บทที่ 36 เป็นเธอนี่เอง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“นั่นสิ ดังนั้นหม่ามี๊เลยต้องให้เด็กน้อยอารัณมาช่วยไงล่ะ” วารุณีจับแก้มน่ารักน่าชังของเขา

แต่มองๆ ไป แววตาก็มีความสับสนขึ้นมา

จู่ๆ เธอก็พบว่าเด็กคนนี้เหมือนนัทธียังไม่พอ แต่ขนาดท่าทีเวลาโกรธ ยังเหมือนนัทธีเป็นอย่างมาก มันน่าแปลกใจจริงๆ เลย

“โอเค หนูจะหาคนที่แกล้งหม่ามี๊มาให้ได้!” อารัณกำหมัดเพื่อเป็นการรับประกัน

วารุณีจุ๊บเขา “หม่ามี๊ต้องขอบใจลูกมากนะ”

“หม่ามี๊ ไอริณเองก็อยากได้จุ๊บๆ ด้วย” ไอริณเห็นพี่ถูกจุ๊บ แต่ตัวเองไม่ถูกจุ๊บ เลยไม่พอใจ ก่อนจะเบ้ปากขึ้นมา

วารุณีปล่อยอารัณออกอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนจะเอาแก้มของไอริณมาจุ๊บ “ตอนนี้พอใจหรือยัง เจ้าหญิงไอริณของฉัน?”

ไอริณไม่ได้ตอบ ก่อนจะบิดตัวไปมา ก่อนจะเอาหน้าซุกเข้าไปในอ้อมกอดของวารุณี

อารัณชี้ไปทางไอริณพลางยิ้มให้ “หม่ามี๊ คุณบอกว่าไอริณเป็นเจ้าหญิง ไอริณเขินแล้วนะ”

“ชู่!” เมื่อรู้สึกว่าลูกสาวในอ้อมกอดนิ่งไป วารุณีเลยรีบทำท่าให้อารัณเงียบ เพื่อไม่ให้เขาพูดอะไร

ถ้ายังพูดต่อไปอีก เด็กคนนี้คงไม่กล้าออกมาเจอหน้าใครอีก

อารัณเองก็ฉลาดเป็นอย่างมาก เลยรีบพยักหน้า โดยที่ไม่พูดอะไร

เพียงไม่นาน ก็ถึงที่พักแล้ว

อารัณเปลี่ยนรองเท้าก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้อง

วารุณีหยิบของเล่นออกมา ก่อนจะให้ไอริณเล่นอยู่ที่พรม จากนั้นก็ยกแก้วนมไปหาอารัณที่ห้อง

อารัณกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ก่อนจะตั้งใจเคาะแป้นพิมพ์

วารุณีไม่ได้เรียกเขา แต่หลังจากที่ค่อยๆ เอาแก้วนมวางลงเบาๆ ก็ยืนอยู่ข้างหลังเด็กคนนี้ ก่อนจะมองหน้าจอพร้อมกับเด็กคนนี้

บนหน้าจอมีตัวเลขมากมายในตอนนี้ เต็มไปหมด แถมตอนนี้ยังกะพริบไปมา จนทำให้ตาลายอีกด้วย

ถึงวารุณีจะอ่านไม่ออก แต่กลับรู้สึกถึงความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

เมื่อปีก่อน เธอพาเด็กทั้งสองคนไปบ้านอาจารย์ ลูกชายของอาจารย์ พบว่าอารัณมีพรสวรรค์ เลยสอนการแฮ็กให้กับอารัณ

ภายในเวลาสั้นๆ อารัณก็กลายเป็นนักแฮ็กมือฉมังแล้ว

แต่เธอเป็นห่วงว่าอารัณยังเด็กอยู่ กลัวจะถูกคนใช้ให้ทำเรื่องอะไรที่ไม่ดี ดังนั้นเลยไม่ให้อารัณใช้การแฮ็กนี้เลย

ระหว่างที่คิดนั้น อารัณหยุดลง ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าจริงจัง “หม่ามี๊ เจอแล้ว กล้องวงจรปิดของบริษัทมีร่องรอยการถูกคนตัดต่อจริงๆ ด้วย”

“เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย!” วารุณีโกรธจนเบะปาก

เธอก็ว่าอยู่ ว่าไม่มีใครมาแตะต้องบริเวณโต๊ะทำงานของเธอ แต่แบบร่างของเธอกลับหายไปได้อย่างไร ต้องเป็นเพราะปัญหาของกล้องวงจรปิดแน่เลย

“เด็กน้อย ยังสามารถกู้คืนภาพกล้องวงจรปิดได้ไหม?” วารุณีถาม

อารัณวางนมในมือลง ก่อนจะเลียที่นมที่เลอะขอบปาก พลางพูดด้วยความมั่นใจ “ได้อยู่แล้ว คอยดูนะ!”

