีหยกขาวติดตัวไว้ ก็เหมือนกับพกถุงน้ำร้อนขนาดจิ๋วติดตัวไปด้วย

กู้เจียวแม้จะไม่สันทัดเรื่องพวกนี้ แต่ดูปราดเดียวก้รู้ว่าหยกชิ้นนี้เป็นหยกหายาก มูลค่าของมันไม่ด้อยกว่าพู่กันจีนขนหมาป่าแน่นอน

กู้เจียวเอามือลูบคางแล้วเอ่ยพึมพำ “อ้อ นึกว่าจะปิดเป็นความลับได้แล้วเสียอีก…”

ที่แท้ ท่านผู้อาวุโสก็รู้ว่าเป็นนางมาตั้งนานแล้วสินะ

กู้เจียวพอใจกับของขวัญปีใหม่มาก จากนั้นรีบวิ่งไปดูว่าอาจารย์ใหญ่มอบอะไรให้กับเซียวลิ่วหลัง

แต่พอเข้าไปกลับพบว่าเขากำลังนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ในห้อง โดยไม่มีท่าทีอยากจะแกะของขวัญออกมาแต่อย่างใด

“เป็นอะไรไปรรึ” กู้เจียวชะโงกหัวเข้าไปในห้องพลางเอ่ยถาม

เซียวลิ่วหลังอยากจะเผาของชิ้นนี้ที่ไม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้ให้มันหมดๆ ไป แต่พอกู้เจียวเดินเข้ามา กลับแย่งของไปจากมือเขาได้สำเร็จ

“นี่คืออะไรรึ มีตราประทับเสียด้วย” กู้เจียวหยิบเอกสารนั้นออกมาพลางชี้ไปที่คำบนนั้นที่นางเพิ่งได้เรียนมา แล้วอ่านออกเสียง “สอบ มีการสอบงั้นรึ”

“…อืม สอบระดับอำเภอน่ะ”

อาจารย์ใหญ่จะใจร้ายเกินไปแล้ว คิดอย่างไรถึงได้ส่งชื่อเซียวลิ่วหลังเข้าสอบระดับอำเภอหลังเขา!

เขาไม่อยากเข้าสอบเลยสักนิด!!!

“เจ้าสมัครไปรึ” กู้เจียวเอ่ยถาม

“อาจารย์ใหญ่เป็นคนส่งชื่อไปน่ะ” เซียวลิ่วหลังกัดฟันกรอดๆ

กู้เจียวทำหน้าตกใจ “แล้วสมัครไปทั้งชั้นเรียนเลยรึ”

“น่าจะไม่ทั้งหมด” เซียวลิ่วหลังเอ่ย

อ้อ ลืมไป กู้เสี่ยวซุ่นคงไม่ได้สมัครแน่นอน

เซียวลิ่วหลังเป็นเด็กท้ายห้องที่โดดเด่นที่สุด ตั้งแต่เปิดเทอมยันปิดเทอม ผลการสอบของเขาไม่เคยหลุดจากสามอันดับโหล่ของห้องเลยสักครั้ง แม้คะแนนของเขาจะออกมาเน่าเฟะแค่ไหน แต่ดูเหมือนอาจารย์ใหญ่จะไม่ยอมหมดหวังในตัวเขา ซ้ำยังส่งชื่อเขาเข้าสอบระดับอำเภอ ช่างเป็นยอดแห่งอาจารย์คนเสียจริง!

ในสายตาของกู้เจียว ดูเหมือนว่าอาจารย์ใหญ่ผู้นี้จะกลายเป็นผู้สูงส่งขึ้นมาในบัดดล!

“สามี ข้าคิดว่า พวกเราควรไปเยี่ยมท่านอาจารย์ใหญ่นะ นำของขวัญไปมอบให้เขา!”

ในเมื่อเขาสอบได้คะแนนไม่ค่อยดี เช่นนั้นยิ่งต้องสานสัมพันธ์กับอาจารย์ใหญ่เข้าไว้มิใช่รึ

“ไม่เอาหรอก” เซียวลิ่วหลังปฏิเสธ แต่พอเห็นสีหน้าตื่นตะลึงของกู้เจียว เขาก็รีบบ่ายเบี่ยง “มันไกลเกินไป”

กู้เจียวจึงเอ่ยถามต่อ “แล้วมันคือที่ไหนล่ะ”

เซียวลิ่วหลังพยายามข่มความคิดต่อต้านของตนเอง พลางเอ่ย “แถวภูเขาน้ำพุร้อนน่ะ เลยหมู่บ้านออกไป”

กู้เจียวรีบเอ่ยกะทันหันจนลืมเรื่องโรงหมอไปเสียสนิท “ไม่ไกลหรอก! ไม่เห็นจะไกลเลย!เจ้าพักอยู่ที่เรือนเถิด เดี๋ยวข้ากับกู้เสี่ยวซุ่นไปให้เอง!”