เช้าตรู่วันที่สิบห้าเดือนแปด ซูสุ่ยเลี่ยนเก็บกวาดห้องนอนเสร็จ กำลังจะเข้าไปช่วยหลินซือเย่าทำอาหารเช้าในครัว

บอกว่าช่วย แต่จริงๆ ก็แค่จัดวางจานชามและตะเกียบ เอาอาหารไปวาง อะไรพวกนี้เท่านั้น หลินซือเย่าแต่ไรมาก็ไม่ยอมให้นางทำครัวจริงๆ ตั้งแต่ขึ้นบ้านใหม่มาถึงตอนนี้ นางเข้าครัวมาแค่ครั้งเดียวและผัดอาหารไปแค่ครั้งเดียว

หรืออาจกล่าวได้ว่า สามวันแรกเพราะช่วยสี่ชุ่ยเร่งปักผ้าลายหงส์เกี้ยวหงส์ นางได้แต่มอบงานบ้านทั้งหมดให้หลินซือเย่าทำไปก่อน แต่ว่าต่อมานางเริ่มพบว่า แม้นางว่าง หลินซือเย่าก็ไม่เคยให้มือนางแตะต้องน้ำ งานง่ายๆ อย่างพวกซักผ้า ล้างผัก หรือว่าซักผ้าห่ม ซักล้างอะไรต่อมิอะไรพวกนั้น…ล้วนเป็นเขารับไปทำคนเดียวหมด

หลายครั้งที่คิดจะปฏิวัติ แต่ก็ถูกสายตาเขาโต้กลับมา

อืม เอาละ กลางวันไม่ได้ อย่างนั้นก็กลางคืนแล้วกัน ตอนพวกนางกำลังพันพัวกันอยู่บนเตียง ลำคอนางแดงอย่างเขินอาย แต่ก็ดึงดันจะให้เขารับปากคำขอของนาง ปรากฏ…ถูกเขากลืนไปในคำเดียวพร้อมกับร่างนาง กินจนเรียบไม่มีเหลือ ยังถูกเขาขู่อีกว่า “พรุ่งนี้ค่อยต่อ?”

ฮือ…เช่นนี้ติดต่อกันสี่คืน ซูสุ่ยเลี่ยนจึงละทิ้งแผนการค่ำคืนที่คิดไว้ในใจ

จริงๆ เลย อ่อนแอบอบบางเช่นนาง จะไปสู้แรงบึกบึนอย่างเขาได้อย่างไร!

จะว่าไปตอนนี้แบ่งงานกันเช่นนี้ สำหรับนางแล้วเห็นชัดว่าเบากว่าชัดๆ รับหน้าที่แค่ดูแลในห้องนอน จัดการเสื้อผ้าสองคนแค่นั้น ที่เหลือล้วนเป็นหลินซือเย่าจัดการคนเดียว

เพียงแต่นางรู้สึกปวดใจยามเห็นเขาต้องตรากตรำทำงาน จึงคิดจะแบ่งเบาเขาบ้าง ผู้ใดจะรู้,..ในเมื่อเขาจัดการนางอย่างไม่คิดเกรงใจ กินรวบหมดเกลี้ยง นางก็ไม่เกรงใจแล้ว เชอะ! อย่าคิดว่าคนเขาจะเอาแต่ใจไม่เป็น ตอนนี้นางเป็นภรรยาเขา ย่อมต้องมีสิทธิ์เอาแต่ใจไม่ใช่หรือ?!

