WS บทที่ 125 ภูติธาตุ PART 2

ภายในถ้ำอันมืดมิด ชายชราผมเงินกําลังหรี่ตาเพ่งมองไปเองหน้าและเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา

“ไม่เลว อย่างน้อยๆ ก็มีอัจฉริยะในดินแดนมนต์ดําอยู่บ้าง นักเวทย์ห้าธาตุ หึหึ ข้าเดาว่าเขาต้องเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นแต่ช่างน่าเสียดายที่ต้องมาตายด้วยน้ำมือของลูกของข้า

ส่วนทางนักเวทย์สี่ธาตุก็ค่อนข้างรับมือยาก ด้วนเสื้อคลุมรูนของเขาค่อนแรงแข็งแกร่ง มันเป็นอุปกรณ์เวทมน์ที่ทรงพลัง ข้าจะระวังเรื่องนี้ไว้ให้ดี”

ชายชราผมเงินได้สังเกตการต่อสู้ของเมอร์ลินกับโฮล์มส์ด้วยวิธีการบางอย่าง เขาคิดว่าถึงเมอร์ลินจะมีคาถาห้าธาตุแต่เมอร์ลินก็ไม่สามารถต่อกรกับค้างคาวแวมไพร์ของเขาได้

“ถ้าลูกของข้าจัดการเจ้านักเวทย์ห้าธาตุเสร็จแล้ว ข้าจะส่งมันไปจัดการนักเวทย์สี่ธาตุนั่น” ชายชราคงสีหน้าที่ผ่อนคลาย ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังบ่อเลือดใต้แท่นบูชา ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ตูม!!*

ทันใดนั้นเอง ถ้ำได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปทันที

“ตะตายแล้วลูกของข้าตายแล้ว พวกแกทั้งหมดต้องตาย!!” ชายชราผมเงินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเครียดแค้น…

พ่อมดแดนเบ้นอนตายอยู่ทางเข้าถ้ำ ส่วนคาเปซกับแคทเธอรีนก็ได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน พวกเขากําลังซ่อนตัวอยู่หลังหินด้วยความเจ็บปวด

ทางด้านเลอแรนก้าก็มีสภาพที่ไม่แตกต่างกัน เธอกําลังเตรียมตัวร่ายเวทย์

“ข่ายสายฟ้า” เมอร์ลินร่ายคาถาใส่ค้างคาวแวมไพร์ ทําให้ถ้ำที่มิดมีดสว่างด้วยแสงสีขาว

พลังโจมตีของข่ายสายฟ้าเทียบเท่ากับคาถาลูกไฟ ดังนั้นจึงทําให้พวกค้างคาวแวมไพร์ก่อนหน้านี้ที่ถูกโจมตีด้วยน้ำแข็งไม่กี่ครั้งก็ตาย แต่อย่างไรก็ตามข่ายสายฟ้าอันนี้ไม่ค่อยมีผลกับค้างคาว แวมไพร์ที่กําลังวิวัฒนาการมากนัก มันทําให้ค้างคาวช้าลงเล็กน้อยแต่ไม่ได้ทําให้หยุดเคลื่อนไหว

“แทบไม่ได้ผลเลย”

ในจังหวะนั้นเอง เขาสังเกนเห็นค้างคาวแวมไพร์กําลังสะสมพลังธาตุมืดรอบตัวอย่างรวดเร็ว เขารู้ตัวทันทีว่ามันกําลังเตรียมตัวร่ายเวทย์อีกครั้ง

*เปรี้ยง*

เขาตัดสินใจร่ายขายสายฟ้าแบบที่เสริมพลังทันทีโดยไม่ลังเล เสาแสงสายฟ้าปรากฏขึ้นบนอากาศ ก่อตัวแนวตาข่ายที่หนากว่าอันก่อนมาก

เขารู้ว่าคาถาระดับศูนย์ทั่วไปทําอะไรค้างคาวแวมไพร์ตัวนี้ไม่ได้เลยดังนั้นเขาจําเป็นต้องร่ายคาถาที่ถูกเสริมความแข็งแกร่งใส่มัน

ค้างคาวแวมไพร์ได้โดนเสาแสงสายฟ้าเข้าเต็ม ๆ มันส่งกรีดร้องออกมาร่างกายของมันก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ช้าลง

