ถึงจะพาอัลเฟรียกลับมาได้แล้ว เราก็ยังต้องกลับไปฝึกกันต่อ

ทั้งความสามารถส่วนตัวและทีมเวิร์คของปาร์ตี้เวอร์เนลก็ดีขึ้นมาก

ถึงจะมีนิสัยแบบนั้น แต่ความสามารถของอัลเฟรียนี่ก็เป็นของจริงเลยล่ะ

สมกับเป็นเซนต์ที่สามารถปราบ(เก๊)แม่มดได้ตั้งแต่ยังไม่โดนขนานนามว่าเป็นเซนต์

แค่โจมตีไม่กี่ทีพวกปีศาจก็ร่วงกันไปเป็นแถบ ค่อยดูสมเป็นเซนต์ขึ้นมาหน่อย

แต่ไงดีล่ะ…รอยยิ้มนั่นน่าหมั่นไส้จังเลยเว้ย ชั้นเลยโชว์เหนือด้วยการกวาดพวกปีศาจหายไปทั้งป่าในตู้มเดียว ทำเอาเธอเจียมตัวไปพักนึงเลย

ก็นึกว่าทำเกินไปอยู่อ่ะนะ แต่เจ้าเต่าบอกว่า “คนแบบนี้แหละ ต้องแสดงให้เห็นกันไปเลยว่าใครเป็นจ่าฝูงตัวจริง”

โหดร้ายกับอัลเฟรียจังเลยนะคุณเต่า

ไงก็เถอะ ความสามารถของเธอน่ะเหนือล้ำซะยิ่งกว่าเอเทอร์น่าซะอีก เป็นกำลังรบได้มากเลยล่ะ

แน่นอนว่าเราจะใส่เธอลงไปในปาร์ตี้ด้วยเลย

ชั้นให้ไม้เท้าแบบเดียวกับของเอเทอร์น่าไป อัลเฟรียจะได้ไม่ปราบแม่มดไปโดยอุบัติเหตุ

เพราะอย่างนั้นเราก็ต้องทำชุดเครื่องแบบนักเรียนสำหรับอัลเฟรียไว้ด้วย

“เหห น่ารักนะเนี่ย ก็คือตอนที่ลงไปใต้ดินนี่ เราจะต้องใส่ชุดนี้ใช่มั้ย?”

“ใช่แล้วค่ะ”

ชั้นพาเธอมาลองชุดที่ชั้นห้า เธอดูจะถูกใจมันอยู่ไปน้อยเลย หมุนไปหมุนมาเพื่อเช็คดีไซน์

เพราะว่ามีผู้ชายอย่างเวอร์เนลอยู่ด้วย เลยยังไม่เปลี่ยนชุดทันที

ลุงฟ็อกซ์เองก็อยู่ด้วยนะ ก็เป็นคนสั่งตัดทำชุดนี่นา

“เราชอบสีเขียวนะ เป็นสีโปรดของเราเลยล่ะ”

“อย่างนั้นหรือคะ?”

“ใช่แล้ว ในทางตรงข้าม เราเกลียดสีแดงน่ะ มันทำให้เรานึกถึงเลือดของพวกปีศาจน่ะ เห็นแล้วทำให้รู้สึกคลื่นไส้”

งี้เอง อัลเฟรียชอบสีเขียวนี่เอง

น่าจะเพราะแบบนั้นเครื่องแบบของสถาบันถึงเป็นสีขาวและเขียวสินะ

ชั้นหันไปหาลุงฟ็อกซ์ให้ช่วยอธิบายให้หน่อย

“ขอรับ เป็นเพราะว่าสีเขียวเป็นสีที่โปรดปรานของท่านเซนต์รุ่นแรกจึงทำให้ชุดนักเรียนของเรามีสีเช่นนี้ เช่นเดียวกันที่เราหลีกเลี่ยงการใช้สีแดงในการทำชุด”

“โห…เป็นอย่างนั้นเองสินะคะ”

เอเทอร์น่าก็เออออตามไปด้วย

ยังไงซะที่นี่ก็เป็น “สถาบันอัศวินเวทมนตร์อัลเฟรีย” จะให้ใช้สีที่เธอเกลียดมาทำชุดนักเรียนก็ใช่ที่

