ตอนที่ 63 เย่ว์เลี่ยงคือเสด็จแม่

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 63 เย่ว์เลี่ยงคือเสด็จแม่

มู่เถาเยาชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือของเธอทันทีหลังกลับจากตระกูลเฉิงมาถึงเขตเรือนอุ่นรัก

ไม่ได้ติดต่ออาจารย์มาสองวันแล้ว อาจารย์ทั้งสองและอาจารย์แม่คงคิดถึงเธอแย่แล้ว

ระหว่างที่กำลังชาร์จแบตมือถืออยู่ มู่เถาเยาก็ผละไปสระผม อาบน้ำ ซักเสื้อผ้า และดูแลผิวพรรณของเธอ

ใบหน้าของเด็กสาวอายุสิบแปดปีนั้นนุ่มนิ่มราวกับผิวเด็กทารก เนื่องจากเธอเรียนวรยุทธ์จึงมีความสูงกว่าเด็กผู้หญิงทั่วไป ตอนนี้เธอสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร และยังมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นอีกในอนาคต

ภายใต้ชุดนอนสายเดี่ยวและกางเกงขาสั้น เผยให้เห็นไหล่กว้างและทรวดทรงองเอวของหญิงสาว ขาเรียวยาวและเอวบอบบางช่างได้สัดส่วนไปเสียทุกกระเบียดนิ้ว

เส้นผมสีน้ำหมึกที่มีหยดน้ำแวววาวเกาะอยู่ที่ยาวจนถึงเอว ถูกปล่อยสยายลงกลางแผ่นหลัง ยิ่งทำให้เธอดูเปล่งประกายราวกับหิมะหรือหยกน้ำงามใดๆ ในโลกนี้

มู่เถาเยาไล้นิ้วเรียวยาวไปตามเส้นผมดำเงางาม โดยปล่อยให้เส้นผมเหล่านั้นค่อยๆ ไหลผ่านร่องนิ้วไปจนสุดปลายผมของเธอ

หลังจากทำซ้ำๆ กันหลายครั้ง เส้นผมที่ยาวสลวยก็ถูกเป่าจนแห้ง สยายลงที่กลางแผ่นหลังของเธออย่างนิ่มนวล

ในโลกนี้ไม่มีโอกาสให้เธอได้ใช้กำลังภายในมากนัก ดังนั้นหากเธอจะใช้มันเพื่อเป่าผมให้แห้งก็เข้าใจได้

อย่างน้อยก็ยังนับว่ามีประโยชน์อยู่ใช่ไหม

หลังจากที่มู่เถาเยาใช้น้ำค้างดอกไม้ที่ทำขึ้นเองประพรมไปทั่วไปหน้าและลำตัว เธอก็ไปตากเสื้อผ้าต่อ

พูดตามตรง เธอไม่ชอบซักผ้าด้วยมือหรือนำไปฝากซักที่ร้านซักรีดข้างนอกเท่าไรนัก เพราะเธอไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องสิ่งของส่วนตัวของเธอ

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้าชนิดใด หรือเสื้อผ้าราคาแพงแค่ไหน เธอก็จะโยนลงในครื่องซักผ้าทั้งหมด

แน่นอนว่าชุดชั้นในและเสื้อคลุมชั้นนอกเธอแยกไปซักอีกเครื่องหนึ่ง

แม้ว่าเธอจะไม่ชอบทำงานบ้านพวกนี้ แต่เธอก็ไม่อยากขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ยังไม่ชอบให้ใครเดินไปเดินมาในพื้นที่ส่วนตัวของเธออยู่ดี

หลังจากจัดการกับงานบ้านเสร็จ มู่เถาเยาก็เดินไปเช็กโทรศัพท์มือถือ

ข้อความจำนวนมากเด้งเตือนขึ้นมา

มีทั้งจากอาจารย์ เพื่อนๆ รวมถึงศิษย์พี่ชายหญิงของเธอ…

มู่เถาเยาเลือกตอบข้อความอาจารย์ทั้งสองและอาจารย์แม่ของเธอก่อน จากนั้นถึงค่อยทยอยตอบทีละคนๆ จากด้านบนลงมาตามลำดับ และสุดท้ายก็คือเย่ว์จือกวง

เขาบอกกับมู่เถาเยาว่าเขาไม่มีทางเลือกจึงต้องเล่าเรื่องของเธอให้สมาชิกในครอบครัวฟัง ยังบอกด้วยว่าทุกคนขอเพิ่มเพื่อนเธอในวีแชทแล้ว…

