ตอนที่ 38 เจ้าสาวคนใหม่

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

พอตื่นมาอีกที ท้องฟ้าก็สว่างมากแล้ว แสงแดดตะวันแรกสาดส่องกิ่งก้านต้นไม้แล้ว ต้นอิงเถาป่าใบดกเขียวชอุ่มนอกห้อง เสียงนกกระจอกจิ๊บๆ บรรเลงเสียงร้องดัง ต้อนรับเช้าวันใหม่ของบ้านใหม่หลังนี้

ชายหนุ่มที่นอนกอดนางหลับฝันดีข้างกายน่าจะลุกไปก่อนแล้ว เหลือเพียงที่นอนอีกครึ่งที่ไร้ไออุ่น

ซูสุ่ยเลี่ยนนึกถึงภาพความร้อนแรงของนางกับเขาในตอนย่ำรุ่งขึ้นมาก็อดดึงมุมผ้าห่มผืนบางขึ้นปิดใบหน้าแดงก่ำไว้ไม่ได้ สวรรค์ นางถึงกับ…ในช่วงเวลาสำคัญ…หมดสติ อาเย่า…จะรู้สึกว่านางใช้ไม่ได้มากใช่ไหม เพียงแต่…ยามนั้นบังเกิดความรู้สึกประหลาด คลื่นร้อนแรงโหมกระหน่ำใส่นาง ถึงกับ…นาง ซูสุ่ยเลี่ยน จึงหมดสติไปในอ้อมกอดของหลินซือเย่า

โอ…ซูสุ่ยเลี่ยนยกมุมผ้าห่มขึ้นปิดหน้าส่งเสียงฮึดฮัดอีกครั้ง

จนกระทั่งเสียงหอนดังของลูกหมาป่าดังมา ซูสุ่ยเลี่ยนจึงคิดว่าน่าจะได้เวลาทำอาหารเช้าแล้ว

นางยันกายแสนปวดเมื่อยขึ้น ก่อนจะพบกว่าชุดตัวในสีชมพูตัวเดิมถูกเปลี่ยนเป็นชุดสีขาว เหมือนชำระกายแล้ว ทำเอารู้สึกสบายตัว แต่ก็ยังแอบปวดเมื่อยอยู่ หากสภาพร่างกายไม่ได้มีรอยแดงเป็นจ้ำ นางยังคิดว่าตนเองฝันเรื่องเช่นนั้นเข้าแล้ว

มือคว้ากระโปรงสองชิ้นสีแสดที่วางเรียบร้อยไว้ปลายเตียงขึ้นมาสวมเสร็จ ก็หันไปพับผ้าห่มเป็นแนวยาววางไว้ที่ปลายเตียง จัดหมอนให้เรียบร้อยก่อนคิดจะจัดผ้าปูที่นอน เอ๋ คือว่า…ผ้าขาวมีรอยเปื้อน? ซูสุ่ยเลี่ยนหาอยู่หลายรอบก็หาไม่พบ คิดแล้วเป็นไปได้มากว่าถูกหลินซือเย่าเอาไปแล้ว นางอดหน้าแดงก่ำไม่ได้

นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งค่อยๆ ลูบสองแก้มที่ยังคงแดงของตนเอง พยายามตั้งสติให้นิ่งสักหน่อย จากวันนี้ไปนางคือภรรยาเขา คิดถึงคำนี้แล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้

หลายวันก่อนไปเรียนรู้มวยผมทรงสตรีหลังแต่งงานมาจากนางเถียน ปักปิ่นหยกขาวที่หลินซือเย่าใช้แหวนหยกตนเองแลกมา พร้อมกับต่างหูหยกขาว มวยผมสูงแบบสตรีออกเรือนแล้วจะไม่มีปอยผมทิ้งข้างใบหูอีก ผมทรงนี้ทำให้ต่างหูหยกขาวที่นางสวมดูขาวส่องประกายมากยิ่งขึ้น

นางลุกขึ้นจัดแต่งกระดุมเสื้อตัวบนให้เรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะเลิกม่านประตูเดินออกไปนอกห้อง เสี่ยวเสวี่ยเห็นเจ้านายออกมาก็ร้อง โบร๋ว โบร๋ว โบร๋ว โดดวนไปมาบนพื้นเอาใจเจ้านาย ทำเอาซูสุ่ยเลี่ยนหัวเราะไม่หยุด “เสี่ยวเสวี่ย ทำไมมีเจ้าตัวเดียวล่ะ” อาเย่ากับเสี่ยวฉุนล่ะ?”