พูดไป เขาก็วางมือกลับไปที่แป้นพิมพ์ แล้วก็พิมพ์อย่างคล่องแคล่ว ด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างมาก

จากนั้นราวสองนาที อารัณก็กดเสร็จสิ้น “เสร็จแล้ว!”

วารุณีรีบปรี่เข้าไปด้านหน้าของหน้าจอ ก่อนจะมองด้วยความจริงจัง

หลังจากที่ดูแล้ว เธอก็เบิกตาโพลงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เป็นเธอนี่เอง!”

“หม่ามี๊ เธอเป็นใครเหรอ?” อารัณชี้ไปทางผู้หญิงบนหน้าจอ พลางถามด้วยความหนักใจ

วารุณีหลับตาลงด้วยความรู้สึกไม่ดี หลังจากที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ในแววตาก็เหลือเพียงความเย็นชา “เธอเป็นเพื่อนร่วมงานของหม่ามี๊เอง และก็เป็นรุ่นพี่ด้วย ปกติดีกับหม่ามี๊มากเลยนะ หม่ามี๊คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ!”

“แล้วเธอออกแบบได้ดีหรือเปล่า?” อารัณสงสัย

ถึงวารุณีจะไม่รู้ว่าเขาถามทำไม แต่ก็ตอบ “เอาจริงๆ ก็ธรรมดานะ ไม่อย่างนั้นอายุขนาดนี้แล้วคงจะได้เป็นหัวหน้าของทีมออกแบบแล้วล่ะ”

“งั้นฉันรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้ ต้องเป็นเพราะอิจฉาหม่ามี๊แน่นอน ถึงอย่างไรหม่ามี๊ก็เก่งมากขนาดนี้ ไม่แปลกเลยที่จะได้เจอคนอิจฉา” อารัณเอนคอไปมา พลางพูดออกมาอย่างจริงจัง

วารุณียิ้มขึ้นเบาๆ ตอนที่กำลังจะพูด ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาพอดี เป็นสายของนักสืบโทรมา “คุณพิชญา ผลที่คุณให้พวกเราตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้ว น่าเสียดาย ที่พวกเราไม่เจอลายนิ้วมือของคนอื่นบนเมาส์กับคอมพิวเตอร์เลย นอกจากคุณเอง”

“ขอบคุณมาก ฉันรู้แล้วล่ะ” วารุณีกวาดตามองคลิปกล้องวงจรปิดพลางตอบ

เธอเพิ่งจะเห็นในกล้องวงจรปิด คนที่ทำนั้น ใส่ถุงมือด้วย

ถึงจะไม่มีรอยนิ้วมือ แต่คลิปกล้องวงจรปิด เองก็เพียงพอที่จะจับคนร้ายได้แล้ว

หลังจากที่วางสายไป วารุณีหยิบไดรฟ์ส่งให้อารัณ ให้เขาคัดลอกคลิปของกล้องวงจรปิดมา

เมื่อคัดลอกไปได้ครึ่งหนึ่ง สาวน้อยก็มาเคาะประตูอยู่ด้านนอก “หม่ามี๊ พ่อมาแล้ว”

“พ่อบุญธรรมมาแล้วเหรอ?” อารัณตาเป็นประกาย ก่อนจะรีบปีนลงจากเก้าอี้แล้วออกจากห้องไป

วารุณีกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ

เด็กคนนี้เป็นอะไรนะ?

ปกติพงศกรมา ก็ไม่เคยเห็นเขาตื่นเต้นขนาดนี้

หรือว่าพงศกรซื้ออะไรให้ลูกงั้นเหรอ?