จากข้อความนี้ มู่เถาเยาสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ทั้งไม่สบายใจและระมัดระวังของเขาผ่านทางข้อความได้อย่างชัดเจน

มู่เถาเยาถอนหายใจเล็กน้อย นิ้วเรียวพิมพ์ตอบข้อความของเขากลับไปว่า “เมื่อคืนฉันไม่ได้เช็กมือถือ วันนี้มือถือของฉันก็แบตหมด”

ข้อความที่ดูเหมือนเป็นข้อแก้ตัว แต่ก็ทำให้คนบางคนที่จ้องโทรศัพท์อยู่ตลอดสองวันเต็มๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ไม่ว่าข้อความที่พิมพ์ตอบกลับมานี้จะจริงหรือเท็จ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยอมรับประโยคที่ว่า ‘โทรศัพท์แบตหมด’ ได้มากกว่าการถูกเพิกเฉยไม่ตอบข้อความใดๆ เลย

หลังไล่ตอบข้อความของทุกคนเสร็จแล้ว มู่เถาเยาถึงได้ทยอยกดรับคำขอเป็นเพื่อนที่เรียงยาวเต็มหน้าจอโทรศัพท์

‘ฉันคือปู่’ ‘ฉันคือย่า’ ‘ฉันคือพ่อ’ ‘ฉันคือแม่’ ‘ฉันคืออา’ ‘ฉันคือพี่ใหญ่’…ข้อความแบบเดียวกันที่ส่งมาเป็นชุดทำเอามู่เถาเยาใบหน้าเหลอหลาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง

พวกเขาไม่คิดเว้นระยะห่างกันเลยจริงๆ สินะ

การกลับมาพบกันอีกครั้งหลังแยกจากกันไปกว่าสิบแปดปีที่ควรเป็นอย่างนี้เหรอ

มู่เถาเยาต้องตั้งสติอยู่นานก่อนจะทยอยตอบรับทีละคน

จากนั้นโทรศัพท์ของเธอก็เต็มไปด้วยข้อความ!

อย่าว่าแต่ตอบกลับเลย แม้แต่มองเธอยังมองไม่ทันด้วยซ้ำ!

แต่ละคนไม่คิดหยุดส่งข้อความกันเลยสักนิด!

ป๊ะป๋าเย่ว์หลั่ง [อา เจ้าหญิงน้อยของพ่อกลับบ้านแล้ว!] ตามด้วยอีโมจิน้ำตาไหล

หม่าหม๊าเป่ยซี [เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ตัวน้อยของแม่…] และก็ประโยคที่ซ้ำกันนี้อีกเต็มพรืด

มู่เถาเยา “…”

เป็นครั้งแรกที่เธอไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับผู้คนอย่างไรดี

โชคดีที่เย่ว์จือเหิงดึงเธอเข้ากลุ่มแชทของครอบครัว เธอจึงไม่ต้องเอาแต่จ้องหน้าจอโทรศัพท์ด้วยสีหน้าว่างเปล่าอีกต่อไป

ย่าหยางเข่อเหยา [หลานสาวของย่ากลับบ้านแล้ว!]

ยายหลานซี [หลานสาวของยายกลับบ้านแล้ว!]

พี่ใหญ่เย่ว์จือเหิง [น้องสาวของพี่กลับบ้านแล้ว!]

ป๊ะป๋าเย่ว์หลั่ง [ลูกสาวของพ่อกลับบ้านแล้ว!]

ยังคงรักษารูปแบบไว้อย่างสม่ำเสมอ

มู่เถาเยา “…” เธอควรตอบว่าอย่างไรดี

แต่ก่อนที่เธอจะนึกออกว่าควรจะตอบแชทอย่างไร ทุกคนก็เริ่มส่งอั่งเปาให้เธอ

[ซื้อเข็มกลัดดอกไม้ให้ลูกสาว]

[ซื้อขนมให้หลานสาว

[ซื้อเสื้อผ้าให้น้องสาว]

“…”

โอเค มู่เถาเยาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอทักแชทไปถามเย่ว์จือกวงเป็นการส่วนตัวว่า “นี่คือ?”

“เสี่ยวเยาเยา รีบเก็บอั่งเปาเร็วเข้า นี่คือเงินค่าขนมที่ทุกคนในครอบครัวต้องได้ทุกเดือน”

มู่เถาเยา “…”

อย่าบอกว่าเป็นสมาชิกครอบครัวยังได้รับเงินเดือนด้วย?