“อาจารย์หญิง…” เสียงเรียกดังมาจากหน้าประตู หยุดฝีเท้าซูสุ่ยเลี่ยนที่กำลังจะเข้าครัว

“ต้าเป่า?” นางมองผู้ที่มาอย่างนึกแปลกใจ จากนั้นก็เข้าใจ

ตอนนี้คนที่เรียกนางว่าอาจารย์หญิงอย่างเปิดเผยได้ นอกจากเถียนต้าเป่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนางเถียนแล้วยังจะมีผู้ใด

“ต้าเป่า? กินข้าวเช้าหรือยัง” ซูสุ่ยเลี่ยนกวักมือเรียกเถียนต้าเป่าที่หยุดอยู่หลังประตูไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้ามา ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“กินแล้วขอรับ อาจารย์หญิง…อาจารย์ข้า…” เถียนต้าเป่ากำแขนเสื้อตัวเองแน่นพลางเดินเข้ามาในลานชะเง้อมองไปรอบๆ ไม่เห็นเงาร่างหลินซือเย่า แววตาผิดหวังขัดแย้งกับแววตาผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด

“เข้ามาก่อนสิ” ซูสุ่ยเลี่ยนเข้าใจจิตใจเขา หลุดแย้มยิ้มกวักมือให้เขาเข้ามา

ประตูจะเปิดตอนเช้าที่หลินซือเย่าพาเสี่ยวฉุนไม่ก็เสี่ยวเสวี่ยออกไปฝึก พอกลับมาก็จะเพียงแค่งับไว้ไม่ลงกลอน จนตะวันตกดินจึงได้ลงกลอนประตู ราวกับไม่กลัวว่าจะมีคนชั่วบุกเข้ามาอาละวาด

แต่แม้ว่าหลินซือเย่าทำเช่นนี้ ซูสุ่ยเลี่ยนก็ย่อมไม่กลัว ในบ้านตอนเขาอยู่ นางก็ไม่ต้องกังวลความปลอดภัย นับประสาอันใดกับ นางกวาดตามองไปยังลูกหมาป่าสองตัวที่นอนอาบแดดฤดูใบไม้ร่วงอยู่กลางลานอย่างสบายอารมณ์ ทุกวันตอนเช้าจะผลัดกันถูกอาเย่าพาออกไปฝึก ดูท่าแล้ว นับวันพวกมันยิ่งเหมือนหมาป่าขึ้นทุกวันแล้ว แล้วจะมีอันใดไม่วางใจกัน

เถียนต้าเป่าก้าวเข้ามาท่าทางเขินอายอยู่บ้าง ตามซูสุ่ยเลี่ยนเข้าไปในห้องครัว

“อา…อาจารย์…” เถียนต้าเป่าเห็นชายหนุ่มพับแขนเสื้อยืนหน้าเตากำลังตักข้าวคีบหมั่นโถวก็เบิกตาโตตกใจ นี่ใช่อาจารย์ตนหรือ อาจารย์…เขา? ทำไมเหมือนพวกป้าแม่บ้านหน้าเตาทำอาหารพวกนั้นเลย

ก่อนจะหันไปมองอาจารย์หญิงข้างๆ ที่ตั้งแต่เข้ามานอกจากหยิบตะเกียบสองคู่มาวางที่โต๊ะอาหารแล้วก็ไม่ทำอะไรสักอย่าง เอาแต่ส่งยิ้มหวานมองอาจารย์ตักข้าว เถียนต้าเป่าคิดอย่างไม่เข้าใจ…

“เข่าหายดีแล้ว?” หลินซือเย่าดื่มโจ๊กหมดชามก็ถามขึ้นโดยไม่เงยหน้ามอง

ซูสุ่ยเลี่ยนกำลังจะเงยหน้าถามเขาว่าหมายความว่าอย่างไร ก็เห็นเขาป้อนซาลาเปาข้าวโพดเข้าปากนางไม่ให้ถาม

“หายแล้วขอรับ อาจารย์” เถียนต้าเป่านั่งอยู่ตรงข้างประตูย่อมเข้าใจคำพูดหลินซือเย่าว่าหมายความว่าอย่างไร จึงพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็เห็นอาจารย์ป้อนหมั่นโถวให้อาจารย์หญิง ทำเอาอึ้งมองตาค้างไปอีกรอบ เอ๋? อาจารย์…อาจารย์หญิงเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ใช่หรือ ผู้ใหญ่ยังต้องให้คนป้อนอีกหรือ ท่านแม่เขาบอกว่าเขาโตแล้วไม่ป้อนข้าวให้แล้ว

