บทที่ 70 – ความเร็วเหนือแสง

 

ด้านนอกจักรวาลจำลองสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มคนหลานร้อยคนที่กำลังนั่งควบคุมสิ่งต่างในจักรวาลจำลองอย่างเป็นระเบียบ

แม้ส่วนใหญ่มันจะเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของทันเอง สิ่งที่พวกเขาทำก็แค่ริเริ่มบางอย่างเท่านั้น เช่นทำให้มีปาฏิหาริย์ที่สิ่งมีชีวิตกำเนิดขึ้น

ทำให้มีปาฏิหาริย์ซึ่งสิ่งมีชีวิตสามารถวิวัฒนาการได้..กล่าวอีกนัยหนึ่งคือทุกปาฏิหาริย์ล้วนเกิดจากพวกเขาทั้งสิ้น

เพื่อที่จะสร้างจักรวาลที่เหมือนกับของจริงทุกอย่าง ส่วนการเติบโต เปลี่ยนแปลง ขยายหรือหดตัวทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบของมันเอง

เพราะจักรวาลจริงก็เป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็นโดยไม่ต้องมีพระเจ้าคอยมาจัดการนั่นจัดการนี่ จักรวาลจำลองเองก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่

แน่นอนว่าเพียงแค่คนร้อยคนก็คงไม่เพียงพอต่อการดูแลทุกอย่างหรอก แต่ทว่าดาวดวงนี้มีโมดูล AI กันเป็นเรื่องปกติ

การจะมี AI ช่วยอยู่เบื้องหลังมันไม่ใช่เรื่องเกินจริงอะไรขนาดนั้นนั่นเอง จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องควรกล่าวถึงอะไรขนาดนั้น

แน่นอนสิ่งที่ทุกคนดูแลก็คือมิว ร่างของมิวที่ลอยเคว้งอยู่บนอวกาศนั้นฉายขึ้นมายังหน้าจอของคนทุกคนในนี้

“ไอ้บ้าแอเรียนมันสร้างปัญหาให้ฉันอีกแล้ว.. แม่งเอ้ย เพราะแบบนี้ไงถึงได้เกลียดพวกชาตินิยมสุดโต่ง”

“ทุกคนคอยเช็กให้ดีว่ามันไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษยชาติมากไป”

“เรื่องเวลาเป็นไง เวลากลับมาไหลเร็วต่างจากเดิมหรือยัง”

คนที่เป็นหัวหน้าคือหญิงชราสวมแว่นตา ผมค่อนข้างฟูแถมขาวโพลนไปทั้งหัว สวมชุดเหมือนนักวิทยาศาสตร์

ถึงเธอจะไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แค่มีรสนิยมใส่ชุดนักวิทยาศาสตร์เฉยๆ มันเท่ดี.. เธอคือหัวหน้าแผนก Simulated Univers System (Clound system)

ว่าง่ายๆ ก็คือผู้ดูแลจักรวาลจำลองหรือคลาวน์นั่นแหละ เธอต่างจากแอเรียนตรงไม่ใช่พวกชาตินิยมสุดโต่ง

เอาเข้าจริงสำหรับเธอดาวดวงนี้จะแตกเธอก็ไม่สน สิ่งที่เธอสนใจก็คือสิ่งที่เธอริเริ่มมันขึ้นมาอย่างจักรวาลจำลองนี้

เธอมีชื่อว่า ‘ซินนี่ กราเตส’ ทุกคนมักเรียกเธอว่าศาสตราจารย์กราเตส เพราะเจ้าตัวชอบถูกเรียกว่าศาสตราจารย์อะนะ

แต่จะอย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่เวลามากล่าวถึงเรื่องความเพ้อฝันอะไรแบบนั้น ซินนี่ออกคำสั่งทุกคนให้ควบคุมและดูแลทุกอย่างรอบตัว

“เอ่อ.. ศาสตราจารย์กราเตส.. พวกเรารู้ถึงเรื่องความผิดปกติที่เวลาใน คลาวน์อาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นแล้วค่ะ”

“อืม ว่ามา?”