คิดไป วารุณีก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะลุกขึ้นไปด้วย เมื่อออกไปก็เห็นพงศกรส่งซองเอกสารให้อารัณ

“อารัณ นั่นคืออะไรเหรอ?” วารุณีมองซองเอกสารในมือของอารัณ ก่อนจะถามพลางยิ้มเล็กๆ

อารัณรีบซ่อนซองเอกสารไว้ด้านหลัง “นี่คือการ์ดวิวสวยๆ ที่ฉันให้พ่อบุญธรรมช่วยเก็บรวบรวมให้ พรุ่งนี้หนูจะเอาไปให้เพื่อนที่โรงเรียนอนุบาลดู”

“งั้นเหรอ?” วารุณีมองพงศกรด้วยความสงสัย

พงศกรดันแว่นขึ้น ก่อนจะยิ้มด้วยความอ่อนโยน “เขาพูดถูกแล้วล่ะ”

“งั้นก็ดี หม่ามี๊ไม่ถามแล้ว คุณอยู่เป็นเพื่อนพ่อบุญธรรมก่อน เดี๋ยวหม่ามี๊ไปทำกับข้าวนะ” วารุณีเห็นเขาพูดขนาดนี้แล้ว เลยไม่สงสัยอีก ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัว

ไอริณเดินตามหลังไป บอกว่าอยากจะช่วย

ในห้องนั่งเล่นเลยเหลือเพียงอารัณกับพงศกร

อารัณเปิดซองเอกสารดู ผลที่ออกมา ดวงตาเป็นประกายก็หายไป พลางพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “พ่อบุญธรรม คุณอานัทธีไม่ใช่พ่อของหนูกับไอริณจริงๆ เหรอ?”

“ไม่ใช่!” พงศกรส่ายหัว

อารัณเอาผลเก็บใส่ซองเอกสาร ก่อนจะถอนหายใจออกมาราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย “ดูเหมือนขนาดนั้น จะไม่ใช่ได้อย่างไรกัน”

พงศกรมีความแววตามืดมน “หนูหวังว่าเขาจะเป็นพ่อของหนูเหรอ?”

“นิดหน่อย คุณอานัทธีดีกับหนูกับไอริณมาก แล้วหนูกับไอริณเองก็ชอบเขา แต่ตอนนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะเขาไม่ใช่พ่อของพวกเรา หนูต้องรีบเก็บมันแล้ว ถ้าหม่ามี๊มาเห็นคงซวย”

เมื่อพูดจบ อารัณก็กอดซองเอกสาร ก่อนจะวิ่งกลับเข้าห้องไป

พงศกรมองเงาน้อยๆ ของเขา มุมปากก็ยิ้มขึ้นด้วยความร้ายกาจแบบแปลกๆขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หายไป พลางเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยน

เช้าตรู่ วารุณีหยิบไดรฟ์ไปที่ห้องทำงานของนัทธี “ประธานนัทธี ฉันรู้แล้วว่าแบบร่างของฉันถูกใครขโมยไป”

“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?” นัทธีเลิกคิ้วขึ้น

วารุณีพยักหน้า ก่อนจะเอาไดรฟ์วางลงตรงหน้าของเขา “นี่เป็นคลิปกล้องวงจรปิดของห้องทำงานใหญ่ เมื่อวานพวกเราดูที่ห้องกล้องวงจรปิด มันถูกคนตัดต่อ ในมือของฉันเป็นของจริง ดังนั้นฉันเลยอยากให้ประธานนัทธีไปที่แผนกออกแบบกับฉันหน่อย”

“ได้เลย ลูกน้องของฉันทำผิด ฉันต้องออกหน้าเอง” นัทธีจัดแจงเสื้อผ้าก่อนจะลุกขึ้นมา

วารุณียิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณ จากนั้นก็ออกจากห้องทำงานไปกับเขา

ติ๊ง!

ลิฟต์มาถึงแล้ว

วารุณีเดินขึ้นไปข้างหน้า แต่คิดไม่ถึงว่าเพราะรีบเดิน เลยทำให้เท้าไปชนกับซอกประตูของลิฟต์ เลยล้มไปอย่างควบคุมไม่ได้

นัทธีเห็นดังนั้น ก็มีแววตานิ่งไป ก่อนจะยื่นมือไปดึงเธอเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว

แต่เขาไม่เพียงดึงเธอไว้ไม่ได้ แต่ยังถูกเธอดึงลงไปด้วย

ทั้งสองคนล้มเข้าไปในลิฟต์ จากนั้นประตูลิฟต์ก็ปิดลง