ในขณะที่ทุกคนคุยเรื่องนี้อยู่นั้น เวอร์เนลทำหน้าเหมือนกำลังคิดบางอย่างอยู่

สงสัยคิดว่า”สีเขียวเห่ยจังว้าา”แหงเลย

ที่ต้องให้อัลเฟรียใส่ชุดนักเรียนก็เพื่อตบตาแม่มด

เพราะฉากหน้าของปาร์ตี้นี้ก็คือ “กลุ่มนักเรียนที่เผอิญหลงเข้าไปยังที่พำนักของแม่มด”ยังไงล่ะ

ถ้าคิดว่าเป็นนักเรียนธรรมดาก็มีโอกาสสูงที่แม่มดจะยอมสู้ด้วยเพื่อปิดปาก

ถ้าปล่อยให้หนีไปได้ก็เท่ากับว่าที่อยู่ของเธอจะถูกเปิดเผย จะเทเลพอร์ตหนีไปเลยก็เป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่า

เราจะใช้ความกลัวของเธอมาไล่ต้อนเธอนี่ล่ะ

วันตัดสินชะตาก็ใกล้เข้ามาทุกที

…ชีวิตของชั้นเองก็เหลืออีกไม่มากแล้วด้วย

ในตอนกลางคืน ชั้นแอบออกมาจากห้องโดยไม่บอกเลย์ล่า เพื่อมาที่สนามฝึกซ้อมของสถาบัน

ลมแรงไปหน่อยก็จริง แต่ไหนๆแล้วก็อยากมาชมวิวบ้างอะไรบ้าง ยังไงซะนี่ก็เป็นวิวที่อีกไม่นานชั้นก็คงไม่ได้มีโอกาสเห็นอีกแล้วล่ะ

มาบันทึกวิวนี้ไว้ในความทรงจำกันเถอะ

ถึงโอกาสรอดของชั้นจะสูงขึ้นเพราะการมาถึงของอัลเฟรีย แต่ยังไงซะถ้าการต่อสู้กับแม่มดจบลง ชั้นก็คิดที่จะเปิดเผยว่าตัวเองเป็นของปลอม คืนตำแหน่งให้เอเทอร์น่า จากนั้นก็หลบหนีไปในทันที

ตำแหน่งเซนต์น่ะคู่ควรกับคนที่เป็นเซนต์ตัวจริงเท่านั้น

เมื่อความสงบสุขมาถึง ตำแหน่งนั้นก็จะถูกส่งคืนให้แก่เอเทอร์น่า เรื่องนี้น่ะถูกกำหนดไว้แล้ว

ชั้นจะหนีไปในที่ๆจะไม่มีใครพบเจอชั้นได้อีก แล้วก็ตายเงียบๆคนเดียว ถ้าไม่มีใครเจอศพชั้นก็คงไม่มีใครเศร้าด้วยหรอก

“เอ๋? ท่านเอลริส?”

ชั้นหันไปหาเสียงที่มาจากด้านหลัง แล้วก็พบเวอร์เนลยืนอยู่

มาทำอะไรที่สนามฝึกซ้อมตอนกลางคืนล่ะนั่น?

ก็นะ ชั้นเองก็มาด้วยเหมือนกัน คงจะไปว่าอะไรใครเขาไม่ได้หรอก

“แค่ออกมาวิ่งน่ะครับ…”

มาฝึกเตรียมพร้อมก่อนถึงปฏิบัติการณ์สินะ ตั้งใจดีนี่นาย

ไอ้หมอนี่กล้ามใหญ่จังวะเฮ้ย

เป็นพระเอกเกมจีบสาวไม่ใช่เรอะนาย ทำไมหุ่นมาเหมือนพระเอกเกมต่อสู้งี้ล่ะ

ฝึกมากเกินไปแล้วเฟ้ย

“โอกาสดีเลยครับที่พบกันท่านที่นี่…ท่านเอลริสครับ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ?”

โฮ่ มีอะไรจะถามรึ

แล้วไม่ถามตั้งแต่ตอนกลางวันล่ะ?

พอถามไปแบบนั้น เวอร์เนลก็เกาแก้มเล็กๆ

“เพราะว่าเลย์ล่าซังอยู่ด้วยตลอดเลยน่ะครับ ถ้าทำได้ ผมก็จะพูดเรื่องนี้กับท่านตอนที่อยู่กันตามลำพังมากกว่า”

เป็นเรื่องที่ต้องพูดตอนที่อยู่กันตามลำพังซะด้วย

หน้าของเขาดูแดงขึ้นเล็กน้อย สายตาก็สั่นระริก

…แย่ล่ะ ทำไมสถานการณ์ดูไม่สู้ดีเลยเนี่ย

ชั้นไม่มีประสบการณ์ด้านความรักมากก็จริง แต่ถ้าชัดขนาดนี้ก็ต้องรู้สึกบ้างล่ะเฮ้ย

เอาจริงดิ?

