[คิดการใหญ่มาก!]เจี้ยนซุยเฟิงเป็นคแนกรที่เปิดปากด้วยความตกใจ

สิบปีเพื่อก้าวล้ำเจ็ดตระกูลใหญ่?ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้มาก่อนในจักรวรรดิเทียนอวี่ นับประสาอะไรกับการสู้กับเจ็ดตระกูลใหญ่ที่แข็งแกร่งสุดอย่างประตูจักรพรรดิ

คำพูดของจั๋วฝานถือเป็นเรื่องเพ้อฝัน

แต่จากแววตาของคนอื่น ความอวดดีนี้เป็นอะไรที่พวกเขาชินแล้ว พอรู้จักกันพอ พวกเขาก็ชินกับนิสัยของจั๋วฝาน มากจนพวกเขารู้สึกเฉยชา

นอกจากนี้ เทียบกับเรื่องน่าตกใจที่เขาเคยทำ การพูดอวดโอ้ไม่นับเป็นอะไร แถม เขาอาจทำได้จริง!

พวกเขาไม่อยากเชื่อ แต่ก้ยังคาดหวัง พวกเขาอยากดูว่าสัตว์ประหลาดน้อยนี่จะไปได้ไกลแค่ไหน

นอกจากนี้ ความสนใจของพวกเขายังไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้

“เพ้ย เพื่อปกป้องตระกูลของเราสอง เราไม่มีทางเลือกนอกจากร่วมมือกันและปกป้องหมู่ตึกฮัวอวี่ คงจะดีถ้าเราคุยเรื่องนี้กันเมื่อวาน…ตอนนี้สองตระกูลตกลงกัน โดยไม่มีใครมีเหตุผลอันสมควรที่จะเข้าไปแทรกแซงการแข่งขันอีก..”หลงจิ่วส่ายหัว

เซี่ยเทียนหยางก็บ่นเหมือนกัน”เจ้าหนู การเสนอไปแบบนั้นแย่มาก การชนะด้วยการหลอมโอสถนั้นเหมือนกับการมอบมันให้ราชาเม็ดยาอสูรฟรี ๆ”

“เจ้าคิดว่าข้าอยากเหรอ?ข้าจำให้พวกมันก้าวถอยและยอมมอบชีวิตใหม่ให้กับหมู่ตึกฮัวอวี่ได้ไง?”จั๋วฝานกลอกตา”ยิ่งไปกว่านั้น พวกเจ้าไม่ต้องห่วง พวกเจ้าแค่ต้องสนับสนุนหมู่ตึกฮัวอวี่เป็นครั้งคราว ป้องกันมันจากการโดนกลืนกิน!”

“หมายความว่าเจ้ามีทางออกหรือ?”

จั๋วฝานพูดด้วยความมั่นใจ”มันก็แค่การหลอมโอสถ ข้าจะเผชิญหน้ากับราชาเม็ดยาอสูรด้วยตัวเอง!”

“อะไรนะ?!เขาคือนักหลอมโอสถระดับเจ็ด ..?

ครั้งนี้พวกเขาตื่นตระหนก นักหลอมโอสถระดับเจ็ดถือเป็นจุดสูงสุดในจักรวรรดิเทียนอวี่ มีน้อยคนที่จะไปถึงระดดับนี้ได้ และราชาเม็ดยาก็คือนักหลอมโอสถในโถงราชาเม็ดยา เขาเก่งกว่านักหลอมโอสถระดับเจ็ดทั่วไป อาจเป็นอันดับหนึ่งในจักรวรรดิด้วยซ้ำ

ส่วนจั๋วฝาน ด้วยฐานบ่มเพาะ ด้วยวัยของเขา เขาจะไปสู้ได้ไง?

[บัดซบ!!เด็กนี่มันอะไร?หลอมโอสถ ค่ายกล เขาเชี่ยวชาญทุกศาสตร์!มันแทบไม่มีใครในรุ่นเขาที่แข่งกับเขาได้เลย!]

[ความโปรดปรานของสวรรค์ทั้งหมดทุ่มลงที่เด็กนี่หรือ?]เซี่ยเทียนหยางต่อว่าสวรรค์ เขารู้ว่าฝีมือของจั๋วฝานในการหลอมโอสถไม่ธรรมดา แต่เขาก็ยังไม่ถึงระดับเจ็ด

จั๋วฝานถอนหายใจ”อย่ามองข้าแบบนั้น ข้ากำลังจะเผชิญหน้ากันเขา แต่ข้าก็ไม่แน่ใจนักว่าจะสำเร็จ!”

จั๋วฝานรู้ว่าศาสตร์การเล่นแร่แปรธาตุต้องการสามสิ่ง : ฝึกฝน ฝีมือและไฟ

การบ่มเพาะทำให้ควบคุมไฟได้นาน ฝีมือหมายถึงฝีมือการหลอมลับของบางตระกูล โดยปราศจากทักษะที่ดี ไม่ว่าฐานบ่มเพาะจะสูงส่งแค่ไหนก็ช่วยหลอมเม็ดยาชั้นดีไม่ได้ และไฟก็เป็นตัวกำหนดระดับของการหลอมส่วนผสม

สำหรับวัตถุดิบคุณภาพสูง ไฟธรรมดาไม่สามารถหลอมมันได้ นักหลอมโอสถต้องหาไฟอสูรหรือไฟที่เกิดจากธรรมชาติ!

