ตอนที่ 45 ผลที่ตามมา
สายตาที่มองไปยังจวนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เจียงเชี่ยนมีแต่ความสงสัยและเสียใจอัดอั้นตันใจเต็มไปหมด เลยมีความคิดไม่อยากจะอยู่ที่จวนต่อไป นางสบตากับเซียวซื่อแล้วรีบเดินจากไป
เซียวซื่อรับผิดชอบที่จะต้องดูแลหลิวเซียนกู ครั้นประจวบเหมาะที่ได้มีโอกาสอยู่กันแค่สองคน
ยามนี้ นางปลดอารมณ์อดกลั้นทิ้งไปพลางรีบถามในทันที “เซียนกูเรื่องนี้แท้จริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่”
หลิวเซียนกูนิ่งราวกับภูเขาไท่ซาน “ผลออกมาเป็นเช่นนี้ ก็นับว่าเกินจากที่ข้าคาดไว้เหมือนกัน”
“เซียนกูหมายความว่าอย่างไร ไม่เหมือนกับที่พวกเราเคยคุยกันไว้ก่อนหน้านี่!” เซียวซื่อเห็นหลิวเซียนกูยังคงแกล้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิแหน่ ความในใจก็ยิ่งปะทุแรงขึ้น “หรือว่าเจ้าจะไม่พอใจที่ข้าให้เงินน้อยไป”
“ไท่ไท่เข้าใจผิดแล้ว” หลิวเซียนกูได้แต่ถอนหายใจยาว “ความจริงก็คือความจริง ยากที่จะฝืนชะตาลิขิต”
“ยากที่จะฝืนชะตาลิขิตอะไรกัน”
หลิวเซียนกูแสดงสีหน้าทีคาดเดาไม่ได้ “เดิมทีข้ามองว่าไท่ไท่เป็นคนจริงใจ ก็เลยอยากช่วยให้ท่านได้ทำสำเร็จ แต่ท่านก็รู้ว่าข้าหาเลี้ยงชีพได้ทุกวันนี้เพราะข้าสื่อสารกับภูตผีและเทวดาได้ วันนี้เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็คงช่วยอะไรไม่ได้”
“เทพเทวดาอะไรกัน พิธีที่เหล่าฮูหยินถูกสิ่งชั่วร้ายทำร้ายไม่ใช่แผนที่พวกเราได้เตรียมกันไว้ก่อนหน้านี้หรือ” เซียวซื่อเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว
จู่ๆ หลิวเซียนกูก็จับมือของเซียวซื่อ พร้อมกับทำสีหน้าจริงจัง “มีสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ในตัวของเหล่าฮูหยินจริงๆ!”
เซียวซื่อตกใจสุดขีด พลางสะบัดมือของหลิวเซียนกูออกอย่างแรง สีหน้าจากที่เขียวก็กลายเป็นขาวทันใด “เซียนกูเจ้าพูดเหลวไหลอะไร!”
หลิวเซียนกูยิ้มเยาะ “หรือท่านคิดว่าข้าจะแอบอ้างชื่อเทพเซียนมาหลอกลวงอย่างนั้นหรือ”
บัดนี้ใบหน้าของหลิวเซียนกูไม่ปรากฏรอยยิ้มอีกแล้วและความรู้สึกที่เป็นเซียนกูผู้นั้นก็ได้หายไปด้วย
โหนกแก้มของนางยกสูงขึ้นมา ปลายคางที่ซูบผอม บวกกับสายตาที่เยือกเย็น ทำให้คนที่ได้พบเห็นเกิดความเกรงขาม
เซียวซื่อเกิดความรู้สึกตื่นตระหนกต่อคนตรงหน้าขึ้นมาฉับพลัน
เหตุใดนางจึงลืมไปได้ล่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ของนางรู้จักกับหลิวเซียนกูได้ เป็นเพราะว่าหลายปีก่อนหลิวเซียนกูก็ได้ช่วยปราบผีให้กับลูกชายตัวน้อย
หลิวเซียนกูผู้นี้มีของจริงๆ!
เดิมทีการพูดถึงสิ่งชั่วร้ายที่ทำร้ายท่านเหล่าฮูหยิน ภาพที่นางคิดอยากให้เป็นคือคนอื่นมารับผิดแทน แต่สุดท้ายเหตุใดจึงมีสิ่งชั่วร้ายอยู่ในตัวเชี่ยนเอ๋อร์ไปได้
เซียวซื่อครุ่นคิดแล้วก็หวาดกลัวสุดขีด พลางมองไปยังหลิวเซียนกู
หลิวเซียนกูถอนหายใจยาว “ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจึงถูกกำหนดไว้แต่แรกแล้ว ข้าจะไปกล้าฝืนลิขิตเพื่อฝ่าฝืนกฎแห่งโชคชะตาทำไมกัน”
“ดวงตาของเหล่าฮูหยินจะหายภายในสามวันจริงๆ หรือ”
หลิวเซียนกูลังเลไปชั่วครู่
เซียวซื่อที่สังเกตเห็นท่าทีนั่น จึงพูดยิ้มเยาะ “งั้นข้าจะรอดูปาฏิหาริย์ของเซียนกูหลังจากนี้อีกสามวัน!”
