บทที่ 72 – ผลที่ต้องมาก่อนเหตุ

 

ร่างกายของมิวพุ่งผ่านอวกาศไปด้วยความเร็วสูง แน่นอนระหว่างทางมีสัตว์ประหลาดที่คนด้านนอกสร้างขึ้นมาเพื่อขัดขวางเธอ

แต่นั่นก็แน่นอนว่าย่อมไม่มีผลอะไรต่อเธอ ถึงแม้พวกเขาเหล่านั้นจะหาวิธีกำจัดมิวอยู่หลากหลายวิธี แต่น่าเสียดายวิธีเหล่านั้นล้วนไร้ค่า

เนื่องจากมิวนั้นมีความแข็งแกร่งที่บ้าบอจนเหนือกว่าจินตนาการของพวกเขาเหล่านั้นด้วยซ้ำ ซึ่งก็เป็นตามที่อิออนได้บอกกับแอเรียนว่า

ทำได้แค่ผนึกเธอลงในนี้เท่านั้น ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถจัดการเธอได้หรอกนั่นเอง

นอกจากจะให้อิออนหรือไอออนช่วยคิดว่าจะสร้างตัวตนแบบไหนถึงจะชนะเอามิวได้น่ะนะ แต่แน่นอนว่าไอออนแค่คำนวณเรื่องของมิวก็สภาพดูไม่ได้

อิออนก็ไม่ใช่สิ่งที่จะช่วยมนุษย์แบบพวกเขา ดังนั้นวิธีการกำจัดมิวอย่างสมบูรณ์นั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้เลย

แม้ทุกอย่างจะเหมือนเกิดขึ้นช้ามาก แต่ตั้งแต่มิวเข้ามาในที่แห่งนี้ก็ผ่านไปยังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ

และมิวก็เดินทางด้วยความเร็วที่สูงมาก.. ห่างไปออกไปร่างของพระเจ้าปลอมค่อยๆ สลายหายไปเพราะพวกมันรู้ว่าจัดการมิวด้วยสิ่งนี้ไม่ได้

แต่ที่อยู่ตรงหน้ามิวคือภาพอันพิศวงที่น่าหวาดกลัว มันคือเทหวัตถุขนาดมหึมาลอยอยู่ต่อหน้ามิว มันใหญ่เสียจนหากเทียบกับมิวแล้ว

มิวไม่นับเป็นฝุ่นสำหรับมันด้วยซ้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่วิ่งผ่านมันนั้นล้วนกลายเป็นสีดำ สิ่งที่เหมือนกับรูของอวกาศตรงหน้ามิวนี้คือหลุมดำ

หลุมดำนี้ไม่ใช่หลุมดำที่หมุนอยู่เพราะแบบนั้นรอบๆ มันถึงนิ่งสงบเงียบงันไร้เสียงหรืออาจจะเป็นเพราะหูของมิวไม่ไม่สามารถรับเสียงนั้นได้

เรื่องนี้ไม่มีใครทราบแม้แต่มิว แต่ภายในนั้นมันคือความพิศวงอย่างแท้จริงใจกลางความมืดมิดนั้นแม้แต่แสงก็ยังไม่สามารถหลบหนีออกมาได้

เราจะไม่กล่าวถึงเรื่องอื่นใดอีกต่อไปแล้ว.. เพราะเบื้องหน้าของมิวคือสิ่งที่อาจจะเป็นทางออกเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในจักรวาลแห่งนี้

มิวเองก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องหลุมดำขนาดนั้นเธอจึงไม่เข้าใจถึงรังสีหรือคลื่นแม่เหล็กที่อยู่รอบๆ หลุมดำ

แต่ถึงแบบนั้นรอยโค้งของอวกาศที่อยู่รอบหลุมดำก็ยังทำให้เธอสามารถรับรู้ได้ทันทีว่ามัน.. สิ่งนั้นก็คือขอบฟ้าเหตุการณ์