“ดูเหมือนว่าเจ้าคนที่แอเรียนใส่ลงมาในคลาวน์ตะติดต่อกับคนอื่นที่อยู่นอกคลาวน์อยู่ แถมการรับส่งข้อมูลของพวกมันน่าจะเป็นการส่งข้อมูลทันที ถ้าขืนปล่อยไว้คงมีการส่งข้อมูลข้ามเวลา”

“แบบนี้เอง จัดการให้เวลาไหลเท่ากันแล้วใช่ไหม?”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

“ดีมาก”

ซินนี่พยักหน้าให้กับลูกน้องที่ดูแลทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยม เอาเข้าจริงคลาวน์ของเธอไม่ได้มีภูมิต้านทานต่อการเกิดความขัดแย้งของเวลา

ในความเป็นจริงหากมีคนย้อนเวลาไปสร้างความขัดแย้งหรือ Paradox สิ่งที่จักรวาลจะทำก็คือการแตกแขนงของเส้นเวลาใหม่ออกมา

แต่จักรวาลจำลองของเธอไม่มีเส้นเวลาที่ขนานกัน มีเพียงอดีต ปัจจุบันและอนาคตเดียวเท่านั้น

ดังนั้นหากมีการสร้าง Paradox ขึ้นมาเธอจินตนาการได้เลยว่าจักรวาลจำลองของเธอจะได้รับผลกระทบขนาดไหน

มันคงจะเป็นรอยแผลของจักรวาลจำลองที่สร้างมาเพื่ออ้างอิงตามจักรวาลจริงเลย.. เพราะแผลแห่งความขัดแย้งกาลเวลา ต่อให้ผ่านไปแล้ว

มันก็ยังคือความขัดแย้งที่อยู่ในช่วงเวลานั้นตลอดไป ไม่ได้มีโลกใหม่ที่เกิดขึ้นมาเพื่อปกป้องแต่อย่างใด

“แต่.. ทั้งมี่อยู่ในคลาวน์ยังสามารถติดต่อกับโลกด้านนอกได้ แบบนั้นมันเป็นไปได้ไง?”

ซินนี่ขมวดคิ้ว ได้แต่คิดในใจว่าไอ้เจ้าแอเรียนมันหาเรื่องผิดคนหรือเปล่าเนี่ย คนที่สามารถสื่อสารกับคนที่อยู่นอกจักรวาลตัวเองได้เนี่ย

มันยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดำงอยู่ในโลกใบนี้จริงๆ เหรอ.. ซินนี่ได้แต่ส่ายหน้ากับความคิดอันเพ้อเจ้อของตัวเอง

เธอเดินไปมองที่มิวที่ค่อยๆ ปรับตัวลอยกลางอวกาศอย่างเชี่ยวชาญ…

“สามารถดักฟังการสื่อสารได้ไหม?”

“ไม่ได้ค่ะ.. นี่แทนที่จะเรียกว่าเป็นการสื่อสารควรบอกว่าเป็นการส่งข้อความในโลกของตัวเองหากันมากกว่า”

“เธอจะบอกฉันว่าอีกฝ่ายก็สามารถสร้างโลกของตัวเองแล้วคุยกันในนั้นได้โดยตรงเหรอ?”

“อาจจะเป็นแบบนั้นค่ะ แต่ไม่มีอะไรยืนยัน”

“อื้ม.. ถึงเจ้าแอเรียนจะบอกว่าไม่ต้องทำอะไรแค่ไม่ให้หล่อนออกมาก็เถอะนะ แต่ตัวตนแบบนี้ฉันว่าควรกำจัดทิ้งให้ไวดีกว่า ทุกคนทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อกำจัดหล่อนซะ”

เมื่อพูดเสร็จทันใดนั้นเอง ร่างกายของมิวก็เหมือนปล่อยพลังงานบางอย่างออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“ศาสตราจารย์เป้าหมายเหมือนจะปล่อยพลังงานลึกลับออกมาจากตัวค่ะ!”

“เดี๋ยวก่อน.. นี่มันพลังงานอะไร ไม่เคยพบเจอมาก่อนเลยนะ!”