เสี่ยวเสวี่ยส่งเสียงงึดๆ สองสามเสียงราวกับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ซูสุ่ยเลี่ยนหัวเราะลูบหัวมันว่า “เอาละๆ อย่างนั้นเสี่ยวเสวี่ยไปทำอาหารเป็นเพื่อนข้าแล้วกัน ดีไหม”

ลูกหมาป่าได้ยินว่าอาหาร ก็รีบกระโดดไปด้านหน้าซูสุ่ยเลี่ยนนำไปห้องครัวทันที

ซูสุ่ยเลี่ยนส่ายหน้าขำ ลูกหมาป่าสองตัวช่างรู้ภาษาจริง ก็ไม่รู้ว่าอาเย่าพาเสี่ยวฉุนไปไหน คิดไปคิดมา ก็เดินตามเสี่ยวเสวี่ยไปยังห้องครัว

เอ๋? อาเย่าต้มโจ๊กไว้หรือ ซูสุ่ยเลี่ยนเปิดฝาหม้อที่เตา ในนั้นมีโจ๊กข้าวขาวร้อนๆ อยู่ ข้างๆ ยังมีซาลาเปาม้วนและหมั่นโถวนึ่งร้อนในเข่งนึ่ง

นี่คือ? ซูสุ่ยเลี่ยนกะพริบตาปริบๆ พวกนี้ล้วนเป็นฝีมืออาเย่าหรือ? นางจำได้ว่าเขาเคยบอกว่าไม่เชี่ยวชาญงานครัวนี่ หรือว่า…ขณะกำลังคิดก็เห็นเสี่ยวเสวี่ยวิ่งออกไปจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว ดูท่าทางตื่นๆ ของมันแล้ว น่าจะเสี่ยวฉุนกลับมาแล้ว อย่างนั้นอาเย่าก็…

ซูสุ่ยเลี่ยนรีบก้าวออกจากห้องครัว เห็นหลินซือเย่าในชุดสีเขียวหม่นที่สวมปกติ ในมือมีพวงสัตว์ป่าห้อยหัวมาพวงหนึ่ง มีเสี่ยวฉุนเดินตามมาด้านหลังด้วยท่าทางภาคภูมิ เดินผ่านประตูหน้าสีแดงชาดเข้ามาอย่างสบายอารมณ์

หลินซือเย่าเข้ามาถึงก็กวาดตามองเห็นร่างบางที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องครัว อมยิ้มมองภรรยาหมาดๆ ของตนเอง มุมปากอดแย้มยกไม่ได้

“อาเย่า…เจ้าพาเสี่ยวฉุนไปล่าสัตว์หรือ” พอหลินซือเย่าโยนพวงสัตว์ป่าที่ล่ามากองไว้ที่ลานหน้าบ้านแล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนก็พบว่าเป็นพวกกระต่ายป่าและไก่ป่าที่ยังดิ้นดุกดิก ยังไม่ตาย

หลินซือเย่าส่ายหน้ารับกะละมังล้างมือจากมือนางวางลงบนพื้นศิลาชิงจวนก่อนจะล้างมือให้สะอาด “ข้าเพียงแต่พามันออกไปฝึกฝน พวกนี้…” หลินซือเย่าชี้ไปที่กองสัตว์ป่า ยิ้มบางอธิบายว่า “เป็นความชอบของมันเอง”

“เสี่ยวฉุน? อา อา…มันคิดจะกินเนื้อใช่ไหม” ซูสุ่ยเลี่ยนยองลงนั่งลูบหัวเสี่ยวฉุนนึกขำ ปล่อยให้มันเอาหัวถูไถท่อนแขนนาง นึกถึงอาหารร้อนๆ ในครัวก็ก้มหน้าถามเบาๆ อย่างรู้สึกเขินว่า “เจ้า…ตื่นเช้ามากใช่ไหม อาหารเช้าล้วนเป็นเจ้า…”

