ปราชญ์ดาบไม่มีลูกศิษย์อย่างเป็นทางการ

 

 หากยกเว้นมิตรแล้ว เรียกได้ว่าปราชญ์ดาบไม่เคยสอนวิชาให้ผู้ใด แม้กระทั้งกาลาฮัด สุรที่เก่งกาจที่สุดในห้าแม่ทัพองค์รักษ์หลวงก็เคยเพียงซ้อมกับปราชญ์ดาบเพียงไม่กี่ครั้ง

 

 สิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือ ผู้ที่เสนอเรื่องขึ้นมาคือตัวปราชญ์ดาบเอง

 

 นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีผู้ใดคาดคิด ไม่มีทายาทตนใดเคยได้รับสิทธิพิเศษมากถึงขนาดนี้

 

 ทว่าปราชญ์ดาบในตอนนี้ได้ยื่นข้อเสนอให้ฉัตร

 

 เฟลิซีได้แต่อ้าปากค้าง ดวงตากัมมะส่องประกายเจิดจ้า คารัคอุทานชื่นชมออกมาอย่างไม่คาดฝัน

 

 ปราชญ์ดาบหัวเราะราวกับเป็นเพียงมุกตลก แต่แววตาของเขาไม่มีที่ท่าล้อเล่นแต่น้อย

 

 นัยน์ตาสีน้ำเงินอันยากจะหยั่งถึง… ราวกับมีอสูรร้ายหลบซ้อนอยู่ในเบื่องลึกของสายตานั้น และคอยจับจ้องมองทะลุทุกสิ่งอย่าง

 

 อินกองได้แต่กลืนน้ำลาย แม้เขาจะคาดหวังข้อเสนอนี้เอาไว้อยู่บ้าง แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริง เขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้

 

 นักดาบอันดับหนึ่งแห่งโลกมารเสนอที่จะถ่ายทอดวิชาให้

 

 ราวกับฉากลับในเกมที่ผู้เล่นมุ่งค้นหา และมันก็กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้!

 

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะรับองค์ชายเป็นลูกศิษย์”

 

 ปราชญ์ดาบพูดออกมาท่ามกลางรอยยิ้ม คารัคกระพริบตาอย่างสับสน เฟลิซีส่งเสียง ‘หึ’ ออกมาอย่างขบขัน

 

 แต่ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของปราชญ์ดาบ ดวงตาอันสุดจะหยั่งถึงคู่นั้นจดจ้องอยู่ที่อินกอง

 

“ข้าไม่ว่างพอที่จะรับลูกศิษย์อย่างเป็นทางการ แล้วก็… องค์ชายเรียนเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพไปแล้วเรียบร้อย ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเรียนเคล็ดดาบจากข้า”

 

 อินกองไม่เคยต่อสู้ต่อหน้าปราชญ์ดาบเลยสักครั้ง เขาทำเพียงใช้พลังแห่งอาณัติ ไอพลังสีขาวที่ดูเหมือนลมปราณเข้าปะทะกับมือหอกเกราะน้ำเงิน ก่อนปราชญ์ดาบจะหยุดการต่อสู้ระหว่างทั้งคู่เอาไว้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้กระบวนท่าการต่อสู้ของอินกองผ่านการสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น

 

 แต่เหมือนเหตุผลโดยทั่วไปจะไม่สามารถใช้กับผู้อาวุโสท่านนี้ได้

 

 ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องเข้ามายังดวงตาสีแดงก่ำของอินกอง ต่างไปจากท่าทีอันเป็นมิตรของปราชญ์ดาบ แววตานั้นดูไร้ซึ่งความปรานี

 

 อินกองรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ

 

 แม้แต่ในวินาทีนี้ ปราชญ์ดาบกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขา ไม่ว่าจะด้วยเวทมนตร์หรือความสามารถเฉพาะตัว อินกองรู้สึกราวกับตัวตนของเขาถูกจับแยกเป็นชิ้นเพื่อพินิจพิเคราะห์ทีละส่วน

 

 ระหว่างนี้ก็มีเสียงเสียงอุทานอย่างตกใจดังขึ้น

 

“เดี๋ยวนะ เคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพ? ไม่ใช่สัตว์อสูรแต่เป็นสัตว์เทพ?”