ซูสุ่ยเลี่ยนเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ เห็นท่าทางที่เถียนต้าเป่ามองตนเองอึ้งไป อดคิดถึงภาพก่อนหน้าที่หลินซือเย่าป้อนตนไม่ได้ สองแก้มร้อนผ่าวอย่างไม่อาจระงับ “ครั้งหน้าอย่าทำอย่างนี้นะ…”

“อย่าอะไร?” หลินซือเย่าเห็นชัดว่าแกล้งเซ่อ น้ำเสียงถามอย่างจริงจัง หากมือยังป้อนนางเหมือนเดิม

“อ้าปาก” น้ำเสียงเย็นชาเหมือนมีอารมณ์พึงพอใจอยู่ด้วย ทำเอานางอึ้งไป อดทำตามคำสั่งเขาไม่ได้ ป้อนอาหารสำเร็จอีกครั้ง

“หลินซือเย่า!” พอนางได้สติก็ทำแก้มป่องคำรามใส่เขาเบาๆ อย่างรู้สึกอายจนโมโห

“เหอะๆ…” หลินซือเย่าหัวเราะยิ้มแย้ม พร้อมกับลูบมวยผมเรียบของนางอย่างอ่อนโยน เส้นผมที่ปลิวร่วงลงมาถูกเขาค่อยๆ เอาไปทัดไว้หลังใบหูขาวผ่องของนาง

“ข้าพาต้าเป่าไปริมแม่น้ำ ที่นี่ไว้เจ้ากินเสร็จตามข้ามาล้าง เจ้าห้ามทำเองรู้ไหม? ไม่อย่างนั้น…” หลินซือเย่าพูดถึงตรงนี้ก็หรี่ตามองนางพลางทำหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

นางย่อมรู้ว่าวาจาหลังจากนี้คืออะไร พริบตาไม่เพียงแต่สองแก้มแดงก่ำ แม้แต่ใบหูและลำคอก็แดงเถือกตามไปด้วย ชายผู้นี้กลายเป็นคนเหลวไหลเช่นนี้ไปตั้งแต่ตอนไหนกัน ถึงกับกลางวันแสกๆ…นี่เรียกว่ายั่วยวนไหมนะ โอ สวรรค์! ยังมีบุคคลอื่นอยู่ด้วยนะ

มองตามหลินซือเย่าที่ออกไปด้วยอาการเบิกบาน ท่ามกลางสายตาเถียนต้าเป่าที่ยังคงอึ้งมองอย่างไม่เข้าใจ ซูสุ่ยเลี่ยนประคองใบหน้าที่อับอายของตนไว้อย่างไม่รู้ทำเช่นไรดี แต่ความรู้สึกนี้ก็ไม่เลวจริงๆ ถึงกับ…ช่างมีความสุขแท้! โอ สวรรค์! นางกลายเป็นหญิงไม่ดีไปแล้วหรือ

……

“นังหนู?”

ตอนนางเถียนมาถึงบ้าน ซูสุ่ยเลี่ยนก็กินอาหารเช้าอย่างเชื่อฟังเสร็จ นำชามไปใส่ไว้ในกะละมัง เช็ดโต๊ะให้สะอาด ก่อนจะล้างมือกลับมาที่ห้องหนังสือ กะว่าจะวาดรูปไว้เป็นแบบปักผ้า เสื้อผ้าหน้าหนาวของเขาและนางกำลังจะได้เริ่มปักแล้ว

“ป้าเถียน? ท่านมาเยี่ยมต้าเป่าหรือ? อาเย่าพาเขาไปฝึกตั้งท่าม้าก้าว[1]” ซูสุ่ยเลี่ยนชี้ออกไปที่หน้าต่างทางใต้ของห้องหนังสือ จากที่นี่มองไปเห็นสนามหญ้าริมท่าน้ำได้อย่างชัดเจน หลินซือเย่ากับเถียนต้าเป่าสองคน คนหนึ่งยืนมือไพล่หลัง อีกคนย่อเข่าทำท่าเลียนแบบท่าม้าก้าว