หลินซือเย่าล้างหน้าเช็ดมือสะอาดแล้วก็ดึงนางลุกขึ้น ประคองเดินมาพลางกระซิบเบาๆ ว่า “อาหารเป็นป้าเหลานำมา เห็นเจ้ายังไม่ตื่นก็กลับไป ส่วนข้า เอ่อ…จากนั้นข้าก็ไม่ได้นอนต่อ…”

ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็หน้าแดงลามไปถึงลำคอ ก้มหน้าลงงุดต่ำยิ่งกว่าเดิม ทำเอาหลินซือเย่าหัวเราะเบาๆ ขึ้นข้างหูนางจนหน้าอกกระเพื่อมเบาๆ นางจึงได้เงยหน้าขึ้นมองเขาท่าทางเขินอายจนกลายเป็นโมโหแทน แต่กลับสบเข้ากับแววตาแสนอ่อนโยนราวกับสายน้ำของเขาพอดี

“สุ่ยเลี่ยน…” หลินซือเย่ากระซิบเรียกแผ่วเบา จากนั้นก็ขโมยจุมพิตนางทีหนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางปล่อยนาง “ไปล้างหน้าบ้วนปากก่อน ป้าเหลาใกล้จะมาแล้ว”

ซูสุ่ยเลี่ยนจึงได้พบว่าตนเองตื่นนอนมายังไม่ได้ล้างหน้าบ้วนปาก ก็รู้สึกอายพานโมโห ถลึงตาใส่หลินซือเย่าก่อนจะรีบหนีเข้าห้องครัวไป เขาลูบจมูกนึกขำ

……

ซูสุ่ยเลี่ยนเพิ่งล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ ป้าเหลาก็ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางร้อนใจ

ซูสุ่ยเลี่ยนมองไปทางหลินซือเย่าอย่างนึกสงสัย ในใจคิดว่าคนมีวรยุทธ์หูดี ป้าเหลาเพิ่งออกจากบ้าน เขาก็รู้แล้วหรือ

หลินซือเย่าตักโจ๊กมาให้นางชามหนึ่ง วางรอให้เย็นตรงหน้านาง ยังคีบซาลาเปาม้วนใหม่ๆ มาให้นางกินไปก่อน เห็นท่าทางนางเช่นนี้ก็รู้สึกขำ การได้ยินของเขาไม่เลวก็จริง แต่คงไม่ขนาดนี้ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ป้าเหลาบอกไว้แล้วว่าจะมาอีกทีหลังอาหารเช้า จึงเดาว่าใกล้จะมาแล้วก็เท่านั้น

หลินซือเย่าตอนนี้ไม่ได้ระวังตัวตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อนตอนเป็นนักฆ่าแล้ว หลังจากผ่านเมื่อวานมาก็ยิ่งมุ่งมั่นในการใช้ชีวิตแบบชายชาวเมืองฝานฮัว หากงานเลี้ยงไม่ได้ถูกพวกชาวบ้านคิดมอมสุราจนรับมือไม่ไหวต้องใช้พลังภายในขับออกแล้ว เวลาอื่นเขาแทบไม่ได้นึกถึงสถานะเมื่อก่อนของตนเลยจริงๆ

แน่นอนว่านอกจากภารกิจยามเช้าพาเสี่ยวฉุนออกไปฝึกกำลังละแวกเขาใกล้ๆ เขาคิดฝึกลูกหมาป่าสองตัวนี้ให้ดี ไม่อย่างนั้นลูกหมาป่าที่สูญเสียสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่าไปก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัขบ้าน จะปกป้องบ้านน้อยของเขาและซูสุ่ยเลี่ยนได้อย่างไร ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าทุกเช้าจะให้พวกมันสองตัวผลัดกันออกไปฝึกวิถีในป่ากับเขา

ส่วนสัตว์ป่าพวกนี้ก็เป็นเสี่ยวฉุนไปล่ามาจากในป่ารอบๆ เอง ตนเองเพียงแต่ยืนบนยอดไผ่คิดอะไรอยู่ชั่วยามหนึ่ง ยืนตากลมที่พัดสอบมาจากหุบเขาอยู่บนที่สูงเป็นนาน ก่อนจะได้สติคืนมา ดูท้องฟ้าสายมากแล้วก็ตามเสี่ยวฉุนกลับ