บทที่ 71 – พระเจ้าปลอม

 

ร่างของมิวพุ่งผ่านกาลอวกาศด้วยความเร็วที่สูงเหนือจินตนาการของเธอเองด้วยซ้ำ เอาเข้าจริงแทนที่จะบอกว่าเธอกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง

ต้องบอกว่าเธอแทบจะเทเลพอร์ตอยู่ด้วยซ้ำ เพราะทุกครั้งที่เธอกะพริบตาหมู่ดาว ทางช้างเผือก ล้วนแปรเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น

ตามหลักแล้วความเร็วเหนือแสงควรจะเป็นสิ่งที่สามารถเดินทางข้ามกาลอวกาศได้แล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่า

มิวสามารถข้ามเวลาหรือเทเลพอร์ตได้เลย แต่เพราะการแก้ไขของคนดูแลทำให้เธอจึงมีความเร็วมากกว่าแสงเฉยๆ เองนั่นแหละ

เธอกลายเป็นตัวแทนของสิ่งที่เร็วที่สุดในจักรวาลนี้ไปแล้ว อย่างน้อยก็ในตอนนี้จะไม่มีใครสามารถตามความเร็วของเธอทันโดยเด็ดขาด

เพราะเธอแทบจะเป็นแสง ความเร็วของเธอคือคงที่เร็วกว่าทุกสิ่งอย่างเสมอนั่นเอง.. ร่างของมิวพุ่งผ่านกาแล็กซีทางช้างเผือก

ทว่าต่อให้เธอเร็วขนาดที่ไม่มีใครในโลกนี้ตามได้ก็ตาม แต่เหล่าผู้ดูแลที่อยู่ด้านนอกไม่ได้เห็นเธอเร็วจนตามไม่ทันขนาดนั้น

หากเป็นนอกโลกจำลอง แน่นอนว่าพวกเขาตามมิวไม่ทันหรอก ถ้าความเร็วขนาดนี้.. แต่โลกด้านนอก สำหรับผู้ดูแล.. พวกเขาแทบเป็นพระเจ้า

แน่นอนว่าเมื่อรับมือกับตัวปัญหาที่เกือบจะทำให้ทุกอย่างในจักรวาลจำลองของพวกเธอพังไม่เป็นท่า

พวกเขาเหล่านั้นย่อมไม่ยอมปล่อยให้มิวสามารถเดินทางได้อย่างรอดพ้นปลอดภัย.. แน่นอนว่าการจะบังคับสิ่งมีชีวิตนั้นสิ่งมีชีวิตนี้ตายนั้นเป็นเรื่องง่าย

แต่เมื่อพยายามลองแล้วสิ่งนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรกับมิวได้.. อาจจะเป็นเพราะแม้มิวจะอยู่ในจักรวาลสี่มิติจำลอง

แต่ว่าเธอก็คือตัวตนที่มาจากมิติจักรวาลที่แท้จริงก็ได้.. หรืออาจจะเป็นเพราะความสามารถของมิวก็ได้.. เรื่องนั้นไม่มีใครรู้

แต่นั่นไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่สามารถสร้างสิ่งของที่ทรงพลังระดับสูงที่สุดออกมาได้.. เพราะพวกเขาคือพระเจ้านั่นเอง

ในระหว่างทางร่างของมิวก็หยุดชะงักลงกะทันหัน โลกทุกอย่างที่เธอมองเห็นราวกับทุกอย่างหยุดนิ่งนั้นหายไปแทบจะทันที

เพราะเธอคุยกับเอริเนียอยู่ด้วย พอเอริเนียเห็นมิวจู่ๆ ก็เงียบไปเธอก็ถามขึ้นว่า

“นายท่านเกิดอะไรขึ้น”

“ดูเหมือนฉันจะเจอ..ของดีเข้าให้แล้วล่ะ”

“หมายความว่าไง เกิดอะไรขึ้นคะ?”

มิวไม่ได้ตอบผู้กล้าเอริเนีย แต่เธอกลับถามอีกคำถามหนึ่งขึ้นมาแทน แน่นอนว่าผู้กล้าเอริเนียไม่สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เธอจึงได้แค่สงสัย

“เธอว่าจักรวาลจำลองนี้มันสร้างเลียนแบบจากจักรวาลจริงใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ.. เพราะว่าการสร้างโครงสร้างจักรวาลสี่มตินั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่มีแบบเพราะมันกว้างขวางเกินไป ต่อให้ในจักรวาลนั้นพวกมันจะเป็นเหมือนพระเจ้า แต่ในจักรวาลด้านนอกพวกมันก็แค่คนธรรมดา ไม่สามารถมีสมองที่เข้าใจทุกอย่างเองได้ดุจพระเจ้าจริง.. ดังนั้นพวกมันต้องสร้างขึ้นมาตามสิ่งที่พวกมันรู้จักจากจักรวาลจริง”

“มันเป็นแค่การคาดเดาของเธอใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ.. ทำไมเหรอ”

“ค่อยโล่งอกหน่อย.. แสดงว่ามันมีโอกาสที่จะไม่ได้มีอยู่จริงสินะเจ้าตัวนี่”

“หมายความว่าไงคะ นายท่าน”

“ก็เจ้าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันเนี่ยมันเหมือนกับ….”

มิวมองไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ หากไม่ใช่ว่าเพราะอยู่ห่างกันเป็นล้านล้านปีแสงเธอก็คงมองไม่เห็นมันทั้งตัวแบบนี้หรอก

แต่ทว่าที่ห่างออกไปนับล้านล้านปีแสงนั้นมันมีสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมากำลังชันขาข้างหนึ่งมองมาที่เธอ

ถึงจะบอกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตแต่ร่างกายของมันนั้นเหมือนประกอบขึ้นมาจากความโค้งงอของกาลอวกาศ

ภายในร่างของมันมีมวลสาร กาแล็กซีดาราจักรมากมายอยู่ภายในนั้น ดวงตาที่เหมือนไม่ใช่ดวงตานั้นจ้องมองมาที่เธอ

เธอไม่แน่ใจว่ามันอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน อยู่มาตั้งแต่แรก หรือพึ่งอยู่.. หรือยังไม่อยู่ในที่แห่งนี้ แต่ทว่าตอนนี้มิวพึ่งรู้สึกว่ามันอยู่ตรงนี้

มิวไม่ได้พูดคำต่อไป.. แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอสัมผัสจากมันได้ไม่ใช่ทั้งความรู้สึกเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู

แต่เจตนาฆ่าของมันที่ปล่อยมาใส่เธอนั้นแทบจะดับแสงดาราทุกดวงที่สาดส่องมายังจุดที่เธออยู่

คำนิยามที่จะเรียกมัน.. บางทีคงมีแค่— “พระเจ้า”

พวกมันไม่สามารถฆ่ามิวได้จากโลกด้านนอก ก็แค่ฆ่าเธอโดยสร้างพระเจ้าของจักรวาลขึ้นมานั่นก็เพียงพอแล้ว!

สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมานั้นจ้องมองมาที่มิวพร้อมกับยกนิ้วมาที่เธอ.. การเคลื่อนไหวของมันนั้นเพราะมีร่างกายที่ใหญ่โตของมัน

แค่ยกแขนชี้มาที่มิวภายในระยะเวลาอันสั้นก็นับว่ามันเร็วกว่าแสงหลายเท่าแล้ว มิวเบิกตากว้างเธอยกแขนสองข้างขึ้นพร้อมกับวินาทีถัดมา—

ดวงดาวทุกอย่างในรัศมีที่นิ้วมันชี้มา ไม่ว่าจะแสงจากดารา หรือดวงดาวที่อยู่ตรงนั้นในระยะนั้นล้วนถูกลบหายออกไปจนหมดแทบจะพริบตาเดียว

“….ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย”

มิวเงยหน้ามองด้านหลังและด้านหน้าตัวเองที่เหมือนจะถูกลบให้หายไป แสงในจักรวาลเหมือนหายไปเกือบหนึ่งในสามเลย

เพราะถึงจะบอกว่าในระยะนิ้ว.. แต่นิ้วของมันก็ขนาดใหญ่เป็นกี่ล้านปีแสงไม่มีใครรู้ ทว่าที่น่าตกใจไปกว่านั้น

แม้ดวงดาราจำนวนนับไม่ถ้วนจะถูกลบให้หายไป ทว่า..มิวกลับไม่เป็นอะไรหรือไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย!

“นายท่านเจออะไรมา?”

“ก็เจอเจ้าตัวที่เหมือนพระเจ้า.. แต่ว่ามันเหมือนจะโจมตีฉันแต่ฉันไม่เป็นไร..เหรอ?”

“พระเจ้า?”

ผู้กล้าเอริเนียได้ยินแบบนั้นเธอก็เงียบลงพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ไม่ต้องไปสนใจมันก็ได้ มันทำอะไรนายท่านไม่ได้หรอก”

“หมายความว่าไง?”

“คือพระเจ้าที่ว่าพวกนั้นคงสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะกำจัดนายท่านนั่นแหละ แต่ว่ามันทำอะไรนายท่านไม่ได้หรอก”

“อืม…?”