ยิ่งไฟแรง ความละเอียดยิ่งดี

ฐานบ่มเพาะของเขาทำให้หลอมเม็ดยาระดับสี่ได้มากสุด แต่ด้วยทักษะหลอมลับและโบราณจากคัมภีร์ลับเก้าสมถะ เขาสามารถไปได้สูงกว่านั้น

เกี่ยวกับไฟ เขาไม่รู้ว่าเพลิงฟ้านั้นแข็งแกร่งแค่ไหน แต่มันแข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย เขามั่นใจว่าเขาจะหลอมโอสถระดับเจ็ดได้!

“แล้วถ้าเจ้าพลาดละ?”หลงจิ่วเห็นจั๋วฝานเงียบไปและเริ่มกังวล

ดวงตาของจั๋วฝานฉายแววจิตสังหาร”งั้นก็ต้องสู้ ถ้าเอารากโพธิ์ไป ประตูจักรพรรดิจะเปลี่ยนเป้าหมายมาหาข้าและหมู่ตึกฮัวอวี่จะได้พักหายใจ”

“แต่..เจ้าจะโดนยอดฝีมือของสามตระกูลไล่ล่า..”ดวงตาของหลงจิ่วสั่นเครือ เขาห่วงความปลอดภัยของจั๋วฝาน

จั๋วฝานยิ้ม”ฮ่าๆๆ แล้วไงละ?เราจะเป็นศัตรูกันไม่ช้าก็เร็ว การปั่นป่วนแผนพวกมันล่วงหน้าจะเป็นการดีสุด!ด้วยข้าที่ดึงดูดวามสนใจ สามตระกูลของพวกเจ้าจะมีเวลาเตรียมการ!’

คำพุดของจั๋วฝานทำให้พวกเขาประททับใจ เขากำลังใช้ชีวิตเพื่อซื้อเวลาให้พวกเขา

ตอนนี้พวกเขามองเขาด้วยความขอบคุณและชื่นชม ใครจะกล้าเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ในเมื่อความผิดพลาดเดียวต้องจ่ายด้วยชีวิต?

“เจ้าหนู เจ้ากล้าหาญมาก!”แม้กระทั่งเจี้ยนซุยเฟิงก็ยังชมเขา

เซี่ยเทียนหยางตบไหล่เขา เขาเงียบ แต่ดวงตากลับพูดแทน สายตาร้อนแรงนั่นดูเหมือนะจอยากละลายเขา

มันคือความชื่นชม…

“นายน้อยเซี่ย โปรดอย่าทำร้ายเขาเลย!”

เสียงทรงเสน่ห์ดังขึ้นตามด้วยร่างในชุดแดง มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าหมู่ตึกมู่ตาน

เสี่ยวตานตานวิ่งกลับมาและดึงจั๋วฝานไปหลบหลังเจ้าหมู่ตึกมู่ตาน

“ทุกคน ซ่งอวี่ดื้อรั้นและไปทำให้พวกท่านโกรธเคืองก่อน แต่ได้โปรด เพื่อเห็นแก่ข้า อย่าถือสาเขาเลย”เจ้าหมู่ตึกมู่ตานประสานมือ

พวกเขาตัวแข็งทื่อ จากนั้นก็หัวเราะ!

เจ้าหมู่ตึกมู่ตานคิดว่าพวกเขาจะอยากล้างแค้นจั๋วฝานและเร่งมาช่วยเขา นี่ทำให้พวกเขาสบตากัน มันราวกับว่าพวกเขาได้ส่งข้อความกันผ่านสายตาและก็ตกลงกันที่จะเล่นตามน้ำ

จั๋วฝานมักอวดดีอยู่เสมอจนหลงจิ่วอยากฉวยโอกาสแกล้งเขาบ้าง

หลงจิ่วกระแอมก่อนคำรามด้วยความโกรธ”หมู่ตึกฮัวอวี่ไปรับศิษย์หยาบคายแบบนี้มาได้ไง?ข้าคงตบเขาให้เป็นตัวโง่บัดซบไปแล้วถ้าเจ้าหมู่ตึกมู่ตานไม่มาห้าม!”

“ลุงจิ่ว โปรดอย่าถือสาเขาเลย!”มู่ตานพยักหน้าอีกครั้ง หลงจิ่วลูบเครา แต่คิ้วกลับเลิกคิ้วเยาะเย้ยจั๋วฝาน

หัวใจของจั๋วฝานเต้นกระหน่ำและรู้แผนการอีกฝ่าย

จากนั้น หลงจิ่วก็เดินผ่านเจ้าหมู่ตึกมู่ตานและตบไหล่เขาเหมือนกำลังสั่งสอน”เจ้าหนู ครั้งนี้เจ้ารอดไปได้ แต่ครั้งหน้าเจ้าควรระวังตัว!”