หยุดเถอะน่า คิดใหม่เถอะนาย

ทำเป็นหัวทึบแล้วตอบไปว่า “ค่ะ ชั้นก็ชอบคุณเหมือนกัน ชั้นรักทุกคนเลย” ดีมั้ยเนี่ย?

ไม่สิ ยังไม่แน่ซักหน่อย

คิดมากไปเองน่า…ขอล่ะ ขอให้ตูคิดมากไปเองจริงๆเถอะ!

“ท่านเอลริสครับ…ตั้งแต่ตอนที่ท่านช่วยผมไว้เมื่อสามปีก่อน ผมก็ฝันมาตลอดที่จะกลายมาเป็นอัศวินของท่าน แต่ว่า…ความรู้สึกของผมมันไม่ใช่แค่นั้น ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่ผมสมควรจะมี แต่ว่า…เอ่อ แต่…ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีเลยครับ”

เอาเลย ไม่รู้จะพูดยังไงก็ไม่ต้องพูดก็ได้

ขอแบบ สุดท้ายก็ทำใจพูดออกไปไม่ได้ ไรงี้ได้ป่ะ?

หยุดเดินมันซะตรงนี้ แล้วถอยหลังกลับไปเสียเถิด

“…ไม่ได้การ ถึงผมจะมีคำพูดมากมายอยู่ในหัว แต่กลับเอ่ยออกมาไม่ได้เลย…คงต้องเอาให้ตรงจุดที่สุดสินะ ท่านเอลริสครับ…ผม…”

ยู้ดดดด!

อย่าเปลี่ยนใจสิวะ รีบเอาคำสารภาพรักของแกเก็บกลับเข้าตูดไปเลยนะ

อย่าเลย ขอล่ะ ชั้นไม่ใช่คนแบบที่นายคิดหรอกนะ!

จู่ๆเวอร์เนลก็เงียบไป ชั้นไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ

อ๊า ทำไงดีล่ะ? ทำไงดี…?

ถ้าเกิดปฏิเสธไปตรงๆจนเวอร์เนลงอนขึ้นมาแล้วบอกว่า “ตั้งแต่นี้ไป…ผมจะไม่สู้อีกแล้ว”อะไรแบบนั้นนี่คือเวรตะไลเลยนะ

หลังจากเงียบไปสักพัก เวอร์เนลก็เปิดปากขึ้นมาอีกครั้ง

“ท่านเอลริส…ไม่ใช่เซนต์ตัวจริงใช่ไหมครับ?”

ฮะ!?

โดนจับได้แล้วอ่ะ!

ได้ไง…ไม่สิ คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่แล้วล่ะนะ

ความผิดพลาดในครั้งก่อนมันกลับมาจนได้นี่สิ

ลุงฟ็อกซ์แกก็บอกเอง

“ชุดเครื่องแบบของเราไม่ได้ใช้สีแดงเลย”

เท่ากับว่าข้อแก้ตัวของชั้นในตอนนั้นมันใช้ไม่ได้แล้วน่ะสิ

ตอนนั้นเจ้านี่ยังไม่รู้ตัวเลย

โดนจับได้ตั้งแต่ตอนไหนกัน?

พอถามไป เวอร์เนลก็ตอบกลับมาว่า

“ปฏิกิริยาของท่านเมื่อครู่เป็นคำตอบน่ะครับ”

…หึ โดนเล่นซะได้

ไม่เลวนี่แก

“ความสงสัยของผมเริ่มมาตั้งแต่ตอนที่พลังของเอเทอร์น่าตื่นขึ้นมาน่ะครับ พลังของเธอนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเซนต์รุ่นก่อนๆเลย ท่านอัลเหรียเองก็ด้วย และคำพูดของครูใหญ่ฟ็อกซ์ก็ทำให้ผมคิดถึงวันนั้นขึ้นมาได้…”