 

 เฟลิซีจ้องมองมายังอินกองอย่างตกตะลึง แต่อาการตะลึงของนางก็หายไปในชั่วขณะ

 

 เฟลิซีเข้าใจในทันที

 

 มีพันธะบางอย่างผูกพันธ์ อินกอง คริสต์ และเคทลินเอาไว้ ดูได้จากการที่คริสต์ผู้ไม่เคยเป็นมิตรกับทายาทตนใด ดูห่วงใยอินกองเป็นพิเศษ

 

 เคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพที่สืบทอดในรัชทายาทของราชวงศ์ไลแคนโทรป เฟลิซีเข้าใจความหมายของการที่อินกองได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชานี้

 

 เฟลิซีรู้สึกหงุดหงิดและผิดหวังแม้นางจะไม่แสดงอาการดังกล่าวออกมา

 

 ปราชญ์ดาบพูดต่อ

 

“ร่างกายขององค์ชายแฝงด้วยลมปราณจากเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพ และพลังบางอย่าง พลังที่แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถมองทะลุได้ทั้งหมด… นี่มันน่าสนใจทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นพลังเหล่านี้กลับไม่มีการต่อต้านกัน ทั้งหมดผสมผสานรวมกันอย่างกลมกลืน”

 

 พลังที่ปราชญ์ดาบมองเห็นนั่นคือพลังอะไรกัน? หรือว่าปราชญ์ดาบจะมองเห็นกระทั้งพลังแห่งอาณัติ?

 

“ดูจากกระแสลมปราณแล้ว องค์ชายน่าจะเพิ่งเรียนเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพได้ไม่นาน  ไม่น่าจะเกินเดือน ถึงกระนั้น ความสำเร็จนี้ถือว่าน่าชื่นชมทีเดียว”

 

 อินกองรู้สึกราวกับเหงื่อกำลังจะแตกพลั่ก ถึงปราชญ์ดาบจะเรียบเรียงออกมาอย่างชื่นชม แต่เขาก็อดหวั่นแกรงไม่ได้ มีอะไรอีกไหมที่ถูกดวงตาคู่นั้นเปิดโปง?

 

“สาเหตุที่จอมมารสนใจองค์ชายน่าจะต่างไปจากข้า ตอนที่องค์ชายรองถือกำเนิด ทั่วทั้งโลกมารต่างรับรู้ถึงพรสวรรค์อันน่ายำเกรง… แต่นั่นก็ไม่สามารถดึงความสนใจจากจอมมารได้”

 

 อินกองรู้สึกราวหัวหลุดจากบ่า

 

 คำพูดของปราชญ์ดาบเกี่ยวกับแซเฟียร์อยู่เหนือการคาดการของเขาไว้มากมาย ตัวตนอันมากด้วยพรสวรรค์ที่ถือกำเนิดแล้วสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกมาร นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? สิ่งที่อินกองได้ยินมันอยู่เกินกว่าขอบเขตที่เขาจะสามารถเข้าใจได้

 

 แล้วไหนจะเรื่องเกี่ยวกับจอมมารอีก…

 

 ปราชญ์ดาบประกาศออกมาว่าความสนใจจากจอมมารไม่ได้มุ่งไปยังพลังที่แฝงอยู่ในร่างของอินกอง

 

 ถ้าอย่างนั้นจะมีเหตุผลอะไรให้จอมมารหันมาสนใจได้? หรือว่าจะเป็นเรื่องที่เขาทนทานต่อสายตาอันน่าหวั่นเกรงในการประชุมสภาครั้งนั้นจริงจริง?

 

 ปราชญ์ดาบยืดตัวขึ้น สายตาของอินกองย่อมจับตามองยังผู้อาวุโสตรงหน้าก่อนเขาจะกระแอมออกมา

 

“เอาเป็นว่าข้าสนใจในตัวองค์ชาย ข้าตั้งใจจะชี้นำบางอย่างที่ข้าบรรลุให้ องค์ชายจะว่าอย่างไร?”