และในที่สุดค้างคาวแวมไพร์ก็ถูกทําให้เป็นอัมพาตชั่วคราว

เมอร์ลินรู้สึกใจชื้นที่ไม่ตายของเขายังใช้ได้ผล เมื่อมันเคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว เขาโจมตีใส่มันต่อทันที

“ธารน้ำแข็ง”

สายลมอันเยือกเย็นได้ปกคลุมค้างคาวแวมไพร์ มันถูกแช่แข็งเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์แต่มันยังไม่ตาย

เมอร์ลินจึงเสกลูกไฟยักษ์ขึ้นมา ความร้อนของมันแม้แต่คาเปซกับแคทเธอรีนที่อยู่ไกล ๆ ก็ยังสัมผัสได้

“ระเบิด!!”

*ตูม!!*

แรงระเบิดทําให้ถสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ค้างคาวแวมไพร์ที่ถูกแช่แข็งมันไม่สามารถหลบลูกไฟยักษ์ได้จึงโดนเข้าเต็ม ๆ

ด้วยความร้อนที่รุนแรง แม้แต่เมอร์ลินก็ยังทนไม่ไหว เขาต้องร่ายคาถาลมพายุเพื่อมาหลบอยู่หลังก้อนหิน

ผ่านไปพักใหญ่ ถ้ำก็กลับมาสงบอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ด้วยแสงระเบิดทําให้ภายในถ้ำสว่างเหมือนกลางวัน ตอนนี้กลับมามืดมิดอีกครั้งแล้ว

เมอร์ลินใช้พลังจิตตรวจสอบรอบ ๆ เขาไม่พบกับร่างของค้างคาวแวมไพร์เลย

“มันตายแล้วสินะ” เมอร์ลินถอนหายใจด้วยความโล่งอก มันได้ถูกแช่แข็งจึงไม่อาจต้านทานแรงระเบิดอันรุนแรงได้ ร่างของมันจึงแหลกสลายกลายเป็นผุยผงในที่สุด

หลังจากกําจัดค้างคาวแวมไพร์ตัวนั้นได้แล้ว เขาก็หันมามองคาเปซกับแคทเธอรีนที่ได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่อันตรายถึงชีวิต

“ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะออกจากถ้ำเดี๋ยวนี้” เมอร์ลินกล่าวอย่างเย็นชา

แคทเธอรีนไม่สามารถหาข้ออ้างอะไรมาพูดได้อีก เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่รุนแรง คาเปซพยายามพยุงร่างของเธอขึ้นมา

เขาได้หันมามองเมอร์ลินด้วยแววตาที่เต็มได้ด้วยความเสียใจ

“ต้องขอโทษ พ่อมดเมอร์ลินด้วยที่พวกเราดื้อรั้นเกินไป เราจะรีบออกจากถ้ำและรออยู่ข้างนอก ขอให้ท่านโชคดี”

หลังจากนั้น พวกเขาก็พยุงร่างออกจากถ้ำไป

เมอลินส่ายหัวเล็กน้อย แม้ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายแต่โชคดีที่พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก

เขาได้เบนสายตาไปมองข้างในถ้ำและพูดว่า

“เราไปกันเถอะ ฉันสังหรณ์ใจว่ามีปัญหาใหญ่ที่กําลังอพวกเราอยู่ข้างหน้า”

เลอแรนก้าจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเมอลินด้วยแววตาที่ซับซ้อน ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใช้อุปกรณ์เวทมนต์หรือตัวช่วยอะไรเลยแต่สามารถจัดการค้างคาวแวมไพร์ที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับนักเวทย์ระดับหนึ่งได้

นี่ไม่ใช่สิ่งที่พ่อมดทั่วไปทําได้แล้ว ทําให้เธอสงสัยว่าชายที่อยู่ตรงหน้านั้นมี “ความลับ” อะไรอยู่บ้าง

“บ้างทีเขาอาจจะยังไม่ได้เป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งอย่างสมบูรณ์”

เลอแรนก้าครุ่นพึมพําเบา ๆ จากนั้นเธอก็รีบเดินตามเมอร์ลินเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