ตอนที่ 43 เสียงกระดิ่ง

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 43 เสียงกระดิ่ง

คำพูดของเจียงจั้นทำให้เฝิงเหล่าฮูหยินถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ในตอนนี้มีหลิวเซียนกูอยู่ นางเลยจำเป็นต้องอดกลั้นความรู้สึกนั้นเอาไว้แล้วมองค้อนไปที่เจียงอันเฉิง

เจียงอันเฉิงได้แต่เอามือลูบจมูก

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา เขาไม่รู้จักเจ้าเด็กเวรนี่

“เซียนกู เชิญท่านเริ่มพิธีเถิด” เฝิงเหล่าฮูหยินพูดเสียงหนักแน่น

หลิวเซียนกูพยักหน้า สายตามองไปยังน้ำบอกเวลาพลางเริ่มหลับตาเดินวนรอบโต๊ะพิธี

ทุกคนต่างรวบรวมสมาธิพร้อมกับจิตตั้งมั่น บัดนี้มีเพียงเสียงคำพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์และเสียงใบไม้ของต้นเซียงชุนที่ถูกลมพัดเท่านั้น

หลิวเซียนกูที่เดินวนรอบโต๊ะพิธีครั้งแล้วครั้งเล่า

วันนี้นางสวมชุดจีนทรงใหญ่ ปลายชุดสะบัดปลิวตามจังหวะที่ย่างก้าว เจียงซื่อที่มองจังหวะเดินอันแสนยุ่งเหยิงของคนตรงหน้าก็พบว่าท่วงท่านั่นทำให้คนที่เห็นต่างกลับแสดงความเคร่งขรึมจริงจังออกมาได้

ในขณะนั้นเจียงจั้นแอบดึงเจียงซื่อเบาๆ “เซียนกูผู้นี้เดินวนจนข้าเวียนหัวไปหมดแล้ว น้องสี่เจ้ายังสบายดีอยู่หรือไม่”

เนื่องจากมีน้องๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยกัน เจียงจั้นจึงยอมสงบเงียบไป มีเพียงเจียงชังที่คอยสอดส่องมองดูคนอื่นๆ โดยรอบ

“ข้าสบายดี” เจียงซื่อยิ้มแสยะ ในใจกลับอยากจะลองต่อยพี่ชายดูสักหมัดเสียจริง

ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังตึ้น ตามด้วยเสียงกระดิ่งแหลม ทำให้เกิดเป็นจุดสนใจของทุกคน

เจียงซื่อเหยียบเท้าเจียงจั้นพลางพูดด้วยความไม่พอใจ “พี่รอง อยู่เงียบๆ ไม่เป็นหรือไง”

“เขาห้ามพูดด้วยหรือนี่” เจียงจั้นกระซิบพูด

“เพราะว่าเด็กหนุ่มนิ่งเงียบสุขุมมักจะเป็นที่รักมากกว่าเสมอ”

อะแฮ่ม เจียงจั้นทำท่ากระแอมไอออกมา พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “น้องสี่ช่างไม่รู้อะไร แท้จริงแล้วข้าเป็นคนพูดน้อยจะตายไป”

“นี่…” จู่ๆ ก็มีเสียงอุทานหนึ่งดังขึ้น

เจียงซื่อเลิกสนใจเขา แล้วหันไปมองหลิวเซียนกูที่กำลังทำพิธีต่อ

บนกระถางธูปที่ไม่รู้ว่าปักธูปไปตอนไหน ตามด้วยเสียงกระดิ่งดังตามมาติดๆ แต่แล้วควันสีขาวบนธูปที่ถูกจุด จู่ๆ ก็พลันเปลี่ยนสีดำ

ควันสีขาวอยู่ดีๆ เหตุใดถึงเปลี่ยนเป็นสีดำไปได้

ในมือหลิวเซียนกูสั่นกระดิ่งเร็วขึ้น เสียงกระดิ่งที่ถูกเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นนั้นตามควันธูปที่แปรเปลี่ยนเป็นสีดำ ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนต่างตกใจกลัวขึ้นมา

ขณะนี้ เสียงกระดิ่งได้หยุดลงแล้ว

ใจของทุกคนราวกับร่วงหล่นไปอยู่ที่พื้น

“ดูนั่น…” เจียงเชี่ยนชี้นิ้วไปยังด้านหน้าแล้วนิ่งค้างไป

ควันดำบนธูปยาวที่ถูกจุดนั้นราวกับมีชีวิต พวกมันรวมกันเป็นกลุ่มก้อนพลางลอยไปยังทิศทางหนึ่ง