 

 อินกองหลับตาลง เขาปัดคำถามทั้งหมดในหัวออกพลางตั้งสมาธิไปยังตัวปราชญ์ดาบ

 

 สิ่งที่ปราชญ์ดาบบรรลุ…

 

 ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องปฏิเสธ

 

 แม้สายตาของปราชญ์ดาบจะจ้องทะลุทะลวงทุกสิ่ง แต่นั่นไม่ใช่สายตาของศัตรู

 

 อินกองสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะจดจ้องไปยังปราชญ์ดาบด้วยท่าทางแข็งขัน

 

“ขอความกรุณาด้วยครับ”

 

 คารัคกำหมัดของมัน เฟลิซีถอนหายใจออกมาอย่างหมดห่วงด้วยรอยยิ้ม

 

 ปราชญ์ดาบก็ยิ้มออกมาเช่นกัน ก่อนเขาจะยกมือทั้งสองมาวางบนไหล่ทั้งคู่ของอินกอง

 

“ข้ามาเพื่อถ่ายทอดเคล็ดลมปราณและเคล็ดวิชาบางอย่าง จะมากน้อยเพียงไรก็ขึ้นอยู่ที่พรสวรรค์ขององค์ชายแล้ว”

 

“รับทราบ”

 

 การสนทนาจบลงแต่เพียงตรงนี้ มีหลายอย่างที่ต้องเตรียมในการเรียนรู้เคล็ดลมปราณ

 

 แต่นั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับปราชญ์ดาบ

 

“เช่นนั้นก็มาเริ่มกันเถิด”

 

 เฟลิซีคิดว่าจะไม่หลงเหลืออะไรให้นางตกใจได้อีกแล้ว แต่นางก็คิดผิด

 

 ปราชญ์ดาบเลื่อนมือทั้งสองของเขาขึ้นมากุมศีรษะของฉัตร เขาหลับตาลงก่อนจะเริ่มเดินลมปราณ

 

 อินกองหลับตาลงเช่นกัน ความรู้สึกบางอย่างบอกให้เขาเลือกทำตามแทนที่จะขัดขืน

 

 ลมปราณของปราชญ์ดาบเรืองแสงออกทอง ก่อนจะผสานเข้านำทางลมปราณของอินกอง เป็นเส้นทางที่การเคลื่อนลมปราณที่ต่างออกไปจากเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพ

 

 [คุณได้เรียนรู้ เคล็ดประกาศิตจิตสุร ขั้น1]

 

 และก็เป็นอย่างเช่นเคย อินกองเรียนรู้ทักษะใหม่ได้ในทันที มีรอยยิ้มอันแปลกประหลาดผุดขึ้นบนในหน้าของปราชญ์ดาบ ก่อนลมปราณสีทองจะแทรกซึมเคลื่อนไปทั่วร่างอินกอง

 

 อินกองรับรู้ได้ว่าลมปราณของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น กระทั่งจังหวะลมหายใจของเขาก็เปลี่ยนไป

 

 ทันทีที่อินกองตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลง ท่าร่างบางอย่างก็ผุดขึ้นในห้วงความคิดของเขา เป็นท่าร่างของปราชญ์ดาบร่ายรำเพลงยุทธ

 

 ท่าร่างเหล่านี้คือเคล็ดวิชาที่ปราชญ์ดาบได้กล่าวถึง

 

 ท่าหนึ่งเป็นเคล็ดวิชาการเคลื่อนไหว หากเปรียบเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพเป็นการระเบิดพลังอย่างฉับพลัน สิ่งที่ปราชญ์ดาบถ่ายทอดก็เป็นสายลม พริ้วไหว อ่อนโยน และแข็งกร้าวดั่งลมกรด

 

 ท่าร่างที่สองเป็นเคล็ดวิชาหมัดมวย เป็นการใช้ฝ่ามือร่ายรำไม่ใช่การใช้กำปั้นเข้าปะทะศัตรู เป็นเคล็ดวิชาการปัดป้อง ต่างไปจากทักษะพิฆาตอย่างกระสุนสังหาร ความรู้สึกแผ่ไปทั่วร่างของอินกอง ราวกับเขากำลังร่ายรำท่าร่างดังกล่าวด้วยตนเอง

