ตอนที่ 64 คิดเอาเองว่ารับเป็นลูกสาว

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 64 คิดเอาเองว่ารับเป็นลูกสาว

ในเช้าวันที่สอง มู่เถาเยาไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยเพราะเธอต้องไปสอบใบขับขี่ภาคทฤษฎี

หลังจากคำนวณเวลาแล้ว เธอก็นั่งแท็กซี่ไปที่สถานที่สอบด้วยตัวเอง

ไม่นานก็ถึงตาเธอทำข้อสอบ และมู่เถาเยาก็ออกมาภายในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น

จากเวลาออกจากบ้านจนถึงสถานที่สอบ ทั้งหมดใช้เวลารวมกันแล้วประมาณหนึ่งชั่วโมง

หลังจากครุ่นคิดอยู่นานว่าจะใช้เวลาที่เหลือจากการลาหยุดอย่างไรดี มู่เถาเยาก็ตัดสินใจไปที่เขตเซิ่งซื่อฉางอันที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง

ตระกูลเย่ว์มีอสังหาริมทรัพย์ในเขตเซิ่งซื่อฉางอันด้วยเหมือนกัน ดังนั้นในวันศุกร์ที่จะมาถึงนี้ เสด็จแม่ของเธอจะมาพักอาศัยอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว

เธอต้องไปสำรวจที่นั่นดูก่อนว่ามีของใช้ในชีวิตประจำวันอะไรที่ขาดเหลือไปบ้างไหม อย่างไรเสียที่นั่นก็ไม่มีคนอยู่อาศัยมานานมากแล้ว

หลังจากที่มู่เถาเยารู้ว่าหัวหน้าเผ่าเย่ว์เลี่ยงก็คือเสด็จแม่ของเธอ ความคิดที่จะไม่กลับไปที่เผ่าพระจันทร์ก็สั่นคลอนอย่างหนัก เธอไม่รู้สึกเฉยเมยเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอีกต่อไป

ถ้าพวกเขาไม่ทำเย่ว์จืออิ๋งหาย เธอก็คงไม่ได้มาที่โลกใบนี้

และหากเธอไม่ได้มาที่โลกใบนี้ ก็จะไม่มีวันได้พบกับเสด็จแม่อีก

เห็นแก่ที่ตระกูลเย่ว์ดีต่อเสด็จแม่ของเธอมาก เธอก็ควรจะแสดงความรู้สึกขอบคุณต่อพวกเขาเช่นกัน

เสด็จแม่บอกว่าในปีนั้นเป็นเสด็จแม่ที่บอกว่าจะขอขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าเอง ซึ่งเย่ว์หลั่งผู้เป็นพี่ชายและอายุมากกว่าเย่ว์เลี่ยงเกือบสิบสามปีในตอนนั้นก็ยินดีมอบตำแหน่งให้แต่โดยดีโดยไม่พูดอะไรสักคำ แถมพี่สะใภ้คนโตอย่างเป่ยซีก็ยังไม่แสดงความไม่พอใจใดๆ ด้วย

ในประวัติศาสตร์ของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ หัวหน้าเผ่าที่เป็นผู้หญิงก็มีไม่ใช่น้อย แน่นอนว่าต่อให้ไม่เป็นเช่นนั้น เย่ว์หลั่งก็ย่อมไม่ขัดใจน้องสาวคนเล็กที่เขาทั้งเอ็นดูและทะนุถนอมมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว

มู่เถาเยารู้ดีว่าเสด็จแม่ของเธอไม่ใช่คนที่โลภในอำนาจ แต่เพราะประสบการณ์จากแผ่นดินจงโจว จึงทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมากกว่าหากได้กุมอำนาจไว้ในมือของตัวเอง

ต่อมาหลังจากคลุกคลีกับคนตระกูลเย่ว์สักพัก จึงค้นพบความแตกต่างระหว่างคนตระกูลเย่ว์และคนตระกูลมู่ เสด็จแม่ถึงค่อยๆ ละทิ้งอคติและปลดกำแพงในหัวใจลง และเปลี่ยนมาเป็นมุ่งมั่นพัฒนาเผ่าของเธออย่างเต็มที่

มู่เถาเยาเพิ่งจะมาถึงประตูของเขตเซิ่งซื่อฉางอัน ก็ได้พบกับอวิ๋นไป๋ซึ่งกำลังขึ้นรถที่บอดี้การ์ดของตระกูลตี้ขับมารับเขาพอดี จู่ๆ มู่เถาเยาก็นึกถึงเรื่องที่อวิ๋นไป๋อยากจะรับเธอเป็นลูกสาวขึ้นมา

ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจถึงเหตุผลที่ว่าทำไมหัวหน้าเผ่าเย่ว์เลี่ยง เสด็จแม่ของเธอถึงไม่ยอมแต่งงาน

ในอดีต เสด็จพ่อและเสด็จแม่รักใคร่กันมาก แต่ต่อมาเขากลับไปเชื่อคำยุยงของคนต่ำช้าและเลือกทรยศหักหลังและสังเวยชีวิตของเสด็จแม่

หลังประสบเหตุการณ์เช่นนี้ จะให้เสด็จแม่เชื่อใจผู้ชายอีกได้อย่างไร

“เสี่ยวเถาเยา!”

อวิ๋นไป๋ดึงเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นรถของเขากลับมาและเปลี่ยนทิศทางเดินเข้าไปหามู่เถาเยา

เป็นเพราะเมื่อสักครู่นี้เขาหันหลังให้มู่เถาเยาจึงไม่เห็นเธอ แต่บอดี้การ์ดคนหนึ่งซึ่งรับหน้าที่ขับรถมารับส่งมู่เถาเยาเป็นประจำมองเห็นผ่านกระจกหลังและจำเธอได้ เขาจึงพูดชื่อมู่เถาเยาขึ้นมา ทำให้อวิ๋นไป๋รู้ตัวจึงเปลี่ยนเป็นเดินเข้ามาหาเธอแบบนี้

“เสี่ยวเถาเยา ทำไมวันนี้เธอถึงไม่ไปมหา’ลัยล่ะ ไม่มีเรียนเหรอ หรือว่ามาหาตี้อู๋เปียน?”

“น้าเล็กอวิ๋น ฉันเพิ่งสอบใบขับขี่ภาคทฤษฎีเสร็จค่ะ และก็ไม่ได้มาหาตี้อู๋เปียนด้วย”

“ถ้าอย่างนั้นเธอมาหาฉันเหรอ เธอตัดสินใจว่าจะเป็นลูกสาวฉันแล้วใช่ไหม”

อวิ๋นไป๋ดูตื่นเต้นมาก เขาแทบอยากจะประกาศให้โลกรู้เสียเดี๋ยวนั้นว่าเขามีลูกสาวแล้ว

มู่เถาเยาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “น้าเล็กอวิ๋น ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณมาที่นี่วันนี้”

“นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเราใจตรงกัน มีวาสนาที่จะได้เป็นพ่อลูกกันไง!”

มู่เถาเยา “…” แต่ดูเหมือนว่าเสด็จแม่คงจะไม่ยอมรับหรอกนะ!

อย่างไรก็ตามเธอมีความประทับใจที่ดีต่อน้าเล็กอวิ๋น

ถ้าเสด็จแม่เต็มใจ เธอก็ไม่ขัดข้องที่จะรับเขาเป็นพ่อเหมือนกัน

มู่เถาเยาสัมผัสได้โดยสัญชาตญาณว่าน้าเล็กอวิ๋นจะไม่เป็นเหมือนเสด็จพ่อของเธอในชาติภพก่อนที่โลเลไม่หนักแน่น ท้ายที่สุด ก็มีผู้ชายเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในโลกนี้ที่ยินดีครองตัวเป็นโสด ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก หรือแตะต้องผู้หญิงคนไหน และเต็มใจที่จะรอผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเวลาถึงยี่สิบปี

ถ้าเธอไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เธอคงไม่เชื่อว่าจะมีคนอย่างน้าเล็กอวิ๋นและอาจารย์ใหญ่ในโลกนี้ คนที่ยินดีเสียสละเวลาทั้งชีวิตเพียงเพื่อรอคอยคนคนหนึ่ง คนที่อุทิศทั้งชีวิตของตัวเองให้กับการศึกษาการแพทย์

“ลูกรักของพ่อ ขึ้นรถก่อนเร็ว พวกเรากลับไปบอกข่าวดีนี้ให้กับทุกคนในตระกูลตี้ฟังกันเถอะ!”

สีหน้าของมู่เถาเยาเหมือนถูกฟ้าผ่า

เธอกลายเป็นลูกสาวของเขาไปได้อย่างไร ใครตอบตกลงเขากัน!