ทิศทางนั้น เป็นทิศทางที่เจียงซื่อยืนอยู่

จู่ๆ ก็มีเงาดำลอยอยู่เหนือหัวพวกเด็กๆ ที่ยืนอยู่บริเวณนั้น

ใครๆ ต่างก็รู้ว่าควันดำที่ลอยไปทางพวกเขานั้น ต้องไม่ใช่ลางดีแน่

เจียงซื่อพยักหน้าเล็กน้อย

ต้องบอกว่าหลิวเซียนกูผู้นี้มีลูกเล่นมากมายเสียจริง

หลิวเซียนกูใช้มือลูบกระดิ่ง พลางมองไปยังเฝิงเหล่าฮูหยิน

และเฝิงเหล่าฮูหยินดูเหมือนเข้าใจในท่าทีของอีกฝ่าย จึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ในที่แห่งนี้ไม่มีคนนอก เซียนกูเจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาตรงๆ ได้”

หลิวเซียนกูริมฝีปากสั่นเล็กน้อย “ท่านเหล่าฮูหยิน สิ่งชั่วร้ายที่ทำร้ายท่านนั้นเป็นคนใดคนหนึ่งที่อยู่ที่นี่!”

นอกจากใบหน้าเรียบนิ่งของเจียงซื่อแล้ว ในขณะที่ใบหน้าของคนอื่นเผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก เจียงจั้นอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้น “พูดจาเหลวไหล!”

ใบบรรดารุ่นหลาน เจียงจั้นมีนิสัยตรงไปตรงมาที่สุด เพราะเหตุนี้เลยทำให้เฝิงเหล่าฮูหยินไม่ชอบเขา

“หุบปาก!” เฝิงเหล่าฮูหยินแทบอยากจะไล่เจียงจั้นออกไปจากตรงนี้

“หุบปากก็หุบปาก ไร้สาระเสียจริง” ครั้นเห็นเจียงซื่อเบะปากใส่เขาเล็กน้อย เจียงจั้นก็พูดเสียงกระซิบเบาๆ แล้วไม่พูดอะไรต่อ

สายตาของเฝิงเหล่าฮูหยินกวาดมองไปยังเจียงซื่อและคนอื่นๆ แต่กลับไปหยุดชะงักลงที่ตัวเจียงเชี่ยนชั่วขณะ

ทันทีที่รู้สึกตัว จู่ๆ เจียงเชี่ยนก็รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าโดยทันที แม้แต่คนรอบข้างก็มีสายตาที่มองนางเปลี่ยนไป

อย่าได้ตกใจกลัวไป!

เจียงเชี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ เบาๆ

ในนิมิตฝันครั้งนั้น ในใจของท่านย่าก็ดูไม่ได้มีท่าทีสงสัยในตัวนางเลยแม้แต่น้อย

เจียงเชี่ยนเอียงหัวเล็กน้อยพลางมองไปยังเซียวซื่อ เซียวซื่อที่ได้เห็นก็พยักหน้าเล็กน้อยตอบนาง

เจียงเชี่ยนวางใจลง พร้อมกับทำจิตใจให้สงบ

หลิวเซียนกูเป็นผู้ที่ท่านแม่เชิญมา เรื่องราวทั้งหมดท่านแม่ได้จัดแจงไว้หมดแล้ว เพียงรอเวลาที่หลิวเซียนกูชี้ไปที่เจียงจั้น นางก็หมดหน้าที่แล้ว

แววตาเจียงเชี่ยนหันมองไปที่เจียงจั้น ใบหน้าหยิ่งยโสของอีกฝ่ายทำให้นางแอบขำ

นางแทบจะอดทนรอไม่ไหวแล้ว อยากจะเห็นท่าทางของเจียงจั้นเมื่อรู้ว่าเขาคือคนร้ายจะแย่!

งานนี้จะต้องสนุกอย่างแน่นอน

“เซียนกูชี้ออกมาเลยได้หรือไม่ สิ่งชั่วร้ายนั้นอยู่ที่ตัวของใคร” จู่ๆ เฝิงเหล่าฮูหยินถามขึ้น

นางไม่สนว่าจะเป็นใคร ถึงจะเป็นเจียงเชี่ยนหลานสาวอันเป็นที่รัก นางก็ปล่อยไว้ไม่ได้!

หลิวเซียนกูก้าวเดินช้าๆ ไปที่หน้าของเจียงซื่อ บัดนี้สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่นาง ไม่เว้นแม้แต่คนที่ถูกจับตามองก็พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา โดยเฉพาะคุณหนูห้าเจียงลี่ที่มีอุปนิสัยนิสัยขี้ขลาดก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น พร้อมกับร่างที่บอบบางราวกับใบไม้แห้งที่เมื่อต้องลมก็คงจะถูกปลิวพัดไปตาม

“ข้าอยากจะยืนยันว่าสิ่งชั่วร้ายนั้นอยู่ที่ตัวของใคร แต่คงต้องขออนุญาตเหล่าคุณหนูและคุณชาย ขอให้ข้าได้ตรวจสอบทีละคน” หลิวเซียนกูที่วางทางสูงส่งกล่าวขึ้น

“เซียนกูขอร่ายมนต์ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะต้องไล่สิ่งชั่วร้ายนั้นออกไป!” เฝิงเหล่าฮูหยินส่งสัญญาณให้ทุกคนเอ่ยตอบรับ