จากนั้นหลงจิ่วก็เดินไป เขาเดินเร็วกว่าปกติ ราวกับกลัวว่าจั๋วฝานจะเอาคืน

จั๋วฝานขยิบตา

เซี่ยเทียนหยางเอาหลงจิ่วเป็นแบบอย่าง เขาตบไหล่จั๋วฝานด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ”เจ้าหนุ ครั้งหน้าจงระวังตัวไว้ให้ดี!ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆอีก!ข้าเก่งกว่าเจ้ามาก!หล่อกว่าเจ้ามาก!อย่าได้คิดฝันว่าจะไต่เต้ามาเทียบเคียงข้าได้!ฮ่าๆๆ”

เซี่ยเทียนหยางพูดไม่อายปาก ถ้ามันเป็นวันอื่น เขาคงไม่กล้าพูดกับจั๋วฝานแบบนี้ แต่ใครใช้ให้จั๋วฝานสวมใบหน้าของซ่งอวี่เล่า?

จั๋วฝานกำหมัด เปลวไฟแผดเผาในดวงตาเขา

[บัดซบ?ตั้งแต่เมื่อไรที่ข้ามีพี่น้องระยำแบบนี้?]

ขณะที่จั๋วฝานจ้องร่างที่หายไปททั้งสอง เสียงทรงเสน่ห์ก็ดังขึ้น”เจ้ามองหาอะไร?รับไม่ได้หรือไง?”

จั๋วฝานหันไปหาหลงขุ่ย

นางกลั้นรอยยิ้มไว้สุดความสามารถขณะพูด”เจ้าก็แค่ผู้เยาว์เหมือนท่านหญิงคนนี้ เจ้าควรสำรวมตัวให้ดีกว่านี้ตอนเจอหน้าลุงจิ่วอีก อย่าหน้าด้านและเรียนรู้มารยาทไว้ซะบ้าง!”

หลงขุ่ยเชิดคาง เดินผ่านเขาไปเหมือนนางพญา ทที่เลวร้ายยิ่งกว่า ตอนนางเดินผ่านเขา จั๋วฝานกลับเห็นรอยยิ้มเยาะบนหน้านาง

จั๋วฝานตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เขาแทบกระอักเลือด

[แม้กระทั่งนางแพศยานี่ก็เอาด้วย?เจ้าโชคดีที่คนของหมู่ตึกฮัวอวี่อยู่แถวนี้ ไม่งั้นข้าจะเปลื้องผ้าเจ้าและตีก้นเจ้าให้ลาย!]

[ข้าสาบานเป็นพี่น้องกับหลงจิ่ว!ข้าเป็นผู้อาวุโสของเจ้า!เจ้าสิหน้าด้าน!]

จั๋วฝานรู้สึกอยากจิกปากนาง หลงเจี๋ยเดินผ่านเขาและเขาก็จ้องกลับราวกับจะพูดว่า’อะไร เจ้าเองก็อยากทำบ้างเรอะ?’

แต่หลงเจี๋ยแค่ยักไหล่และเดินไป

เจี้ยนซุยเฟิงลูบเคราเขาด้วยรอยยิ้ม และเดินตามเซี่ยเทียนหยางไป

ถ้าเขาไม่เห็นมันกับตา เขาคงไม่เชื่อว่าสัตว์ประหลาดจั๋วฝานที่ฆ่าโหยวกุ่ยฉีจะมีวันนี้กับเขาด้วย

เมื่อทุกคนไปหมด เสี่ยวตานตานก็ถอนหายใจและยิ้ม”นั่นอันตรายมาก โชคดีข้าเรียกอาจารย์มาช่วยเจ้าไว้ทัน”

“ใครบอกเจ้าให้เรียก?”

จั๋วฝานจ้องนางอย่างหมดความอดทน[เจ้าพวกนั้นจะกล้าเหิมเกริมกับข้าขนาดนี้หรือไงถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้าสองคนเสนอหน้ามา?]

เสี่ยวตานตานก้มหัว รู้สึกผิดมาก

เจ้าหมู่ตึกมู่ตานโมโห”ซ่งอวี่ อย่าคิดว่าเจ้าจะพึ่งพาท่านเจ้าหมู่ตึกใหญ่ไปได้ตลอดและรังแกศิษย์ข้า!ฮึ่ม เจ้าคิดว่าข้าสนใจชีวิตเจ้านักหรือไง?ข้าแค่มาช่วยเจ้าเพราะตานตานขอ!”

“ฮึ่ม ผู้ชายก็เหมือนกันหมด เนรคุณ!ตานตาน ไปกัน เขาไม่คู่ควรกับเจ้า!”เจ้าหมู่ตึกมู่ตานดึงเสี่ยวตานตานไป

เสี่ยวตานตานหันกลับมามองเขา แต่จั๋วฝานกลับกลอกตา

จั๋วฝานคิดสักพักจากนั้นก็เดินไปโถงรับรอง[มันถึงเวลาที่จะหงายไพ่แล้ว!]

[แลกยาหยกโพธิ์กับความปลอดภัยของหมู่ตึกฮัวอวี่ นี่เป็นข้อเสนอที่ดีพอสำหรับพวกนาง…]