ครั้นนางพูดจบก็สะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธแล้วเดินจากไป
หลิวเซียนกูที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เบาะนิ่ม ในมือพลางยกกาน้ำชาขึ้นมาเทลงในถ้วยแล้วจิบสองสามคำ ในใจพลันรู้สึกกลัวเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ขึ้นมา
หากความจริงถูกเปิดเผย มีหวังนางต้องถูกหญิงผู้นั้นฆ่าตายเป็นแน่!
“เซียนกู ของใช้พวกนี้ต้องเอาออกมาไหม” ลูกศิษย์ที่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับหิ้วกระเป๋าผ้าเล็กไว้
“เก็บอะไร วางไว้ตรงนั้นแหละ” หลิวเซียนกูถือโอกาสสั่ง
นางเตรียมตัวที่จะถูกไล่ออกจากที่นี่แล้ว ยังมีอะไรจะต้องเก็บอีก
สามวันยาวนานราวแรมปี
คำพูดของหลิวเซียนกูที่พูดกับเซียวซื่อ นางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แล้วรีบเขียนจดหมายสองฉบับ ฉบับหนึ่งส่งให้เจียงเชี่ยนเพื่อปลอบขวัญนาง อีกฉบับส่งให้กับพี่สะใภ้ใหญ่บ้านแม่
สะใภ้ใหญ่บ้านเซียวก็รีบมาเยี่ยมเฝิงเหล่าฮูหยิน เซียวซื่อกับพี่สะใภ้จะได้มีโอกาสคุยกันแบบลับๆ
“พี่สะใภ้ เจ้าบอกข้ามาตามตรงว่าหลิวเซียนกูแท้จริงแล้วมีความสามารถมากแค่ไหน”
สะใภ้ใหญ่บ้านเซียวได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนปั๋วแล้ว ตอนนี้จะไปเจอกับเซียวซื่อก็ทำตัวไม่ถูกไปบ้าง “นางไล่ผีที่บุตรชายข้าเห็นได้จริงๆ”
“นางทำพิธีไล่สิ่งชั่วร้ายแล้วจะสามารถรักษาดวงตาของเหล่าฮูหยินได้จริงหรือ”
เซียวซื่อหลับตาลง ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียด “ข้ารู้สึกว่าถูกหลิวเซียนกูเป็นผู้หลอกลวงมาโดยตลอด”
แต่นางยังมีจุดที่ยังคิดไม่ตก
เรื่องนี้ได้ตกลงกันไปก่อนหน้านี้แล้วและหลังจากเรื่องทุกอย่างสำเร็จนางก็จะให้เงินก้อนโตแก่หลิวเซียนกู แล้วเหตุใดยามนี้หลิวเซียนกูถึงไม่เรียกร้องเอาเงินจากนาง
เซียวซื่อลืมตาขึ้น พร้อมกับสายตาที่เป็นประกาย
คนที่จัดการภูตผีปีศาจคือหลิวเซียนกู ไม่ใช่นาง
ไม่ว่าจะเป็นความประสงค์ของเทพหรือมนุษย์ หากหมามันกัดก็จงอย่าไปกัดตอบ แค้นในครั้งนี้รอให้ผ่านไปช่วงหนึ่งก่อนจะต้องชำระคืนอย่างแน่นอน
“ที่จริงแล้วเชี่ยนเอ๋อร์ก็ยังพอมีโอกาสทวงคืนความรักจากเหล่าฮูหยินอยู่บ้าง”
เซียวซื่อมองไปที่สะใภ้ใหญ่บ้านเซียว
พี่สะใภ้ใหญ่บ้านเซียวกวาดสายตาไปที่ประตู พลางกดเสียงต่ำ “ถ้าหากภายในสามวันดวงตาของเหล่าฮูหยินยังไม่ดีขึ้นล่ะ”
“เจ้าจะพูดว่า…”
“ถ้าหากดวงตาของเหล่าฮูหยินไม่ดีขึ้น หลิวเซียนกูก็คือคนหลอกลวง ถ้าเช่นนั้นเรื่องที่เชี่ยนเอ๋อร์ถูกกล่าวหาว่ามีสิ่งชั่วร้ายอยู่ในตัวก็จะไม่เป็นความจริง”
เซียวซื่อนิ่งเงียบลง
ตอนนี้ภายในจวนปั๋วอยู่ในความดูแลของนางก็จริง แต่เรื่องการตระเตรียมอาหารและเสื้อผ้าเป็นหน้าที่ของท่านเหล่าฮูหยิน ซึ่งก็ยากที่จะเข้าไปแทรกแซง ทั้งเมื่อไม่กี่วันก่อนที่นางไปสืบข่าวคราวจากเรือนฉือซิน ผลสุดท้ายถูกเหล่าฮูหยิ่นสาดน้ำชาใส่หน้า นางยังจำภาพนั้นได้ติดตา
“ไท่ไท่ นายท่านมาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงรายงานของสาวใช้ดังขึ้น