 

 ท่าร่างสุดท้ายเป็นเคล็ดวิชาเท้า เป็นการย่างก้าวอันเรียบง่ายอย่างต่อเนื่อง แต่กลับรวดเร็วและรุนแรง

 

 [คุณได้เรียนรู้ เคล็ดประกาศิตจิตสุร – วายุ ขั้น1]
 [คุณได้เรียนรู้ เคล็ดประกาศิตจิตสุร – ภูผา ขั้น1]
 [คุณได้เรียนรู้ เคล็ดประกาศิตจิตสุร – อัสนี ขั้น1]

 

 เคล็ดประกาศิตจิตสุรพร้อมเคล็ดวิชากระบวนท่าทั้งสามถูกถ่ายทอดถึงอินกอง

 

 อินกองตะลึงในวิธีการถ่ายทอดของปราชญ์ดาบ แต่ปราชญ์ดาบกลับอัศจรรย์ใจเสียยิ่งกว่าเขา

 

 อินกองเรียนรู้เคล็ดทั้งหมดได้รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ ถึงแม้ปราชญ์ดาบจะใช้การแฝงจิตถ่ายทอด แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับเหนือความคาดหมายของเขาไว้มาก

 

‘อัจฉริยะในระดับเดียวกับองค์ชายรอง?’

 

 ไม่สิ พรสวรรย์การต่อสู้อาจมีอยู่จริง แต่นั่นไม่สามารถส่งผลกับการเรียนเคล็ดวิชาได้ถึงขนาดนี้

 

 ถ้าเช่นนั้น ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? เขาประเมินความสามารถขององค์ชายเก้าผิดไป? ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเขา ปราชญ์ดาบที่สร้างความผิดพลาดนี้?

 

 หากเป็นเช่นนั้นจริง นี่เป็นข้อผิดพลาดที่แสนวิเศษ ปราชญ์ดาบหัวเราะออกมาอย่างยินดีพร้อมการถ่ายทอดเคล็ดวิชาที่สิ้นสุดลง

 

 เขาอยากจะยุติไว้เพียงเท่านี้แต่ก็ไม่สามารถทำได้  ไม่ใช่เพราะมีปัญหากับการถ่ายทอดวิชา กระบวนการทั้งหมดผ่านไปอย่างราบรื่นและฉัตรเรียบรู้เคล็ดทั้งหมดที่ปราชญ์ดาบถ่ายทอด

 

 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ บางอย่างที่ปรับเปลี่ยนในตัวฉัตร ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุด

 

 ลมปราณสีขาวแผ่กระจายออกแน่นหนาราวดั่งเปลวเพลิงลุกโชน คารัค กัมมะ และเฟลิซีนิ่งเฉยเพราะไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้น แต่ตัวปราชญ์ดาบได้แต่ตกตะลึง อิชย์วิตกกังวลกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับร่างกายของฉัตร

 

 [เพิ่มระดับขั้นทักษะ กายาชาตรี]
 [จากทักษะ กายาชาตรี ขั้น3 คุณได้เรียนรู้ทักษะ ไร้ลักษณ์]
 [เพิ่มระดับขั้นทักษะ เซรุ่มร้อยพิษ]
 [เมื่อทักษะเซรุ่มร้อยพิษพัฒนาถึงขั้น3 ทักษะเซรุ่มร้อยพิษจะพัฒนาเป็นเซรุ่มพันพิษ]

 

 ลมปราณในร่างของอินกองแบ่งออกเป็นสอง หนึ่งเคลื่อนตัวตามทิศทางเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพ หนึ่งเคลื่อนตัวตามทิศทางเคล็ดประกาศิตจิตสุร

 

 สิ่งที่เกิดขึ้นปรากฏต่อหน้าปราชญ์ดาบเป็นครั้งแรก ทว่าเขาเคยพบเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงมาก่อน ร้อยละ 99 ของผู้ที่ประสบกับภาวะนี้เสียชีวิตจากการต่อต้านกันของลมปราณที่แตกแยก