ถ้าอย่างนั้นเธอควรจ่ายเงินเดือนให้กับอาจารย์ทั้งสองคนและอาจารย์แม่ของเธอด้วยไหม

เอาล่ะ เริ่มตั้งแต่วันที่หนึ่งเดือนหน้าเป็นต้นไปก็แล้วกัน

หม่าหม๊าเป่ยซี [เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ วันนี้แม่มาถึงหมู่บ้านเถาหยวนซานแล้วนะ ได้พบกับอาจารย์ทั้งสองและอาจารย์แม่ของลูกแล้ว แม่จะฟังตามที่ลูกบอก จะพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ให้ดี…]

ดวงตาของมู่เถาเยาหมุนวนเป็นขดก้นหอยหลังจากได้อ่านข้อความที่ยาวต่อกันเป็นเรียงความเล็กๆ

นี่เป็นการอ่านข้อความวีแชทที่โหดและยาวที่สุดตั้งแต่ที่เธอใช้แอปพลิเคชันนี้มา!

เย่ว์จือกวง [น้องสาว วันนี้ฉัน…พี่พาแม่มาที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน รอแม่ปรับตัวและทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่ก่อนสักสองสาม วันพี่จะไปหาเธอที่เย่ว์ตูนะ]

ทันทีที่ข้อความนี้ถูกส่งออกไป เย่ว์จือกวงก็ได้รับอีโมจิ ‘ขว้างมีดทำครัว’ จากทุกคนในครอบครัวอย่างพร้อมเพรียงด้วยความอิจฉา

มู่เถาเยา “…”

คนตระกูลเย่ว์ไม่กล้าพูดคุยกับมู่เถาเยานานนัก ด้วยยังอยากให้เวลาเธอปรับตัวอีกสักหน่อย

หลังจากที่วีแชทสงบลง มู่เถาเยาก็วางโทรศัพท์ ขณะที่กำลังจะกลับไปที่ห้องนอน เธอก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนขึ้นมาอีกครั้ง

เป็นข้อความจากปาอินเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ที่ชวนเธอไปเล่นเกมด้วยกัน

มู่เถาเยาไม่ปฏิเสธเธอ แถมยังหิ้ว ‘เด็กใหม่’ ปาอินฝ่าด่านเก็บเวลเกมสองเกมที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้อย่างขะมักเขม้น จากนั้นถึงค่อยออฟไลน์ไป

หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากวีแชทอีกครั้ง

สิ่งนี้ทำให้เธอประหลาดใจมาก เป็นข้อความจากเย่ว์เลี่ยง

หลังจากชะงักอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็กดเปิดดู

[เสี่ยวเยาเยา องค์หญิงเก้าตัวน้อยของแม่ ลูกเองก็มาที่ประเทศเหยียนหวงด้วยเหมือนกันสินะ]

น้ำตาของมู่เถาเยาไหลอาบแก้มทันที

ในชีวิตนี้ตลอดสิบแปดปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยร้องไห้แม้แต่หยดเดียว นับตั้งแต่ที่เสด็จแม่ของเธอถูกใส่ร้ายและถูกสังหารในชาติที่แล้ว เธอก็ไม่เคยร้องไห้อีก แต่ตอนนี้เธอกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ด้วยซ้ำ!

ปลายนิ้วเรียวที่สั่นเทากดไปที่โหมดวิดีโอคอล

“เสี่ยวเยาเยา”

“เสด็จแม่ เสด็จแม่ เสด็จแม่…” น้ำตาของมู่เถาเยาทำให้มองเห็นได้พร่ามัวไม่ชัดเจนนัก

“เสี่ยวเยาเยา อย่าร้องไห้ บอกแม่สิว่าทำไมลูกถึงมาอยู่ที่นี่ คงไม่ใช่ว่าไอ้เดรัจฉานพวกนั้นมันบีบบังคับลูกจนตายใช่ไหม”

เย่ว์เลี่ยงมาที่นี่หลังจากที่เธอเสียชีวิต เธอจึงคิดว่าลูกสาวของเธอก็มาที่นี่ในลักษณะเดียวกัน

“เสด็จแม่ ไม่เลยเพคะ ลูกอยู่ที่แผ่นดินจงโจวจนกระทั่งอายุสามสิบหกปี จริงสิ ลูกได้ทำการล้มล้างราชสกุลมู่และก่อตั้งราชวงศ์ขึ้นมาใหม่ด้วย โดยเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ราชวงศ์เทียนเย่ว์’ และขึ้นนั่งตำแหน่งจักรพรรดินีเป็นเวลายี่สิบปีเต็ม”

“ล้มล้างได้ดีทีเดียว! เป็นสกุลมู่ของไอ้คนชั่วนั่นที่ไร้เมตตาและบีบบังคับพวกเราก่อน จะมาโทษว่าสกุลเย่ว์ของเราไร้คุณธรรมก่อกบฏล้มล้างพวกเขาไม่ได้!”

“เสด็จแม่ เยี่ยนหังเองก็สบายดีนะเพคะ เขาได้อภิเษกสมรสกับฮองเฮาคู่พระทัย ยังได้ให้กำเนิดรัชทายาทตัวน้อยก่อนที่ลูกจะจากมา ท่านตาและท่านยายล้วนจากไปแล้ว แต่ท่านลุงเล็กกับญาติผู้น้องยังสุขสบายดี”

“ดีๆ! เสี่ยวเยาเยา ลูกมาที่นี่ด้วยวิธีอะไรกัน”

“ลูก…ล้มป่วยและเสียชีวิตเพคะ เสด็จแม่ ลูกพบหนังสือที่อาจารย์ส่งมอบให้ลูกก่อนที่นางจะเสียชีวิตด้วย แต่ลูกจำได้อย่างชัดเจนว่าก่อนที่ลูกจะหมดลม ลูกได้สั่งเสียให้เยี่ยนหังฝังมันไปพร้อมกับร่างของลูก แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หรือว่าท่านอาจารย์ก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน?”

“เสี่ยวเยาเยา จือฉินก็เสียชีวิตแล้วหรือ”

“ท่านอาจารย์จากไปก่อนลูก…”

มู่เถาเยาสะอื้นและบอกเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างสั้นๆ นับตั้งแต่ที่เสด็จแม่ของนางถูกใส่ร้ายและถูกเผาทั้งเป็น

ในระหว่างนั้นลูกสาวนางต้องประสบกับความยากลำบากและอันตรายมากเพียงใด ต่อให้มู่เถาเยาไม่ลงรายละเอียดมากนักเย่ว์เลี่ยงก็พอจะจินตนาการได้

“เช่นนั้น ตามที่ลูกบอกมา หลังจากที่เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ถูกนำไปทิ้งในป่าเซียนโหยว ลูกก็เข้ามาแทนที่เด็กน้อยคนนั้นสินะ”

“ใช่เพคะ วินาทีแรกที่ลูกลืมตาขึ้นมาลูกก็อยู่ในป่าทึบ จากนั้นอาจารย์ใหญ่ก็เก็บลูกกลับไปเลี้ยง เสด็จแม่ ท่านรู้ว่าเป็นลูกได้อย่างไร”

“หลังจากที่พี่รองของลูกกลับมาจากเมืองเย่ว์ตู เขาก็บอกกับแม่ว่าได้ประมือกับอาจารย์ซย่าโหวที่สอนวรยุทธ์ให้ลูก อาจารย์ซย่าโหวบอกว่ากระบวนท่าที่จือกวงใช้คล้ายกับกระบวนท่าที่ลูกคิดค้นขึ้นเองมากในชาติที่แล้ว ก่อนที่ลูกจะอายุครบแปดปีล้วนเป็นแม่ที่สอนวรยุทธ์ให้เจ้า ทักษะดาบที่ใช้ก็เป็นทักษะเฉพาะที่สกุลเย่ว์สร้างขึ้นเอง นอกจากคนสกุลเย่ว์ด้วยกันแล้วยังจะมีผู้ใดใช้ทักษะนี้ได้อีกเล่า”

“เสด็จแม่…” มู่เถาเยาทั้งร้องไห้และหัวเราะ เธออยากจะมุดโทรศัพท์แล้วโผล่ไปอีกฝั่ง กระโดดโผเข้าสู่อ้อมกอดของเสด็จแม่และออดอ้อนนางเหมือนสมัยที่นางยังเด็ก

“เสี่ยวเยาเยา อีกหน่อยอย่าได้เรียกแม่ว่าเสด็จแม่อีก รวมถึงคำพูดก็เช่นกัน นับแต่นี้ไปให้เรียกแม่ว่าอา คนตระกูลเย่ว์ล้วนจิตใจดีและเป็นคนดีมาก หากยังหาลูกไม่พบอีก แม่ผู้ให้กำเนิดลูกในชาตินี้เกรงว่าคงจะตามลูกไปในไม่ช้า”

“…ได้ค่ะ ลูกจะทำตามที่เสด็จแม่…คุณอาบอกนะคะ”