บทที่ 9 พี่ชายเราไม่ต้องกลับบ้านเหรอ?
อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซือตื่นขึ้นก็พบว่าพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว พอออกมาจากห้องก็พบว่าญาติผู้พี่กำลังล้างหน้าอยู่ที่ลานบ้าน พี่ชายของตนหลินจื้อเองก็ล้างหน้าอยู่ตรงนั่นเช่นกัน หลังจากหลินจื้อล้างหน้าเสร็จแล้วจึงมายืนอยู่ข้าง ๆ ญาติของเขา
หลินจื้อดวงตาเป็นประกาย เมื่อเหลือบไปเห็นน้องสาวยืนอยู่หน้าประตู จึงเอ่ยทักทาย “อาซือ!”
เหยาเอ้อหลาง ลูกชายของสะใภ้รอง หลังจากเช็ดหน้าเช็ดตาเขาหันกลับไปมองน้องสาวคนเล็กแล้วพูดเสียงดังว่า “อาซือตื่นแล้วเหรอ? มาล้างหน้าสิ!”
หลินซือฟังพวกพี่อย่างว่าง่าย เด็กน้อยวิ่งไปหาพี่ชายก่อนจะเดินไปล้างหน้า
ไม่นานหลังจากเด็ก ๆ ล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็พากันเล่นอยู่สักพัก พวกเขาก็ถูกเรียกให้ไปกินอาหารเช้า
เนื่องจากมีแพะตัวเมียที่แลกมาเมื่อวาน ทำให้ตอนเช้ามีชามนมแพะวางอยู่บนโต๊ะอาหารพร้อมกับหัวไชเท้าหลายหัว
แม่เฒ่าเหยาพูดขึ้นว่า “วันนี้ท่านหมอจางบอกให้ดื่มนมแพะ พวกเจ้าจะได้ไม่ป่วยง่าย ๆ”
เด็ก ๆ มองของเหลวสีขาวบนโต๊ะ กลิ่นหอมราวกับไม่มีอยู่จริงของมันลอยขึ้นมาแตะปลายจมูก พอดื่มเข้าไปรู้สึกหวานไปทั่วลำคอ
เด็กหลายคนพอได้ยินว่าจะได้ดื่มนมแพะทุกวัน พวกเขาก็รู้สึกมีความสุขมาก
ลูกชายของตระกูลเหยาตื่นเช้ามาก็ออกไปทำงานของตนเองแล้ว
เมื่อหลินซือกินข้าวเช้าเสร็จจึงเห็นว่าพี่ชายของตนมาชวนไปเล่นด้วย นางเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกเราไม่ต้องไปทำงานเหรอ?”
หลังจากเหยาต้าหลางและเหยาเอ้อหลางได้ยินก็ตกตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดน้องสาวตัวน้อยจึงถามออกมาเช่นนี้ พวกเขาจึงพูดว่า “ไม่จำเป็น”
เหยาต้าหลางโตกว่าเล็กน้อยและรู้ความกว่า เมื่อวานเขาได้ยินจากผู้เป็นมารดาเกี่ยวกับสถานการณ์ของครอบครัวท่านอา จึงพูดขึ้นว่า “ตระกูลของเรามีที่ดินมากมาย เจ้าไม่ต้องไปตัดหญ้าให้หมูอีกต่อไป พวกเราปล่อยเช่าที่ดินให้ท่านลุงท่านป้าในหมู่บ้านเช่าทำไร่ทำนา”
แคว้นเหยียนไม่มีข้อกำหนดในการควบคุมชาวชนบทมากนัก ขอเพียงแค่ส่งส่วยรายเดือนก็เพียงพอแล้ว
เนื่องจากเหยาเฟิงและเหยาเฉาไม่ได้ทำไร่ทำนาในหมู่บ้าน พ่อเฒ่าเหยาจึงตัดสินใจให้ชาวบ้านเช่าที่ดิน เนื่องจากครอบครัวของพวกเขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน พวกเขาจึงไม่ได้เก็บค่าเช่า ตราบใดที่คนเช่าที่ดินส่งค่าเช่าเป็นพืชผักสวนครัวให้พวกเขาแทนทุกเดือน
พ่อเฒ่าเหยายังส่งเสริมให้ชาวบ้านทำไร่ทำนา อีกทั้งเขายังศึกษาวิธีการเพาะเมล็ดต่าง ๆ ดังนั้นชื่อเสียงของตระกูลเหยาจึงมีแต่เพิ่มขึ้นในทางที่ดี
อาซือดีใจเป็นอย่างมาก นางมองไปที่พี่ชายเพื่อรอให้เขายืนยันในคำพูดของญาติผู้พี่ และเมื่อเห็นว่าหลินจื้อยืนยันแล้วเด็กน้อยก็โล่งใจ
เหยาเอ้อหลางใจกว้างเหมือนบิดา เขาดึงน้องชายและน้องสาวพลางกล่าวออกมาว่า “อาจื้อ อาซือ ไปกันเถอะ! ข้าจะพาพวกเจ้าไปจับตั๊กแตน!”