“น้าเล็กอวิ๋น…”

“ลูกรัก เรียกพ่อสิ”

มู่เถาเยา “…”

“พวกเรากลับบ้านไปบอกข่าวดีให้ทุกคนฟังกันเถอะ แล้วค่อยหาฤกษ์ดีๆ จัดพิธีรับลูกสาว ลูกรัก ไม่ต้องห่วงนะ พ่อจะตั้งใจจัดงานให้ลูกได้เป็นเด็กสาวที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้!”

“ไม่ค่ะ คือว่าฉันยังไม่…”

“พ่อรู้จ๊ะลูกรัก พ่อรู้ว่าลูกเป็นเด็กดี ไม่คิดขออะไรที่เกินตัวไป…”

“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น…” มู่เถาเยาอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างสุภาพ รีบขัดจังหวะจินตนาการของ ‘พ่อ’ ที่กำลังวาดฝันถึงกิจกรรมในอนาคตระหว่าง ‘พ่อและลูกสาว’

ขืนปล่อยให้น้าเล็กอวิ๋นยังพูดเพ้อเจ้อแบบนี้ต่อไป เธอคงได้ชื่อใหม่เป็น ‘อวิ๋นเถาเยา’ แน่ๆ

“ลูกเอ๋ย พ่อบอกแล้วไงว่า…” บลาๆๆ

อวิ๋นไป๋ในบทบาท ‘พ่อแก่ๆ’ ออนไลน์อย่างสมบูรณ์แบบแล้วในขณะนี้ ดังนั้นทุกครั้งที่เขาพูด หากไม่เรียกแทนตัวเองว่า ‘พ่อ’ ก็จะเรียกมู่เถาเยาว่าเป็น ‘ลูกสาว’ จนมู่เถาเยาแทบจะเขาถูกล้างสมองและคิดว่าเธอเป็นลูกสาวของเขาจริงๆ

“น้าเล็กอวิ๋นคะ เสด็จ…หัวหน้าเผ่าเย่ว์เลี่ยงจะมาที่เมืองเย่ว์ตูในวันศุกร์นี้!”

คาดว่าในตอนนี้คงมีเพียงชื่อ ‘เย่ว์เลี่ยง’ สองคำนี้เท่านั้นที่สามารถหยุดฝีปากของ ‘พ่อ’ คนนี้ได้

“เอ๊ะ เย่ว์เลี่ยงจะมาเหรอ จริงเหรอ จริงๆ เหรอ”

อวิ๋นไป๋ออฟไลน์จากบท ‘พ่อ’ ในทันทีทันใด และกลายร่างเป็นหนุ่มน้อยที่กำลังรอคอยการมาถึงของคนรักอย่างใจจดใจจ่อ

“เย่ว์เลี่ยงกำลังจะมา ฮ่าๆ เธอคิดถึงฉันแล้วใช่รึเปล่านะ เป็นเพราะปีนี้ฉันยังไม่ได้ไปหาเธอ เธอก็เลยอดใจรอไม่ไหวมาหาฉันแทน นี่หมายความว่าเธอตกหลุมรักฉันแล้วใช่รึเปล่า

มู่เถาเยา “…” คุณคิดมากเกินไปแล้วจริงๆ!

“ลูกรัก คนที่พ่อชอบกำลังจะมา ถึงตอนนั้นเราพ่อลูกไปพบเธอด้วยกันนะ เธอต้องชอบลูกเหมือนอย่างที่พ่อชอบแน่ๆ…” บลาๆๆ

มู่เถาเยามองไปที่อวิ๋นไป๋ซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข และทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเสด็จแม่แต่งกับเขาก็เป็นความคิดที่ไม่เลวจริงๆ!

“เยาเยาลูกรัก พ่อจะบอกอะไรให้ลูกฟัง เย่ว์เลี่ยงเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เธอคือสเปคในดวงใจของพ่อ และทุกครั้งที่พ่อเห็นเธอ พ่อมีแต่จะรู้สึกรักเธอมากยิ่งขึ้น!”

มู่เถาเยา “…”

ความสามารถของเสด็จแม่ในการดึงดูดคนอย่างน้าเล็กอวิ๋นมาได้นั้นก็น่าทึ่งเช่นกัน!