ไม่นานประตูห้องก็พลันเปิดออก เบื้องหน้าปรากฏร่างของนายท่านรองเจียงเดินหน้าบึ้งตึงเข้ามา
“พี่สะใภ้ใหญ่” ครั้นมองเห็นสะใภ้ใหญ่บ้านเซียว นายท่านรองเจียงจึงเอ่ยทักขึ้น
สะใภ้ใหญ่บ้านเซียวรีบลุกขึ้นโดยเร็ว “ที่บ้านยังมีเรื่องต้องสะสางอยู่อีกมาก ข้าขอตัวกลับก่อน”
ยามมองท่าทีของสะใภ้ใหญ่บ้านเซียว นายท่านรองเจียงไม่ได้มีความกระตือรือร้น รอเจ้าตัวเดินจากไป ใบหน้านั้นก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นไปอีก “เจ้าดูผลงานของเจ้า! ที่ตระกูลของพวกเราต้องเป็นเช่นนี้คงนับตั้งแต่ที่เจ้าเชิญนางแม่มดนั่นมาหลอกพวกเราถึงที่ ตอนนี้จบสิ้นแล้ว เชี่ยนเอ๋อร์กลับกลายเป็นแพะรับบาป ตราบาปนี้จะใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนก็ยากจะล้างออก หากเรื่องนี้ถูกกระจายออกไปแล้วเชี่ยนเอ่อร์จะทนสู้หน้าพ่อแม่สามีได้อย่างไร
“ข้า ข้าก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้…”
นายท่านรองเจียงมองข้ามเซียวซื่ออย่างไม่สนใจ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “หลิวเซียนกูคนนั้นคือคนที่สะใภ้ใหญ่บ้านแม่แนะนำมาใช่หรือไม่ หลังจากนี้จงอยู่ให้ห่างจากนางเสีย!”
เซียวซื่อหน้าแดงทันที
นางเป็นคนธรรมดา ซึ่งเกียรติยศก็ได้มาจากสามีและลูกๆ ทั้งสิ้น ยามนี้สิ่งที่นายท่านรองเจียงพูดมา ราวกับกำลังตบหน้านาง
“จวนของพวกเราเพียงบ่าวรับใช้ที่รับรู้เรื่องนี้ก็พอแล้ว อย่าให้เรื่องหลุดไปยังภายนอกได้ ส่วนเรื่องเชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าจงเขียนจดหมายเพื่อบอกนางว่าอย่าทำตัวมีพิรุธในจวนโหวเด็ดขาด แม่คนนี้ห่วงใยเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้และไม่ว่าเชี่ยนเอ๋อร์จะคิดอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ จะต้องคำนึงถึงอนาคตของตนในจวนโหวให้มาก”
เซียวซื่อพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
การหาเรื่องใส่ตนเองครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงเหลือเกิน แม้มีความโกรธที่อัดอั้นอยู่เต็มอก แต่เรื่องสำคัญที่ต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วนคือทำให้ผลกระทบของเรื่องนี้ลดลงน้อยที่สุดและจะต้องไม่ให้กระทบกับหน้าตาของเชี่ยนเอ่อร์ที่จวนโหวเป็นอันขาด
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็เป็นวันใหม่แล้ว เซียวซื่อรอคนมายังเรือนฉือซินเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบ เช่นเคย แต่พวกเขากลับไม่ได้พบหน้าของเฝิงเหล่าฮูหยินเลยสักคน
เซียวซื่อที่กำลังง่วนอยู่กับจัดการงานบ้านอยู่ จู่ๆ ก็มีหญิงชราคนหนึ่งรีบปรี่เข้ามา “เอ้อร์ไท่ไท่ เกิดเรื่องขึ้นแล้วเจ้าค่ะ!”
“เรื่องอะไร” เซียวซื่อตอนนี้กลัวที่จะได้ยินสิ่งนี้ที่สุด หัวใจของนางแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
“เรื่องพิธีของเซียนกูได้ถูกแพร่งพรายออกไปแล้วและยามนี้ผู้คนมากมายต่างก็เดิมพันกันเอาไว้ว่าดวงตาของเหล่าฮูหยินจะดีขึ้นในสามวันหรือไม่!”
“อะไรนะ!” เซียวซื่อถึงกับหน้ามืดพลันเป็นลมไป