“เช่นนั้นข้าก็จะเริ่มแล้ว” หลิวเซียนกูพุ่งไปที่เจียงซื่อและคนอื่นๆ

พิธีของนางนั้นเผอิญพุ่งเป้าไปที่เจียงซื่อพอดี แต่ในเวลานั้นกลับไม่มีใครสังเกตเห็น

เจียงซื่อมองหลิวเซียนกูด้วยความสงสัย

ในวันนั้นนางกับหลิวเซียนกูได้ทำข้อตกลงกัน สิ่งที่นางต้องการคืออยากให้ความโชคร้ายนั้นตกไปอยู่ที่เจียงเชี่ยน สำหรับขั้นตอนในพิธี แม้นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเซียนกูต้องนำเรื่องผีสางเทวดามาเกี่ยวข้องด้วย ปล่อยให้เป็นเรื่องศาสตร์มืดก็นับว่าเพียงพอ

แล้วในยามนี้หลิวเซียนกูจะใช้อะไรเพื่อพุ่งเป้าไปที่เจียงเชี่ยนได้ล่ะ

ในขณะที่เจียงซื่อกำลังครุ่นคิด หลิวเซียนกูก็ชูกระดิ่งในมือขึ้นมา

กระดิ่งนั่นทำด้วยทองแดง ดูจากสีแล้วก็พอทราบถึงอายุการใช้งาน ทั้งร่องรอยเก่าแก่บนกระดิ่งนั่น ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอายลึกลับยากจะสัมผัสได้

หลิวเซียนกูสั่นกระดิ่งที่อยู่ในมือ จู่ๆ เสียงกระดิ่งก็พลันดังแหลมขึ้นมาในทันที

ในห้องที่กว้างใหญ่ นอกจากเสียงลมพัดใบไม้แล้ว ก็มีเพียงเสียงของกระดิ่งที่ดังเท่านั้น

หลิวเซียนกูเก็บมือลง พลางมองกระดิ่งอย่างระมัดระวัง “ไม่ทราบว่าท่านเฝิงเหล่าฮูหยินเคยได้ยินเรื่องเล่าที่ว่ามีกระดิ่งชนิดหนึ่งที่จะสั่นให้กับคนที่มีชีวิตได้ยิน แต่เมื่อเจอภูตผี ปีศาจหรือว่าสิ่งชั่วร้ายแล้ว มันจะไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา”

เฝิงเหล่าฮูหยินพยักหน้าช้าๆ “โบราณเขาว่ากันมาเช่นนี้”

หลิวเซียนกูยิ้ม “กระดิ่งของข้าก็คือกระดิ่งประเภทนั้น เรียกว่าติ่งหุนหลิ่ง”

‘ติ่งหุนหลิ่ง’ สิ้นสามคำที่พูดออกมา จู่ๆ เกิดลมกระโชกแรงพัดผ่าน ทำให้ขนแขนของทุกคน ณ ที่นั้นพลันลุกซู่ขึ้นมา

“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะเริ่มแล้ว” หลิวเซียนกูชี้ไปที่คุณหนูห้าเจียงลี่ที่ยืนอยู่ริมสุด “เริ่มจากคุณหนูท่านนี้ก่อนแล้วกัน”

ใบหน้าของเจียงลี่ซีดลง สายตาทุกคนที่จ้องมองมาทำให้นางไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว แล้วค่อยๆ เดินไปทีละก้าวไปตรงหน้าของหลิวเซียนกู

หลิวเซียนกูยกมือขึ้น พร้อมกับกระดิ่งที่อยู่ด้านหน้าของเจียงลี่ เพียงเขย่าเบาๆ เสียงกระดิ่งก็ดังแหลมดังขึ้นมาในทันที

เจียงลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นจึงเดินถอยหลังกลับไปสองก้าว

หลิวเซียนกูเดินมาข้างๆ เจียงลี่ แล้วเดินเลยไปยังคนถัดมา

เสียงกระดิ่งดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ช้าก็ถึงตาของเจียงจั้น

เจียงจั้นพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “รบกวนเร็วหน่อยนะ”

พลางยกกระดิ่งขึ้นมาเขย่า

กริ๊งๆๆๆ

หลิวเซียนกูสีหน้านิ่งเรียบแล้วเดินออกไปจากเจียงจั้น

เจียงเชี่ยนที่ไม่สามารถเก็บซ่อนความงุนงงที่มีไว้ได้ จึงมองไปที่เซียวซื่ออีกครั้ง

เซียวซื่อก็เผยสีหน้าอารมณ์เดียวกันออกมา

แม่ลูกทั้งสองรีบสบตากัน ยังไม่ทันได้คิด หลิวเซียนกูก็ได้เดินมาถึงด้านหน้าของเจียงเชี่ยน แล้วยกกระดิ่งขึ้นมาเขย่าเบาๆ

ในเวลานั้น ฟ้าดินก็สิ้นเสียงลงพร้อมกับกระดิ่งที่ไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา