ตอนที่ 60 เจ้าคู่ควรที่จะเรียนหนังสืออย่างนั้นหรือ

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

ตอนที่ 60 เจ้าคู่ควรที่จะเรียนหนังสืออย่างนั้นหรือ?

สีหน้ารังเกียจอย่างปิดไม่มิดของเฉินหลันหลันย่อมตกอยู่ในสายตาของจี้จือฮวน

จี้จือฮวนเองก็มองกลับไปด้วยสายตาแบบเดียวกัน จิ๊ จิ๊ จิ๊ ชุดสีแดง ดอกไม้ประดับผมสีเขียว สีแดงตัดกับสีเขียวบ้านนอกสิ้นดี เมื่อมองดูดี ๆ ก็ดูคล้ายกับเฉินเย่าจงอยู่เล็กน้อย

เฉินหลันหลันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที “จี้จือฮวน สายตาของเจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”

“ขอโทษที ข้าแค่อิจฉาผิวพรรณของเจ้า บำรุงหนามากจริง ๆ ดังนั้นข้าก็เลยมองนานไปหน่อย”

เฉินหลันหลันลอยหน้าลอยตาด้วยความภาคภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้ว ผิวของข้าในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครเทียบได้”

จี้จือฮวน “…”

ดูท่าสมองน่าจะมีปัญหา

เฉินหลันหลันได้ยินนางชมเช่นนี้ก็มีท่าทีที่ดีขึ้นมาหน่อย นางลูบดอกไม้ที่ข้างขมับเล็กน้อย “เย่าจงของเราจะได้ไปเรียนที่สำนักศึกษาชิงอวิ๋นแล้ว พ่อข้าบอกว่าให้เชิญคนทั้งหมู่บ้านไปกินข้าว ครอบครัวพวกเจ้าก็มาด้วยล่ะ”

จี้จือฮวนรู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว เฉินไคชุนผู้นี้ขี้เหนียวอย่างกับอะไรดี แต่นี่จะเลี้ยงข้าวคนทั้งหมู่บ้าน เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้คงจะดีใจมากจริง ๆ

“รู้แล้ว”

เฉินหลันหลันเห็นท่าทางไม่แยแสของนาง ก็เอ่ยกำชับอีกว่า “เจ้าต้องไปให้ได้นะ”

ท่านพ่อบอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้พวกเขาไปร่วมงานให้ได้ ต้องให้พวกเขาเห็นว่าต่อให้สร้างบ้านใหม่แล้ว ก็ยังสู้บ้านของเราไม่ได้อยู่ดี

เฉินหลันหลันเอ่ยจบ เห็นจี้จือฮวนไม่ตอบอะไร ก็แอบมองสำรวจในลานบ้าน และเห็นเสี่ยวเจียนกำลังกินขนมอยู่ เหมือนกับที่สำนักศึกษาชิงอวิ๋นส่งมาไม่มีผิด

ครอบครัวจี้จือฮวนมีเงินไม่น้อยจริง ๆ!

นอกจากคนงานเหล่านั้นจะมีชาสมุนไพรและน้ำแกงหวาน ๆ ดื่มแล้ว แม้แต่ไก่ที่อยู่บนพื้นก็ยังได้กินเมล็ดข้าวโพดอีกด้วย

ดูจากการก่อสร้างแล้ว นางคิดจะสร้างบ้านด้วยอิฐสีน้ำเงิน*อย่างนั้นหรือ?

* อิฐสีน้ำเงิน (青砖) ในสมัยโบราณถือว่าเป็นวัสดุในการก่อสร้างที่แข็งแรงทนทานและมีราคาแพงที่สุด

ทันใดนั้นเฉินหลันหลันก็รู้สึกว่าครอบครัวของตัวเองสู้ไม่ได้แล้ว อีกนานกว่าเย่าจงจะสอบจอหงวนได้ เมื่อใดเขาจะได้เป็นขุนนางเสียที แล้วเมื่อใดนางจะได้แต่งกับท่านอ๋องในเมืองหลวงกัน?

น่าโมโหจริง ๆ จี้จือฮวนที่อัปลักษณ์นั่นโชคดีจริง ๆ วันหน้านางก็จะไปขายของที่ตำบลบ้าง นางหน้าตาสะสวยเพียงนี้ ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนซื้อด้วยอย่างนั้นหรือ?

จี้จือฮวนหารู้ไม่ว่าความคิดของสตรีผู้นี้ไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว เมื่อเห็นเฉินหลันหลันพูดจบนางก็เดินกลับเข้าห้องทันที

ท่านป้าหยางออกมาจากห้องครัว เห็นเฉินหลันหลันเดินกลับไปแล้ว จึงหันกลับมาแล้วเอ่ยถาม “นางพูดอะไรหรือ?”

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ แค่มาบอกว่าคืนนี้หัวหน้าหมู่บ้านจะจัดโต๊ะจีน ฉลองที่เฉินเย่าจงเข้าสำนักศึกษาชิงอวิ๋นได้ จึงให้พวกเราไปกินข้าวด้วย”

ท่านป้าหยางเอ่ยด้วยความสงสัย “ครอบครัวพวกเขาใจกว้างเพียงนี้เชียวหรือ? แต่จะว่าไปแล้วก็แปลก ข้ามองเห็นจากไกล ๆ ว่าภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน หยวนซื่อน่ะ เจ้ารู้จักใช่หรือไม่ นางหอบผ้าหลายพับวิ่งไปทางบ้านของช่างตัดเสื้อเฉิน บอกว่าจะตัดเสื้อผ้าให้เฉินหลันหลันกับเฉินเย่าจง ผ้านั่นดูท่าคงไม่ใช่ถูก ๆ เลย คนในชนบทอย่างเราเคยมีผ้าดี ๆ ตั้งแต่เมื่อใดกัน”

เสี่ยวเจียนเองก็เงยหน้าขึ้น “อ้อ พูดถึงเรื่องนี้ วันนี้ครอบครัวพวกเขามาหาสองรอบแล้วนะเจ้าคะ เมื่อเช้าตอนที่พวกท่านไม่อยู่ พวกเขาบอกว่าอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาชิงอวิ๋นส่งของขวัญมาให้ นี่ก็คือของขวัญนั่น บอกว่าเพื่อขอบคุณที่ท่านช่วยอาจารย์ของเขาไว้เจ้าค่ะ”

จี้จือฮวนมองเห็นเป็นแค่ผ้าธรรมดา และมีเพียงหนึ่งพับเท่านั้น

หลินเซวียเหวินผู้นั้นดูท่าทางก็รู้ว่าเป็นคนมีการศึกษา จะเสียมารยาทเช่นนี้ได้อย่างไร จี้จือฮวนจึงนึกสงสัย “คนครอบครัวเฉินเอามาให้อย่างนั้นหรือ?”

“ใช่เจ้าค่ะ ตอนนั้นพวกเราไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน สถานการณ์เป็นเช่นไรข้าเองก็ไม่แน่ใจ หรือไม่คืนนี้ตอนไปกินเลี้ยงลองถามพวกเขาดูดีหรือไม่เจ้าคะ?”

จี้จือฮวนคิดไปคิดมา คงไม่ใช่ว่าของที่หลินเซวียเหวินส่งมาจะถูกคนครอบครัวเฉินเก็บเอาไว้เสียเองแล้วกระมัง?

อีกด้านหนึ่ง เฉินหลันหลันเดินบิดก้นกลับมาบ้าน เฉินเย่าจงก็ได้เปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว ทั้งยังตั้งใจแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างดี จึงดูดีขึ้นมาไม่น้อย หยวนซื่อยิ้มจนตาหยีด้วยความดีใจ

“เย่าจงของเราเก่งจริง ๆ”

เทียบเชิญเข้าเรียนของสำนักศึกษาชิงอวิ๋นถูกตั้งไว้ในศาลบรรพชนแล้ว ต้องให้คนในหมู่บ้านตระกูลเฉินทุกรุ่นจดจำชื่อเฉินเย่าจงเอาไว้

เฉินหลันหลันก็มีความสุขมากเช่นกัน เขามีหน้ามีตาแล้ว นางก็จะสามารถแต่งงานกับครอบครัวดี ๆ ได้มิใช่หรือ? และเวลานี้ก็มีผ้าเนื้อดีที่อาจารย์ใหญ่ส่งมาให้ด้วย การดูตัวครั้งต่อไปของนางจะต้องราบรื่นอย่างแน่นอน

“จริงสิ เจ้าไปบอกครอบครัวเผยหรือยัง นางว่าอย่างไรบ้าง?” หยวนซื่อกลัวมากว่าจี้จือฮวนจะรู้ว่าครอบครัวของตนเอาของของนางมา จึงรีบเอ่ยถาม

เฉินหลันหลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นางชมข้าว่าผิวพรรณดี”

“นางชมคนเป็นด้วยหรือ ชมว่าอย่างไร?”

“บอกว่าข้าหน้า…หนา…”

!!!

เมื่อพูดทวนอีกครั้งเฉินหลันหลันก็เข้าใจได้แล้ว “นางอัปลักษณ์นั่นมันกล้าด่าข้า!”

หยวนซื่อหมดคำจะพูดจริง ๆ แค่คำพูดง่าย ๆ แต่นางเพิ่งจะมารู้ตัวเอาป่านนี้

หมดทางเยียวยาแล้วจริง ๆ

เฉินหลันหลันโมโหเป็นอย่างมาก นางตั้งปณิธานว่าคืนนี้จะต้องสั่งสอนจี้จือฮวนให้จงได้!