“เหอๆ ไอ้หนูเราพอเจออาเย่าของเจ้า ก็ไม่มีนิสัยเอาแต่ใจอีกแล้ว” นางเถียนยืนมองอยู่ริมหน้าต่างอยู่นาน ก่อนจะยิ้มตาหยีควักเอาก้อนเงินออกมาจากอกเสื้อ น่าจะราวห้าร้อยเหรียญทองแดงได้

“มา นังหนู ป้าเถียนไม่เกรงใจพวกเจ้าละ พวกนี้ถือเป็นค่าเรียนของต้าเป่า อย่าได้รังเกียจ” นางเถียนลากมือซูสุ่ยเลี่ยนไปพลางยัดก้อนเงินใส่มือซูสุ่ยเลี่ยน

“ไม่ ไม่ ไม่ ป้าเถียน ท่านทำอะไร อาเย่ารับต้าเป่าเป็นศิษย์ไม่ใช่เพื่อสิ่งนี้” ซูสุ่ยเลี่ยนส่ายหน้า ดึงดันไม่ยอมรับไว้ ไม่ใช่เห็นว่าน้อยไป แต่ก้อนเงินเล็กๆ พวกนี้เป็นเงินไว้ใช้จ่ายของบ้านนางเถียนที่เรียกได้ว่าขาดไม่ได้ นางไม่อาจรับไว้เด็ดขาด เชื่อว่าหลินซือเย่าเองก็ไม่เคยคิดจะรับศิษย์เพื่อหาเงิน

“นังหนู เจ้าฟังข้านะ ข้ากับพ่อเจ้าหนูหารือกันดีแล้ว พวกนี้ก็เป็นเงินที่เราไว้ให้ต้าเป่าเราเรียนวิชา ข้ารู้ ว่านี้เทียบกับค่าเรียนของข้างนอกแล้ว ไม่นับว่ามาก แต่ว่า…”

“ป้าเถียน ข้ารับไว้ไม่ได้ หากท่านดึงดันจะมอบให้ ก็เอาไปให้อาเย่าละกัน” เพียงแต่อาเย่าน่าจะไม่รับเช่นกัน ซูสุ่ยเลี่ยนส่ายหน้า ไม่รับเงินก้อนนี้อย่างเด็ดขาด

นางเถียนเก็บเงินคืนกลับมาหลังจากซูสุ่ยเลี่ยนยัดกลับใส่มือนาง ในใจนางแอบโล่งใจ นางไม่รับก็หมายความว่าหลินซือเย่าก็ย่อมไม่รับเช่นกัน เงินนี้ตนยังคงเก็บไว้ให้ต้าเป่าใช้วันหน้าได้ต่อ

ลูกชายตนสติปัญญาบกพร่อง ไม่รู้ว่าจะหายดีดังเดิมได้อย่างที่หมอเคยบอกไว้หรือไม่ หากว่าสติปัญญายังคงหยุดอยู่ที่อายุเก้าขวบ วันหน้าไม่รู้จะมีนังหนูบ้านไหนยอมแต่งงานกับเขากัน ได้แต่อาศัยยามที่นางและต้าฟู่ยังทำงานได้ เก็บสะสมเงินทองไว้ให้มากอีกหน่อย ไว้ให้เขาใช้ในวันหน้ายามไร้พ่อแม่เป็นที่พึ่ง