“ไม่เคยสร้างของแบบนี้ในจักรวาลจำลองนะเฮ้ย”

“นี่มันหมายความว่าไง?!”

อัตราการเพิ่มขึ้นของพลังงานลึกลับที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของมิวมันมีมหาศาลยิ่งกว่าที่พวกเธอจะจินตนาการได้

แม้แต่ซินนี่ยังหน้าเปลี่ยนสีเลย พลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายมันมีมากกว่า…ทุกสิ่งทุกอย่างที่ในจักรวาลจำลองจะสามารถมีได้

และแน่นอนว่าซินนี่ที่เห็นภาพนี้ เธอก็รับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่าง ขนเธอลุกชันแทบจะทันที ร่ำร้องในใจว่า

ยัยสัตว์ประหลาดนี่มันตัวบ้าอะไร?!

“ทุกคนมันกำลังจะระเบิดพลังงานออกมาเพื่อเร่งตัวเองให้เร็วทะลุกำแพงแสง!บางทีมันอาจจะคิดว่าถ้าเร็วกว่าแสงได้อาจจะหลุดออกมาจากจักรวาลจำลองได้!”

เธอรีบตะโกนอธิบาย แน่นอนว่าเร็วจนทะลุความเร็วแสงในบางกรณีอาจจะทะลุมิติได้ก็จริงแต่นั่นคือมิติแห่งหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับมิติด้านนอก

มีระนาบมิติที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมันไม่สามารถทำให้หลบหนีออกมาได้ก็จริง.. แต่ทว่าหากมีความเร็วที่อยู่เหนือกว่าแสงโผล่มา

ทุกอย่างเกี่ยวกับมิติที่สี่ มิติเวลานั้นคงจะเกิดความขัดแย้งอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเดิมทีในจักรวาลจำลองไม่มีสิ่งใดที่ควรจะเร็วเท่าแสงได้

เพราะแสงคือความเร็วสูงสุด.. แต่ยัยบ้านี่ดันจะใช้พลังงานที่มากกว่าอนันต์ที่ปล่อยออกมานั้นระเบิดเป็นความเร็ว

ขืนปล่อยไว้ร่างมันมีหวังทะลุกรอบตรรกะความเร็วที่เร็วที่สุด.. จักรวาลจำลองที่บ่มเพาะมาอย่างดีอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งเรื่องความเร็วและเวลา

ความเร็วเหนือแสงที่ควรจะเป็นจุดสูงสุดมีอยู่จริง!ความเร็วที่เหนือกว่าความเร็วสูงสุดของจักรวาลนั้นมีอยู่จริง เธอให้เป็นแบบนั้นไม่ได้

เธอไม่สามารถปล่อยให้เกิดความขัดแย้งแบบนี้ไปได้..จนเธอหลงลืมไปเรื่องหนึ่งว่า ความขัดแย้งนั้นมีอยู่ทั่วทุกหนแห่งในจักรวาลที่แท้จริง

สิ่งที่เธอต้องทำก็มีเพียงแค่การสร้างคำอธิบายให้จักรวาลจำลองว่ามิวแค่เร็วกว่าสามแสนกิโลเมตรต่อวินาที.. แต่ก็ไม่ได้เร็วกว่าแสง

แต่ต่อให้เธอคิดได้มันก็ไม่มีเวลามาปรับเปลี่ยนให้ทัน.. เพราะเธอไม่คิดว่าจะมีสิ่งที่เร็วกว่าแสงโผล่ขึ้นมาตั้งแต่แรก

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันฉุกละหุกเกินไป… มันรวดเร็วจนคนยังแทบตอบสนองไม่ทันว่า…

“เปลี่ยนตรรกะจากแสงที่เร็วที่สุด.. ให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่เร็วที่สุดซะ สิ่งที่เร็วที่สุดคือสิ่งมันนั่นแหละ”

“เพราะงั้นจะได้ไม่เกิดความขัดแย้งของเวลาขึ้น เร็ว!”