หากผ่านพ้นเข้าไปแล้ว หากไม่ใช้ความเร็วเหนือแสงก็จะไม่สามารถออกมาได้นั่นเอง… มิวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

เธอหวนนึกถึงชีวิตตั้งแต่เด็กจนถึงตอนตาย จนถึงตอนเกิดใหม่ จนถึงการผจญภัยที่ผ่านมาในช่วงเวลาสั้นๆ แต่กลับดูยาวนานอย่างถึงที่สุด

เธอรู้จักหลุมดำ แม้จะไม่ได้เข้าใจเชิงลึกแต่หลุมดำคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อดาวฤกษ์มวลมากสิ้นอายุขัย เรื่องแค่นั้นเธอรู้

และมันก็ไกลตัวเกินไปที่เธอคิดอยากจะศึกษามันอย่างจริงจัง บางทีตอนสมัยเรียนมัธยมปลายเธอคงไม่คาดคิดมาก่อนว่าในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เธอจะต้องมาด้าวขาเข้าไปในหลุมดำนี้ด้วยตัวของตัวเอง.. เพราะนี่มันคือภัยของจักรวาลที่ว่ากันว่าแม้แต่แสงก็หลบหนีออกมาไม่ได้

ในตอนนั้นเอง.. ไม่ว่าจะผู้กล้าเอริเนีย.. หรือตัวของมิวก็ไม่ได้เข้าใจถึงความอันตรายที่แท้จริงของสิ่งที่เรียกว่าหลุมดำ

ซินนี่ที่มองการกระทำของมิวเธอก็ได้แต่ขมวดคิ้ว.. ความรู้เกี่ยวกับหลุมดำพวกเธอนั้นย่อมเหนือกว่าผู้กล้าเอริเนียหรือมิวอย่างแน่นอนอยู่แล้ว

เพราะซินนี่เองก็คนที่ศึกษาหลุมดำมาเป็นอย่างดีเช่นกัน.. ถ้าจะบอกว่าสิ่งใดที่เธอมั่นใจว่าสมบูรณ์แบบที่สุด

เธอก็จะตอบว่าคือหลุมดำเลยก็ว่าได้ ถึงความจริงแล้วหลุมดำเองก็มีความลับอีกมากมายที่เธอไม่อาจจะเข้าใจได้ก็เถอะ

อย่างน้อยเท่าที่เธอรู้เธอก็ใส่มันไปในหลุมดำของจักรวาลจำลองนี้แล้ว

“มันคิดจะ… เข้าไปในหลุมดำเหรอ ทำไมล่ะ?”

ซินนี่พูดด้วยความสับสนเล็กน้อย ถึงเธอจะมั่นใจในสิ่งที่เรียกว่าหลุมดำซึ่งกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ว่าตลอดการเดินทางของมิวมันทำให้เธอรู้ดีว่าสัตว์ประหลาดนี้แข็งแกร่งเกินไป

หากมันกล้าเดินทางเข้าไปในหลุมดำด้วยตัวเองนี่… เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่ามันต้องการอะไรเพราะสิ่งที่มันจะทำมันจะ..ไม่สามารถย้อนกลับมาได้นะ!

ในทางด้านของมิว..

“เอาล่ะนะ.. หลุมดำ ประตูสู่นอกจักรวาลจำลองนี้จะเป็นแกหรือเปล่า?”