“คือจักรวาลจำลองนี้เลียนแบบมาจากจักรวาลจริงใช่ไหม และสิ่งที่พวกนั้นสร้างได้ก็คือสร้างจากความเข้าใจของตัวเองที่มีต่อจักรวาลเท่านั้น นายท่านคิดว่าพวกมันจะสามารถสร้างตัวตนที่ตัวเองไม่รู้จักได้ไหมล่ะ”

“ก็คงไม่?”

“ถูกต้อง สิ่งที่พวกมันสร้างคงเป็นแค่อะไรที่เก่งๆ พลังทำลายล้างเยอะๆ เท่าที่พวกมันจะจินตนาการออกเท่านั้นแหละ แต่เสียดายที่พวกมันไม่น่าจะรู้จักตัวตนแบบนายท่านไง”

“สรุปคือ?”

“นายท่านเก่งเหนือกว่าจินตนาการที่พวกมันจะจินตนาการออกมาได้ไง”

มิวที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับชะงักเธอได้แต่ถามผู้กล้าเอริเนียในใจว่า

“นี่ฉันเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ก็เท่าที่ฉันรู้ควรจะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ ก็เพราะนายท่านคือมังกรนี่”

“ไอ้ฉันก็พึ่งรู้ว่ามังกรมันเทพกว่าสิ่งมีชีวิตลบดาวหายครึ่งจักรวาลได้ตอนที่เธอพูดนี่แหละ”

มิวตอบกลับไปแบบงงๆ พร้อมกับคิดในใจว่า.. แล้วไอ้สัตว์ประหลาดที่เก่งกว่าเธอโดยสิ้นเชิงตอนย้อนเวลากลับไปมันต้องเก่งขนาดไหนถึงโจมตีทะลุอัตลักษณ์นิรันดร์ตัวเองได้

ไหนจะดาบของเอริเนียที่ฟันเข้าเธอได้โดยตรง.. ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไอ้สมองที่เกือบทำเธอถูกควบคุมจิตใจได้

งั้นพวกนั้นก็เก่งสุดๆ เก่งกว่าไอ้ตัวทำลายจักรวาลนี่อีกเหรอ

“สเกลจะเว่อร์ไปไหมเนี่ย ถ้าเป็นในนิยายแล้วฉันเป็นตัวเอกนี่โดนล้อว่าตัวเอกสายเทพเกรียนตบทุกคนแล้วมั้งเนี่ย”

“เอาจริงนะนายท่าน ตั้งแต่ที่นายท่านเริ่มเป็นมังกรมาฉันยังไม่เห็นนายท่านโชว์เทพแบบในนิยายพวกนั้นเลยนะ จะไปเหมือนได้ไงล่ะ.. ตอนแรกก็โดนฉันผนึก ต่อมาโดนป้าข้างงบ้านต้มให้ดูแลเด็ก ต่อมาปาร์ตี้เกือบแตกเพราะความมักง่ายโกงเควส ต่อมาก็ย้อนเวลาไปแล้วกลับมาทำหน้าซึม สักพักเด็กที่ตัวเองดูแลก็โดนลักพาตัว พอตามเจอก็ดันโดนผนึก”

ผู้กล้าเอริเนียร่ายยาวจนเหนื่อย เธอหยุดพักครู่หนึ่งเพื่อหายใจ

“แล้วนายท่านดูเก่งขนาดนั้นตรงไหนอ่ะ?”

“…ที่เธอหยุดพักตรงโดนผนึกพอดีนี่คือจงใจจะยิงเป็นมุกใช่ไหม อีกอย่างเธอไม่ต้องหายใจก็ได้นี่”

“คิดไปเองค่ะ”

“ตั้งใจชัดๆ”

“ไม่ใช่ค่ะ”

“ยังไงก็ตั้งใจ”

“ฉันไม่โกหกนายท่านหรอกค่ะ”

“เหรอ”

“ใช่ค่ะ ถ้าฉันโกหกฉันขอกลืนเข็มพันเล่มค่ะ”

“….”

มิวเหนื่อยที่จะพูดกับผู้กล้าเอริเนีย ผู้กล้าเอริเนียก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเหมือนกัน แต่เธอเหมือนเตรียมอะไรบางอย่างอยู่เสียงดังแคร่กๆๆ

“เธอทำอะไร?”

“ก็เตรียมเข็มพันเล่มไงคะ?”

สรุปหล่อนก็โกหกไม่ใช่หรือไงฟะ

 

……..

[เรือที่คุณลงจะมีชัยไปกว่าครึ่ง ถ้าคนเขียนมันอวย ✔— someone]