ตาดีไม่เลวนี่

ตั้งแต่ตอนที่เอเทอร์น่าพลังตื่นขึ้นมา จะเก็บเรื่องที่เธอเป็นเซนต์เอาไว้ก็คงจะยาก

ถึงอย่างนั้น สำหรับคนอื่นชั้นก็ยังสามารถทำเรื่องที่มีเพียงเซนต์จะสามารถทำได้อยู่

 แต่เวอร์เนลรู้ต้นตนพลังนั้นของชั้น

เพราะว่าเป็นพลังที่ชั้นชิงมาจากเขาเองนี่นา

คงจะทำให้รู้ตัวสินะว่า “ยัยตัวปลอมนี่ก็แค่ใช้พลังที่แย่งจากชั้นไป…”

“นั่นทำให้ผมคิดได้ ที่ท่านกล่าวว่า”เธอจะได้พบกับเซนต์ของเธอ”ต่อผมในวันนั้น ท่านไม่ได้กล่าวถึงตนเอง แต่เป็นเอเทอร์น่า”

ถูกเผงเลย

ดูเหมือนว่าชั้นจะดูถูกตัวเอกเกินไปสินะ

ไม่นึกเลยว่าจะโดนจับได้ง่ายๆแบบนี้

ในอีกแง่นึง จะบอกว่านี่ทำให้งานชั้นง่ายขึ้น ก็คงจะได้นะ

ใช่แล้วล่ะเวอร์เนล ชั้นน่ะเป็นของเก๊จีนแดงมาตั้งแต่ต้นแล้ว

พอได้สารภาพไปแบบนี้ก็รู้สึกโล่งขึ้นเยอะเลยแฮะ

“แล้ว พลังของท่าน…”

เวอร์เนลก็สงสัยว่าพวกปาฏิหาริย์ต่างๆที่ชั้นทำมันมาได้ยังไง

พวกนั้นเรอะ ก็แค่เวทมนตร์ธรรมดาๆ

พลังเวทย์ชั้นมันสูงก็เพราะว่าโคจรมันอยู่ตลอดเวลาน่ะ

พอบอกไปแบบนั้น เวอร์เนลก็ดูจะตกใจสุดๆเลย

ชั้นเสริมเข้าไป

“เซนต์เอลริส”น่ะ ไม่มีอยู่จริงในโลกนี้

ชั้นเป็นแค่ตัวปลอมที่เสแสร้งเป็นเซนต์ก็เท่านั้น

ความรักของนายน่ะ มีให้กับภาพลวงตาที่ไม่เคยมีอยู่จริงไงล่ะ!

“ผิดแล้วครับท่านเอลริส! ท่านอาจจะไม่ใช่เซนต์ตัวจริง แต่ผู้คนที่ท่านช่วยเหลือไว้…คนเหล่านั้นมีอยู่จริงนะครับ! เพราะว่าท่านช่วยผมไว้ในวันนั้น ผมจึงมายืนอยู่ที่นี่ได้ในตอนนี้ ถึงแม้ตัวตนของท่านในฐานะเซนต์จะเป็นเพียงภาพลวง…แต่การกระทำของท่านน่ะ เป้นของจริงเสียยิ่งกว่าจริงอีกครับ! เพราะแบบนั้น จึงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย…ความรู้สึกของผมเอง ตั้งแต่แรกแล้ว…เซนต์ของผมน่ะมีท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น!”

เฮ้ย มันเริ่มของขึ้นแล้วว่ะ

ไม่ ไม่ ใจเย็นก่อน ยอ ยอ

เข้าใจแล้วน่า หยุดพูดเถอะ จบเรื่องกันเถอะนะ

ไม่ต้องมาทำตัวเป็นพระเอกตอนนี้เลย…อย่าได้สารภาพออกมาเชียวนะเว้ย

“ท่านเอลริสครับ กับท่าน…กับคุณน่ะ…ผม…”

เฮ้ย อย่านะโว้ย หยุดซะ!

จะอารมณ์ขึ้นมากไปแล้วนะเวอร์เนล

อย่าปล่อยให้อารมณ์พาไปจนพูดอะไรโง่ๆออกมาเชียวนะ

หายใจเข้าลึกๆ คิดอะไรแบบว่า”ยัยตัวปลอมนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆด้วย”ซะ

ยะ-หยุดนะ!

อย่าพูด…ออกมานะเว้ย…!

“ผมรักคุณครับ!”

อะบะบะบะบะบะ อะบะบะบะบะบะ—!

้ทื้สป่เสีาห่าฟกรส้ดสกฟ้ดาหก่ด!