ตอนที่ 66 ผู้กล้าคนก่อนได้ตัดสินใจ

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

ตามที่พี่สาวเซ็นทอร์( ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้นำกลุ่ม ) กล่าวออกมา เพราะเด็กๆหลาย 10 คนหายไปในช่วง 2-3 อาทิตย์นี้ และเมื่อเขาออกตรวจสอบ พวกเขาก็พบว่าพวกพ่อค้าเผ่ามนุษย์กำลังขายเหล่าเด็กๆเซ็นทอร์ไปเป็นทาส 

เธอกล่าวว่าแม้ว่าพวกเธอจะสามารถช่วยเหลือกลับมาได้หลายคนแล้ว แต่มันยังมีอีกจำนวนมากที่กำลังจะตกกลายเป็นทาส

ยิ่งกว่านั้น พวกเธออยู่ในสถานการณ์จนปัญญาไม่รู้จะไปทางไหนต่อดี

อาจเพราะพวกเธอกำลังร้อนรน พวกเธอจึงพยายามที่จะตรวจสอบทุกๆกลุ่มพ่อค้าโดยวิธีการที่หยาบคายไปหน่อย

ธนูและลูกธนูของเด็กสาวเซ็นทอร์( ที่หนองโพของเธอโครตใหญ่ ) ที่กำลังจะยิงนั้นเพียงแค่ต้องการเช็คและแจ้งเตือน

ผมเข้าใจล่ะ เพราะมันไม่ใช่เพียงแค่ 1 หรือ 2 คน ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่ถูกจับตัวไปยังเป็นเด็กๆ . . . มันจึงไม่แปลกใจเลยที่พวกเธอจะลงมือโดยไม่พิจารณาให้ดีเสียก่อน

ขณะกำลังนั่งราวกับม้า ( . . . เอ่อคือ จริงๆมันก็เพราะครึ่งท่อนล่างของเธอเป็นม้า ) ภายในเต๊นท์ หญิงที่เป็นผู้นำกลุ่มอธิบายออกมาแก่ผมและเหล่าพ่อค้าคนอื่นด้วย

[ ข้าเสียใจด้วย แต่พวกเราไม่ได้ขายทาส อย่างที่เห็น พวกเรามีแต่สินค้าทั่วๆไป ]

ตาลุงกล่าวออกมาเช่นนั้น แต่ดูเหมือนเหล่าเซ็นทอร์จะไม่เชื่อคำพูดเหล่านั้น

[ ลุงครับ ถ้าหากไม่มีปัญหาอะไร ผมคิดว่าควรจะให้พวกเขาตรวจสอบโดยทั่วจะดีกว่านะครับ ]

[ จริงๆข้าก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ แต่ ข้ากังวลว่าสินค้าที่พวกข้าขนมามันอาจจะเกิดความเสียหายขึ้นมาได้น่ะสิ ]

[ ผมจะเป็นคนดูแลให้เองครับ ]

เมื่อผมกล่าวออกมาพลางลุกขึ้น เหล่าเซ็นทอร์ทั้งหมดก็ลุกขึ้นพร้อมกันและจ้องเขม็งมายังผม

พ , พวกคุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังถึงขีดสุดขนาดนั้นก็ได้ . . .  

เอาจริงๆนะ แบบนี้ผมรู้สึกเจ็บแปร็บขึ้นมาเลย

โดยเฉพาะ น้องสาวเซ็นทอร์ตัวน้อยนั้นจ้องผมราวกับผมเป็นศัตรูของพ่อแม่เธอ

ถึงผมจะเคยรับสายตาแบบนี้ แต่ว่า สำหรับผมมันก็ทำให้ผมเจ็บปวด~จริงๆนะ

ท่ามกลางสายฝนที่เริ่มอ่อนลง เหล่าเซ็นทอร์ก็ออกตรวจทั้งกองคาราวาน

—————

หากจะพูดกันถึงผลลัพของมัน แน่นอนว่าภายในกองคาราวานนี้มันไม่มีเหล่าเซ็นทอร์ถูกจับตัวมาแต่อย่างใด และยิ่งกว่านั้น มันไม่มีทาสใดๆเลย

[ . . .  พวกข้าขอโทษจริงๆ ]

หลังจากที่เหล่าเซ็นทอร์เสร็จจากการตรวจตรากองคาราวานพวกเขาก็ก็กล่าวคำขอโทษออกมา

[ อ่าา พวกเราก็ไม่ได้ติดใจอะไรหรอกนะ . . . ใช่รึปล่าวพวกเรา ? ]