มิวก้าวขาเข้าไป—

ทว่าวินาทีนั้นเอาไหล่ของเธอพลันถูกมือของคนปริศนาคว้าจับเอาไว้พร้อมกับพูดขึ้น การปรากฏตัวนี้มันปุบปับเสียจนมิวตั้งตัวไม่ทัน

หรือต่อให้เป็นซินนี่ที่ดูอยู่ข้างนอกเองก็ตามยังคาดไม่ถึงกับการปรากฏตัวของสิ่งปริศนาลึกลับ เสียงนั้นดังขึ้นก่อนที่มิวจะทันได้ตั้งหลักว่า

“นั่นไม่ใช่ทางออกของเธอ”

มิวโดดถอยหลังแทบจะทันที ทว่าอีกฝ่ายก็ราวกับรู้การเคลื่อนไหวของมิวทุกอย่างเพราะมันก็หายวับไปรออยู่จุดที่มิวจะไปแล้วก็พูดขึ้นต่อ

“หลุมดำไม่ใช่ทางออก”

“เธอเป็นใคร”

มิวตะโกนถามด้วยความสับสนสิ่งมีชีวิตตรงหน้ามิวก็ปรากฏขึ้นในรูปร่างอันพร่าเลือน ร่างกายของมันดูเหมือนกับจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ

สวมชุดเหมือนกับมิวทุกอย่าง แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับดูพร่าเลือนอย่างน่าเหลือเชื่อ.. แน่นอนว่าชุดที่เหมือนกัน น้ำเสียงที่แม้จะพร่าเลือน

แต่กลับยังคงรู้ดีว่าเสียงเมื่อกี้มันคือเสียงแบบเดียวกับมิว.. มิวไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ แต่บุคคลที่ไม่สามารถเห็นหน้าได้ตรงหน้าเธอ…

ก็คือ…ตัวเธอเอง…?

“ฉัน…ก็คือเธอ ในอนาคตอีกร้อยล้านปีข้างหน้า”

เสียงดูเหมือนกับเธอนั้นตอบออกมา และเมื่อคำพูดนั้นถูกพูดออกมาน้ำเสียงของเธอที่ดูเหนื่อยล้าและเจ็บปวดกับความผิดพลาดของตนเอง

กลับรู้สึกเบาสบายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้… มิวที่ได้รับคำตอบก็ตกใจ

“หมายความว่าไง มันเกิดอะไรขึ้น…?”

เสียงนั้นดูผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าภาระของเธอใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว เธอค่อยๆ ยกมือขึ้นพร้อมกับแทงเข้าที่ข้างหูตัวเอง

ภาพนั้นพร่าเลือนยิ่งกว่าเดิม.. ก่อนที่เธอจะดึงมันออกมา แน่นอนสิ่งที่อยู่ในหัวก็คือสมองของเธอ สมองของมิวในอนาคต

แต่สมองนี้กลับดูแปลกประหลาดเหมือนไม่ใช่สมองของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้เท่าไหร่ เพราะลักษณะของมันช่างดูเหมือนกับสิ่งที่จับต้องหรือสัมผัสไม่ได้

แต่อาจจะเป็นเพราะแก้ไขเรื่องราวหรือเพราะอยู่นานเกินไป มิวแค่เห็นก็รู้ทันทีว่าสมองนี้มันเสื่อมโทรมลงมาก เสื่อมโทรมเสียจนคนที่มีสมองแบบนี้ควรจะเป็นบ้าไปนานแล้ว

“นี่..คือสิ่งที่ฉัน.. สิ่งที่เธอจะเจอเมื่อก้าวเข้าไปในนั้น”

มิวที่มาจากอนาคตโยนสมองที่ใกล้จะพังนั้นให้กับมิวในปัจจุบันเธอก็เผลอรับมาโดยไม่รู้ตัวและในวินาทีที่เธอสัมผัสมัน

ภาพบางอย่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของมิว แม้มันจะดูเลือนรางอย่างถึงที่สุดและมีบางอย่างขาดหายไป

สมองนั้นเหมือนกับได้ทำหน้าที่ของมันแล้วก็..ดับสลายไป

ซินนี่ที่เห็นทุกอย่างก็สีหน้าเปลี่ยนสี..

“ไม่.. หยุด หยุดความคิดนั่นซะ หยุดให้หล่อนได้รับสิ่งนั้นมา!!”

เธอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจักรวาลจำลองทำไมจะไม่เข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น.. จักรวาลนี้.. กำลังถูกแก้ไขอดีต

หมายถึงอนาคตกำลังพยายามจะแก้ไขปัจจุบันในตอนนี้—

ทว่ามันสายเกินไปแล้ว..มิวได้ก้าวเข้าไปในโลกแห่งความทรงจำโลกที่ตัวเธอได้เหยียบเข้าไปในหลุมดำนั้นแล้ว

เธอในตอนนั้นไม่ได้ตระหนักถึงความอันตรายเลย ทั้งมิวทั้งผู้กล้าเอริเนีย—

ร่างของมิวกลายเป็นเส้นแสงยาวที่พุ่งผ่านขอบฟ้าเหตุการณ์ แรงโน้มถ่วงที่เป็นอนันต์นั้นเริ่มดึงร่างของเธอสุดแรงเกิด

ซึ่งทำให้ร่างของเธอถูกยืดยาวลงไปภายในหลุมดำ ร่างกายของเธอไม่สามารถรู้สึกถึงความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ จากกระบวนการนี้

แต่ทว่าความรู้สึกที่เห็นร่างกายของตัวเองถูกยืดออกราวกับเส้นสปาเก็ตตี้นั้นมันถูกฝังรากลึกในจิตใจอาการปวดหัวเวียนศีรษะตามมาอย่างรวดเร็ว

แม้เธอจะไม่ตายจากสภาวะนี้ แต่ทว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนถูกยืดออกไปเป็นอนันต์แน่นอนว่ารวมถึงเวลาด้วย

เวลาภายในนี้เหมือนกลับถูกขยายออกและหดตัวในเวลาเดียวกัน ทุกอย่างมันพิศวงเสียจนมิวอยากจะอ้วก

ไม่สิ เดิมทีเธออ้วกไม่ได้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ในเวลาถัดมาเธอไม่อาจสัมผัสได้ถึงร่างกายของตนเองอีกต่อไป

ราวกับโครงสร้างสามมิติในร่างกายของตัวเธอเองกำลังจะถูกลบให้หายออกไปในเวลานี้ ต่อให้เป็นอัตลักษณ์นิรันดร์ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเธอเอาไว้ได้

มิวสัมผัสถึงความอันตรายจากที่แห่งนี้ชัดเจน.. ผู้กล้าเอริเนียที่สื่อสารอยู่ยังถูกตัดขาดออกไปเวลาในจักรวาลด้านนอกไหลเร็วขึ้น

และเวลาในหลุมดำกลับไหลต่างจากเวลาในจักรวาลเช่นกัน แนวคิดของเวลาหรือระยะทางมิวไม่อาจสัมผัสถึงมันได้อีกต่อไป

ใช่.. เธอไม่สามารถเคลื่อนที่ได้..

เธอได้ตระหนักรู้ในวินาทีนั้นว่าเธอ..ไม่สามารถหลบหนีออกจากตรงนี้ไปได้ เธอเร็วกว่าแสงแล้วเธอคือสิ่งที่เร็วที่สุดในจักรวาลแล้ว

แต่นั่นมันผิด ผู้กล้าเอริเนียกำลังเข้าใจผิด ทุกคนกำลังเข้าใจผิด.. การเร็วกว่าแสงที่มีความเร็วสามแสนกิโลเมตรต่อวินาทีนั้น

ไม่ได้ช่วยให้มิวสามารถหลบหนีออกมาจากจักรวาลได้.. เธอจะเร็วกว่าแสงอีกล้านล้านล้านล้านล้านล้านล้านเท่าก็ไม่อาจจะสามารถหลบหนีออกจากหลุมดำได้ ตราบใดที่มันยังเป็นการเคลื่อนที่ ตราบใดที่ยังไม่ใช่การเหนือกว่าจุดสูงสุดของความเร็วที่จักรวาลจะมี