 

 ลมปราณที่ปะทุขึ้นรอบตัวอินกองหมุนเวียนอย่างรุนแรง คารัคที่มองอย่างชื่นชมมาโดยตลอดเริ่มรับรู้ถึงบางสิ่งที่ผิดแปลก เฟลิซีก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติและกรีดร้องออกมา

 

 ปราชญ์ดาบย่อมได้ยินเสียงร้องของเฟลิซี แต่เขาเลือกที่จะมองดูความเปลี่ยนแปลง

 

 คารัคสลับสายตามองดูเจ้านายของมันกับปราชญ์ดาบ ก่อนจะหันไปมองหาหนทางจากเฟลิซี ทว่านางไม่ตอบสนองเจ้าออร์คแต่อย่างใด เฟลิซีขบฟันจ้องมองไปยังปราชญ์ดาบ นางไม่มั่นใจว่านางต้องการสิ่งใดกันแน่ แต่นางก็ได้แต่สวดภาวนาให้อินกอง

 

‘นายท่าน’

 

 กรีนวินด์เฝ้ามองอินกองที่หลับตารับการถ่ายทอดวิชา และในทันทีที่นางเห็นลมปราณของเขาปะทุขึ้นอย่างรุนแรง นั่นทำให้นางนึกถึงทรราชเอนคิดูกับพยานอันเคล

 

 พลังอันสุดขั้วของพญามังกรทั้งสอง แต่พลังทั้งสองนั้นก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบภายใต้การควบคุมของอินกอง

 

 ในครานี้ก็เช่นกัน ลมปราณที่แตกแยกทั้งสองเริ่มจะผสานกลับรวมกันเป็นหนึ่ง นอกจากลมปราณทั้งสองจะหลอมรวมกันแล้ว เคล็ดลมปราณที่โคจรทั้งสองก็เช่นกัน

 

 เคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพ และเคล็ดประกาศิตจิตสุร

 

 ทั้งสองถือเป็นเคล็ดวิชาระดับขั้น S แต่ไม่ใช่อีกต่อไป

 

 [เคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพ และเคล็ดประกาศิตจิตสุรได้ผสานรวมกัน]
 [เคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพได้รับการพัฒนา]

 

 อินกองเข้าควบคุมเคล็ดวิชาทั้งสองอย่างสมบูรณ์ด้วยพลังแห่งอาณัติ และผลลัพธ์ทำให้ถือกำเนิดเคล็ดกระบวนท่าต่อสู้ชนิดใหม่ขึ้น

 

 ความรุนแรงจากเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพ ความรวดเร็วและอ่อนโยนจากเคล็ดประกาศิตจิตสุร

 

 ถือกำเนิดเป็นเคล็ดวิชาที่ก้าวเหนือระดับขั้น S นี่เป็นเคล็ดวิชาระดับขั้น SS!

 

 [คุณได้เรียนรู้ เคล็ดไอศวรรย์ราชันสุร ขั้น1]

 

 ไอศวรรย์ราชันสุร…

 

 ทั้งหมดยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้ อินกองรีบใช้แต้มทักษะที่เขาเก็บไว้

 

 [เพิ่มระดับขั้นทักษะ เคล็ดไอศวรรย์ราชันสุร]
 [เพิ่มระดับขั้นทักษะ เคล็ดไอสวรรย์ราชันสุร]

 

 เคล็ดไอศวรรย์ราชันสุร ขั้น3

 

 พลังใหม่ของอินกองที่ถือกำเนิดขึ้นได้ก่อตัวเป็นรูปร่างอย่างสมบูรณ์

 

 คารัคตื่นเต้นกับสิ่งที่มันเห็น เฟลิซีประสานมือแน่นภาวนาจ้องมองมาที่อินกอง กัมมะอธิษฐานต่อกรีนวินด์

 

 แววตาประหลาดใจปนสงสัยก่อตัวขึ้นบนใบหน้าของปราชญ์ดาบ

 

 และในวินาทีนั้นเอง…

 

 อินกองก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับลมปราณขาวบริสุทธิ์ที่ได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