คนของครอบครัวเฉินต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารองานเลี้ยงตอนเย็น นี่เป็นงานใหญ่ของหมู่บ้าน แม้แต่หลี่เจิ้งก็ได้รับเชิญให้มาร่วมงานด้วยเช่นกัน

ดังนั้นพวกเขาจึงไปหาคนขายเนื้อในหมู่บ้านให้ฆ่าหมูตัวหนึ่ง เรียกได้ว่าจ่ายเงินไปไม่น้อยทีเดียว

คนในหมู่บ้านต่างก็มาช่วยงาน ตอนหัวค่ำจึงมีเสียงตะโกนคุยกันอย่างคึกคัก

จ้านอิ่งตื่นขึ้นมาแล้ว แต่มันยังคงเฝ้าอยู่ข้างกายของเผยยวนไม่ยอมไปไหน เมื่อถึงเวลาที่พวกเหล่าเติ้งกลับบ้านไปหมดแล้ว จี้จือฮวนก็ได้แต่งตัวให้เด็กทั้งสามคน ก่อนจะพาพวกเขาไปที่บ้านของเฉินไคชุน

ตอนที่พวกเขามาถึงก็นับว่าสายมากแล้ว เฉินไคชุนรอคอยด้วยความวิตกกังวล เมื่อเห็นนางก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที “สะใภ้ตระกูลเผย บ้านเจ้ายุ่งเพียงนี้เชียวหรือ เชิญเจ้ามากินข้าวยังมาช้าขนาดนี้?”

ข้าไม่ได้อยากจะมา จี้จือฮวนลอบกลอกตามองบน

ส่วนเฉินเย่าจงที่กำลังต้อนรับแขกอยู่ข้าง ๆ เฉินไคชุน เมื่อเห็นเผยจี้ฉือก็เชิดคางขึ้นทันที วางท่าสูงส่งเกินเอื้อม

เพียงแต่ครอบครัวนี้หาได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาไม่

โดยเฉพาะเผยจี้ฉือผู้นั้น เขาเดินอยู่ข้างกายจี้จือฮวนโดยไม่ปรายตามองเฉินเย่าจงแต่อย่างใด แผ่นหลังที่ตั้งตรง ร่างกายแม้จะยังผอมบางไปสักหน่อย แต่ก็สามารถเห็นถึงความหยิ่งทะนงได้เป็นอย่างดี

เฉินเย่าจงเมื่อหันมามองดูตัวเองที่สวมเสื้อผ้าใหม่ และเพิ่งใส่ไปแค่ครั้งเดียวเมื่อตอนปีใหม่ แต่เนื่องจากแม่เขากลัวว่าเขาจะโตเร็วเกินไป จึงตั้งใจตัดให้ใหญ่กว่าตัว เขาจึงเสียหน้าไม่น้อย

เป็นอีกครั้งที่เฉินเย่าจงรู้สึกอัปยศอดสู

“สะใภ้ตระกูลเผย มานั่งนี่มา” ท่านป้าหลายคนในหมู่บ้านเรียกนางไปนั่งด้วย

พวกนางต่างมีความสัมพันธ์อันดีกับท่านป้าหยาง เมื่อเห็นท่านป้าหยางดีต่อจี้จือฮวน ทั้งยังบอกว่าเสี่ยวเจียนไปช่วยงานและได้เงินถึงหกสิบเหวิน พวกเขาจึงอยากจะสร้างความสนิทสนมกับจี้จือฮวนเอาไว้ เช่นนี้ภายภาคหน้าหากมีอะไรที่ทำเงินได้ นางก็จะได้คิดถึงพวกตนบ้าง

“สวัสดีท่านป้าทุกท่านเจ้าค่ะ” จี้จือฮวนเพิ่งจะกล่าวทักทายเสร็จ เด็กทั้งสามคนก็ได้กล่าวทักทายโดยพร้อมเพรียงกันขึ้นมาทันที

อาชิงที่มีเสียงนุ่มนิ่มย่อมเป็นที่ชมชอบมากที่สุด อาอินที่มีหน้าตาน่ารักและเป็นเด็กดีที่ขยันขันแข็งต่างก็เป็นที่รู้จัก ส่วนเผยจี้ฉือนั้นหน้าตาดี ไม่ซุกซนเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน จึงนั่งข้าง ๆ จี้จือฮวนคอยดูแลน้อง ๆ อย่างเงียบ ๆ ทำให้บรรดาพวกผู้หญิงอิจฉากันเป็นอย่างมาก

เมื่อก่อนพวกเขารู้สึกว่าครอบครัวนี้น่าสงสาร เด็ก ๆ ต่างไม่มีคนคอยดูแล ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด โชคของจี้จือฮวนในภายภาคหน้าเกรงว่าคงจะมีไม่น้อย สร้างบ้านหลังใหญ่ได้ขนาดนี้ มิหนำซ้ำยังมีรถม้าอีกด้วย

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็มีคนถามขึ้นมา “อาฉือ เจ้าดูสิ พี่เย่าจงเก่งเพียงนี้ เจ้าอยากไปเรียนหนังสือหรือไม่?”

เผยจี้ฉือหลับตาลงเล็กน้อย กำลังจะตอบกลับไปว่าตนไม่อยากเรียนหนังสือ พลันนั้นก็ได้ยินเสียงแหลม ๆ ของเฉินหลันหลันเอ่ยเยาะเย้ยขึ้นมา “ไม่ใช่ว่าใครก็จะเก่งเหมือนกับเย่าจงได้ อย่าสิ้นเปลืองเงินทองเลย จะได้ไม่เรียนไปอย่างเสียเปล่า”

.

.

.