อุตส่าห์ลดการไหลของเวลาให้เท่าโลกจริงเพื่อลดความขัดแย้งของเวลาที่อาจจะเกิดการส่งข้อมูลข้ามเวลานั้น

เธอไม่ยอมให้มันเสียเปล่าแน่…ซึ่งในวินาทีเดียวกันนั้นร่างของมิวก็ระเบิดความเร็วที่มากเกินกว่าที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะสามารถวัดได้

ร่างของเธอพุ่งแสงแม้แต่อนุภาคโฟตอนที่วิ่งอยู่บนกลางอวกาศ ในความเป็นจริงแล้วต่อให้เธอจะเร็วแค่ไหน แสงมันก็จะเร็วกว่าเธอเสมอ

แต่ในตอนนี้ไม่ใช่.. เพราะแสงไม่ใช่ความเร็วที่สูงที่สุดในจักรวาลอีกต่อไปแล้ว แสงไม่ได้มีคุณสมบัติพิศวงอย่างการเป็นความเร็วที่คงที่อีกต่อไป

แสงในตอนนี้ก็แค่เร็วสามแสนกิโลเมตรต่อวินาทีอย่างแท้จริง.. และความเร็วที่มิวระเบิดออกมาในชั่วพริบตานั้นก็คือ… แสงในมุมมองของมิว

แทบจะไม่ต่างจากการหยุดนิ่งโดยสมบูรณ์ ไม่สิ มันเคลื่อนที่อยู่ แต่ช้ามาก.. ช้ากว่ามิวหลายแสน.. หลายล้านเท่าจนยากจะสังเกตว่ามันเคลื่อนที่อยู่

และในวินาทีนั้นความเร็วของมิวที่ถูกระเบิดออกมาในชั่วพริบตานั้นจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในแบบที่ควรจะเกิด

เหมือนกับแสงจะเร็วสามแสนกิโลเมตรต่อวินาทีสำหรับผู้สังเกตทุกความเร็วอยู่ดี เธอก็จะมีความเร็วเช่นนี้ไปตลอดตราบใดที่ยังอยู่ในจักรวาลจำลอง

แน่นอนเพราะมันคือการโกงความเร็วโดยการหลอกผู้ดูแลระบบ หลอกแสง หลอกจักรวาลจำลองหากถูกจับได้ก็คงถูกแก้ไขให้อธิบายว่ามันคือความเร็วชั่วคราวที่ระเบิดออกมาในพริบตา

แต่มิวที่โกงไปแล้วเธอนั้นมีความเร็วแบบนั้นตลอดเวลาไปแล้ว ใครจะไปรู้ล่ะว่าจริงๆ แล้วมิวไม่ได้เร็วขนาดนั้นทั้งๆ ที่เธอเคลื่อนที่เร็วขนาดนั้นอยู่จริงๆ

สรุปคือ.. ตราบใดที่ซินนี่ยังดูแผนของมิว.. ไม่สิ แผนของเอริเนียไม่ออก

ความจริงที่ว่ามิวไม่ได้เร็วขนาดนั้น

ก็ไม่อาจมีใครล่วงรู้ได้..

ยิ่งเอริเนียที่รู้ความคิดของพวกมันคงกังวลเกี่ยวกับตัวตนของมิวน่าดู เธอยิ่งเดาออกว่าพวกมันคงคาดไม่ถึงแน่ๆ เพราะมัวแต่กลัวว่ามิวจะทำอะไรกับจักรวาลที่ตัวเองรักตัวเองหวงบ้าง.. ทั้งที่ความจริงคนที่ต้องปรับให้สอดคล้องกับความสัตว์ประหลาดของมิวนั่นแหละที่ผิด

เอาเถอะ เอริเนียก็พอเดาได้อยู่แล้วเพราะถ้าไม่ปรับให้สอดคล้องกับความสามารถของมิว มิวก็จะเป็นเหมือนตัวตนจากมิติสูงกว่ามายังมิติต่ำกว่าเลย

ว่าง่ายๆ เอริเนียได้ตระเตรียมทุกอย่างเพื่อมิว เพื่อนายท่านของตัวเองแล้ว

 

…………

[ข้อมูลเพิ่มเติม]

อธิบายเพิ่มเติมตอนก่อนหน้านี้