พวกเขาพากันไปวิ่งเล่นจนเกือบเที่ยง ร่างกายเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน พอพวกเขารู้สึกหิวข้าวจึงพากันกลับบ้าน
ก่อนที่จะเดินเข้าประตูบ้านไป อาซือถือโอกาสที่ญาติผู้พี่ทั้งสองคนไม่ได้สังเกตแอบดึงแขนเสื้อพี่ชาย ๆ เบาแล้วถามว่า “พี่ชาย พวกเราไม่ต้องกลับบ้านเหรอ?”
อาจื้อนั้นโตแล้ว เมื่อวานที่เขาตามท่านตากับลุงทั้งสองไปยังตระกูลหลิน จึงรับรู้ได้ว่าต่อไปในอนาคตพวกเขาจะมีคนคอยปกป้อง จึงพูดกับน้องสาวตัวเองว่า “พวกเราติดตามท่านแม่มา ท่านแม่อยู่ที่ไหน พวกเราจะอยู่ที่นั่น”
อาซือดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เขาจึงพูดต่อ “ตอนนี้ท่านแม่อารมณ์ดีมาก ไม่ตีไม่ด่าเราอีกแล้ว ท่านแม่จะปกป้องพวกเรา เจ้าจะรับรู้ได้ในภายหลัง”
อาซือพยักหน้าอีกครั้ง พลางคิดถึงท่านแม่ที่อ่อนโยนเมื่อคืน จึงเกิดอยากไปหาท่านแม่ที่ห้อง
ในลานบ้าน
ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองกำลังตักน้ำอยู่ข้างบ่อน้ำ จึงเรียกน้องชายและน้องสาวให้ไปล้างมือ
อาซือไม่ได้ไปหาลูกพี่ลูกน้องตามที่พวกเขาเรียก แต่หันหลังและเดินกลับไปที่ห้องทางทิศตะวันออกแทน
นางชะโงกหน้าเข้าไปในประตู เห็นท่านแม่กำลังอุ้มน้องชายและกำลังป้อนนมเขาทีละช้อนทีละช้อน สีหน้าของท่านแม่อ่อนโยน เป็นสิ่งที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“อาซือเหรอ?”
เหยาซูเงยหน้าขึ้น เห็นเด็กหญิงวัยสามขวบยืนอยู่หน้าประตูอย่างเหม่อลอย ดวงตาคู่งามฉายแววหมองหม่นเต็มไปด้วยความอิจฉา
อาซือตัวเล็กผอมบาง ใบหน้าแทบจะไร้สีเลือดและขาดสารอาหาร
อืม… นึกไม่ถึงว่าตัวร้ายคนนี้ตอนเด็กจะน่ารักถึงเพียงนี้
เหยาซูเอ่ยเสียงอ่อนโยน “อาซือ เข้ามาหาแม่สิ”
สาวน้อยเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย
ผมของนางมัดเป็นเปียสองข้าง ไม่ต่างจากเมื่อวาน คาดว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะเป็นคนมัดด้วยตนเอง
มือเล็ก ๆ ของเด็กหญิงเต็มไปด้วยบาดแผลขนาดใหญ่และเล็ก
หลินซือไม่คิดว่าผู้เป็นมารดาจะเห็นว่าตนแอบมองอยู่ที่หน้าประตู และส่งเสียงเรียกให้เข้าไปในห้อง
เด็กน้อยลังเลอยู่ครู่นึง ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไป
เหยาซูเห็นเด็กหญิงรู้สึกกลัวเล็กน้อย จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “อาซือ อยากเห็นน้องชายหรือไม่ลูก”
ใบหน้าเด็กหญิงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางจึงพยักหน้าอย่างขลาดกลัว
……………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อยู่กับท่านแม่ที่บ้านยายนะคะลูก ไม่ต้องกลับไปยังขุมนรกนั่นอีกแล้ว
ไหหม่า(海馬)