เพียงแต่ค่าเล่าเรียนแสดงความเคารพอาจารย์นี้หากไม่จ่ายก็รู้สึกเกรงใจอยู่

คิดเช่นนี้แล้ว นางเถียนก็บอกกล่าวซูสุ่ยเลี่ยนคำหนึ่งก่อนจะเดินผ่านห้องโถงออกไปตามเส้นทางศิลาชิงจวนที่ปูลานเป็นทางไปยังสนามหญ้าริมท่าน้ำ ไม่ว่าจะทำใจเสียเงินก้อนนี้ได้หรือไม่ แต่ค่าเล่าเรียนของต้าเป่าก็เป็นเรื่องที่ต้องทำจริงจัง ไม่อาจปล่อยให้นานวันยืดเยื้อต่อไป

ตามคาด…ซูสุ่ยเลี่ยนมองจากหน้าต่างทางใต้ เห็นนางเถียนถูกหลินซือเย่าสีหน้านิ่งเรียบไล่กลับไปมาก็ อดส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ ไม่ได้

“นังหนู…” นางเถียนสีหน้าตกใจเห็นชัดว่าแทบจะเป็นลม กลับมาที่โถง นางเถียนก็หันมายิ้มให้ซูสุ่ยเลี่ยนท่าทางเก้อๆ “นังหนู ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมรับ อย่างนั้นข้าก็ไม่ดึงดัน เอาอย่างนี้ วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์พอดี หากไม่รังเกียจ เที่ยงนี้เรากินข้าวกันสักมื้อ ถือเป็นค่าไหว้ครูอย่างเป็นทางการของต้าเป่า พวกเจ้าไม่ต้องทำอาหาร นะ?”

“ป้าเถียนไม่ต้อง พวกเราเตรียมอาหารไว้…” ซูสุ่ยเลี่ยนชี้ไปที่ขนมโก๋ธัญพืชหลายจานตรงเตา “ดู พวกเรายังกะไว้ไหว้ด้วย”

“นั่นมันต้องคืนนี้นี่ ตกลงตามนี้ละ อา? ตอนเที่ยงเจ้ากับอาเย่าตามต้าเป่ามานะ ไม่มาถือว่าดูแคลนพวกข้า อย่างนั้นข้ากลับไปเตรียมก่อนนะ ไม่ต้องส่งแล้ว ไปทำงานเจ้าเถอะ” นางเถียนพูดไปก็ก้าวออกจากประตูลานบ้านไป

ในใจนางเต็มไปด้วยความละอายใจ เห็นพวกซูสุ่ยเลี่ยนสองสามีภรรยาไม่เก็บเงินค่าเรียนจากต้าเป่าสักแดง ยังสอนเขาอย่างตั้งใจตั้งแต่วันแรกเช่นนี้ นางเองเอาแต่คิดเรื่องจะจ่ายค่าเล่าเรียนน้อยหน่อยได้อย่างไร ยามนี้ก็รู้สึกละอายขึ้นมาจริงๆ

ตัดสินใจว่ากลับไปจะต้องทำอาหารที่เลิศรสควรค่าแก่การนำขึ้นโต๊ะเลี้ยงสักหน่อย ใช่แล้ว วันนี้พอดีต้าฟู่ไม่ได้ไปทำงาน อีกสักครู่ให้เขาไปจับปลาจากสระน้ำมาสักสองตัวทำอาหารเพิ่มละกัน

ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นนางเถียนหายตัวไปจากหน้าประตูอย่างรวดเร็วก็อดยิ้มไม่ได้ แต่ว่าในเมื่อนางเถียนดึงดันจะเชิญตนและอาเย่าไปร่วมฉลองวันไหว้พระจันทร์ที่บ้าน ก็ไม่อาจทำให้นางเสียน้ำใจได้ ยืนอยู่ที่ประตูคิดอยู่พักหนึ่ง ก็เข้าห้องครัวไปเตรียมของติดไม้ติดมือไปร่วมฉลองเทศกาลที่บ้านตระกูลเถียนสักหน่อย

—————————

[1] พื้นฐานการฝึกวิทยายุทธ ต้องย่อขาสองข้างให้ตัวตั้งฉากกับพื้น อยู่ในท่าเดิมเช่นนี้เพื่อฝึกกำลังขาและการทรงตัว