ใช่แล้ว.. เพราะเดิมทีภายในหลุมดำมันไม่มีทั้งระยะหรือเวลาให้เคลื่อนที่ได้แต่แรกอยู่แล้ว ทุกสรรพสิ่งไม่เว้นแม้แต่แสงซึ่งเป็นความเร็วที่สูงที่สุดในจักรวาลก็จะเดินทางจากจุดเริ่มต้นไปยังเป้าหมาย

ซึ่งนั่นหมายความว่าต้องมีทั้งระยะและเวลา.. แต่หลุมดำไม่มีสิ่งเหล่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างภายในหลุมดำล้วนแล้วแต่ถูกบีบอัดจนกลายเป็นอนันต์

มิติที่หนึ่ง มิติที่สอง มิติที่สาม มิติที่สี่.. ทุกอย่างที่ว่ามานั้นถูกหดให้หายไปจนเป็นศูนย์….

และมันคือสิ่งที่เรียกว่า ภาวะเอกฐาน!

ในบัดนั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะมิวนั้นแตกต่างจากทุกสรรพสิ่งอย่างแท้จริงหรือเพราะอะไร.. ตัวของเธอราวกับกลายเป็นส่วนหนึ่งกับมัน

เธอไม่ได้หายไป.. แต่เธอกลายเป็นหนึ่งเดียว หลอมรวมผสานกับทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ทุกหนแห่งอย่างน่าตื่นตะลึง

นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้ แม้แต่ผู้สร้างจักรวาลจำลองนี้ก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ไม่มีใครเข้าใจได้

ทว่า.. ในวินาทีนั้น

มิวได้ตระหนักรู้ถึงข้อผิดพลาดของตนเอง

เธอไม่ได้เร็วกว่าแสงที่เป็นความเร็วที่สูงที่สุดในจักรวาลจะมีได้ เธอก็แค่เร็วกว่าแสงที่มีความเร็วสามแสนกิโลเมตรต่อวินาทีเท่านั้น

อาจจะมองดูเหมือนกันแต่ทว่ามันแตกต่างกันสุดขั้ว ต่างกันจนแม้แต่ผู้กล้าเอริเนียยังไม่สามารถที่จะเข้าใจได้

ใช่.. มิวในตอนนี้แค่เป็นสิ่งที่เร็วที่สุดในจักรวาลแทนแสงก็เท่านั้น เป็นจุดสูงสุดที่ทะลุกรอบความเร็วสามแสนกิโลเมตรต่อวินาทีมาก็เท่านั้น

เธอเพียงแค่กลายเป็นจุดสูงสุดของความเร็วที่จักรวาลจะมี และนั่นมันก็ไม่ใช่ความเร็วที่จะสามารถหลบพ้นจากหลุมดำได้

ใช่แล้ว..

สิ่งที่พวกเธอต้องทำในการหลบหนีออกจากหลุมดำไม่ใช่เร็วมากกว่าสามแสนกิโลเมตรต่อวินาที

แต่เป็นความเร็วยิ่งกว่าความเร็วสูงสุดที่จักรวาลจะมีได้..

เร็วจนเกิดสิ่งที่ซินนี่กลัว เร็วจนทะลุหลักเหตุและผล

พูดอีกนัยหนึ่งก็คือต้องเร็วจนผลลัพธ์มาก่อนต้นเหตุ

“เพื่อที่จะออกไปจากหลุมดำ ฉัน..ต้องเร็วจนสามารถย้อนเวลากลับไปหาตนเองก่อนที่จะเริ่มเข้ามาในหลุมดำนี้ตั้งแต่แรก”

“ฉันจะต้อง..ทำให้ผลลัพธ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่ต้นเหตุจะมาถึง”

 

……..
 

[หลอกให้ตายใจแล้วหักมุมแบบไม่คาดฝัน ! – someone]