จู่ๆ ในหัวใจเธอก็เกิดความคาดหวังขึ้นมาเล็กน้อย

“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ลูกรัก ลูกรู้ได้ยังไงว่าเย่ว์เลี่ยงกำลังจะมาเย่ว์ตู เธอไม่เห็นบอกพ่อสักคำ ลูกกับเธอรู้จักกันเหรอ”

หลังจากเที่ยวในทุ่งดอกลาเวนเดอร์อยู่นาน ในที่สุดไอคิวของอวิ๋นไป๋ก็กลับคืนมา

“ตระกูลเย่ว์มีวิลล่าอยู่ในเขตนี้ด้วย น้าเล็กอวิ๋นรู้ใช่ไหมคะ”

“ต้องรู้อยู่แล้วสิ! ก็วิลล่าหลังนั้นเป็นพ่อที่ตั้งใจเก็บไว้ให้ตระกูลเย่ว์เป็นพิเศษเอง! ในเขตเซิ่งซื่อฉางอันยกเว้นฝั่งทิศตะวันออกที่สงวนไว้ให้อู๋เปียนโดยเฉพาะ ทางเหนือล้วนเป็นเขตของตระกูลเย่ว์ทั้งหมด” พูดให้แม่นยำคือ เป็นของเย่ว์เลี่ยงทั้งหมด

เพียงแต่ว่าเย่ว์เลี่ยงไม่ค่อยมาที่เย่ว์ตูสักเท่าไร จึงมีเพียงเย่ว์จือกวงที่มักเดินทางมาทำธุรกิจที่นี่เป็นครั้งคราวเข้าพักในช่วงสั้นๆ

มู่เถาเยาเลิกคิ้วแล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “น้าเล็กอวิ๋นชอบหัวหน้าเผ่าเย่ว์เลี่ยงมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

“ชอบสิ ชอบมากๆ ลูกรัก พ่อจะบอกอะไรให้ฟังนะ เย่ว์เลี่ยงเป็นผู้หญิงที่ดีมากจริงๆ!”

“อ้อ ดีตรงไหนเหรอคะ”

“เอ่อ…อันนี้พ่อก็บอกไม่ถูกหรอก รู้เพียงแต่ว่าเธอดีมาก ดีมากๆ ไว้ลูกพบหน้าเธอแล้วลูกจะรู้เอง เอ๋ แล้วลูกรู้ได้ยังไงว่าเย่ว์เลี่ยงกำลังจะมาที่นี่”

“เธอมาเพื่อพบฉันค่ะ!”

“!”

“น้าเล็กอวิ๋นสนิทสนมคุ้นเคยกับคนตระกูลเย่ว์ดี คงรู้ใช่ไหมคะถึงอาการป่วยของคุณผู้หญิงเป่ยซี”

“เพราะงั้นเธอถึงมาที่นี่เพื่อขอให้ลูกไปรักษาพี่สะใภ้เหรอ ไม่สิ ชื่อเสียงของลูกยังไม่ได้แพร่กระจายออกไปข้างนอก! ถ้าพวกเขาจะหา ก็ต้องหาหมออย่างหมอเทวดาหยวนถึงจะถูก อีกอย่างพี่สะใภ้ยอมออกมาข้างนอกด้วยเหรอ”

“แล้วน้าเล็กรู้ถึงสาเหตุของอาการป่วยไหมคะ”

“ก็พอจะเดาได้นิดนึงล่ะนะ ก่อนหน้านี้พ่อเคยเล่าให้ลูกฟังแล้วใช่ไหมว่าพ่อไปเยือนเผ่าพระจันทร์ครั้งแรกตอนอายุยี่สิบปีและในตอนนั้นเองที่พ่อได้ตกหลุมรักเย่ว์เลี่ยงตั้งแต่แรกพบ จากนั้นตอนที่พ่ออายุยี่สิบเอ็ดปี พ่อก็ไปที่นั่นอีกครั้งและได้ยินว่าพี่สะใภ้กำลังตั้งท้องลูกสาวที่ทุกคนกำลังรอคอย”

มู่เถาเยาพยักหน้า

“เพียงแต่ว่า ต่อมาทุกครั้งที่พ่อไปที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์ พ่อก็ไม่เคยเห็นเด็กคนนั้นเลย…เมื่อรวมเข้ากับการกระทำของตระกูลเย่ว์ตลอดช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ก็พอจะเดาได้บ้าง เฮ้อ มันคงดีมากถ้าหากพ่อช่วยตามหาเด็กคนนั้นได้ จะว่าไปแล้วหากนับอายุของเธอ เธอก็น่าจะอายุสิบแปดปีแล้ว…”