[ ใช่ๆ ยิ่งกว่านั้น มันน่าสงสารออก ]

จากความจริงที่เหล่าเซ็นทอร์ผู้ที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตนได้ยอมรับความผิดพลาดและกล่าวขอโทษออกมา สำหรับเหล่าตาลุงพ่อค้า พวกเขาต่างรู้สึกผิดเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ติดใจเอาความในความผิดของเหล่าเซ็นทอร์

[ ถ้าหากเป็นเรื่องของทาส พวกเธอรู้รึปล่าว บางที่พวกเด็กๆอาจจะอยู่ที่เมือง [Be Io ] ไม่ก็ [Oltaine ] ก็ได้ ? ]

ในตอนที่ 1 ในกลุ่มพ่อค้ากล่าวความคิดของเขาออกมา แววตาของเหล่าเซ็นทอร์ก็ได้เปลี่ยนไป 

[ นั้นเรื่องจริงรึ!? ]

[ ข้าก็ไม่แน่ใจนัก มันแค่ ที่นั้นมีตลาดค้าทาสที่อยู่ใต้ดิน มันเป็นตลาดค้าทาสขนาดใหญ่ที่ค้าขายทาสอย่างมากมาย และการขนส่งทางทะเลนั้นถูกใช้ในการขนย้ายเหล่าทาสทีละมากๆ ดังนั้นพวกเขาจึงเปิดตลาดค้าขายทาสกันในเมืองเช่นเมืองท่า ]

จากคำพูดของตาลุง ราวกับการค้นพบความหวังอีกครั้ง ผู้นำกลุ่มเซ็นทอร์ถึงกับเผยรอยยิ้มแห่งความโล่งใจออกมา

อร่าา เธอช่างน่ารักจริงๆ~~~

[ เดี่ยวนะ อะไรคือเมือง Oltaine ? ]

[ มันคือเมืองท่าที่นายจะเจอมันทันทีถ้าหากมุ่งตรงขึ้นมาจากเมืองลิสวาเดีย เดี่ยวนะ มาคิดๆดูแล้ว ทำไมนายถึงไม่มุ่งตรงไปที่เมืองนั้นเลยล่ะ ? คือข้าหมายถึง ทำไมต้องไปเมือง Be Io ที่นายจะต้องข้ามภูเขาและไกลกว่าเห็นๆ ]

ในตอนที่ผมถามออกมา พ่อค้าคนนึงรูปร่างผอมๆตอบกลับมาพร้อมกับถามกลับมาเช่นกัน

[ คือผมต้องไปส่งของน่ะครับ คุณผู้นำกลุ่ม เกี่ยวกับเรื่องลักพาตัว  ให้ผมช่วยพวกเธอจะได้รึปล่าว? ]

[ อะไรนะ? ]

ตอนที่ผมเริ่มพูกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านผู้นำกลุ่มเซ็นทอร์ซัง . . . 

เอ่อ มันยาวไปแหะ

[ เอ่อ คุณชื่ออะไรครับ ? ]

[ ข้าชื่อ อิเระ ]

อิเระซัง สินะ

ในตอนที่ผมเริ่มพูด อิเระซังจ้องมาที่ผมด้วยใบหน้าที่คลุมเครือ

ไอ้ใบหน้าคลุมเครือนั้นให้ความรู้สึกราวกับต้องการจะถามว่า “ทำไม?”

[ ผมกำลังมุ่งตรงไปยังเมือง Be Io จุดประสงค์จริงๆของผมคือการเข้าพบกันผู้ดูแลเมืองเพื่อส่งมอบสิ่งของบางอย่างเพื่อแลกกับการอำนวยความสะดวกเรื่องเรือและที่นั่ง แต่ว่า ตอนนี้ผมได้เข้าใจสถานการณ์ต่างๆแล้ว ผมเลยคิดว่า มันไม่จำเป็นสำหรับผมที่จะต้องรีบออกเดินทาง เพราะถ้าหากผมสามารถช่วยได้ ผมก็อยากที่จะช่วย ]

ถึงผมจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในเรื่องนี้เลยซักนิด แต่ว่า กรณีนี้ มันก็เป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถที่จะเพิกเฉยได้

ไม่ใช่เพราะในฐานะผู้กล้า 

แต่ว่าในฐานะของมนุษย์คนหนึ่ง