ตอนที่ 78 โลกกลม
ภายในห้องทำงานของประธานบริษัท..
หลังจากที่ได้ฟังรายงานล่าสุดจากหลิวเฉียน เย่ชิงเฉิงก็กลับไปนั่งกุมศรีษะอยู่ในห้องทำงาน และกำลังใช้นิ้วเรียวงามกดนวดขมับทั้งสองข้างไปมา
เวลานี้เธอกำลังรู้สึกปวดหัวอย่างมาก!
ที่ผ่านมานั้น ระหว่างเฟิงหวง แฟบริคกับชิงเฉิงกรุ๊ป ไม่เคยมีปัญหากันเลยสักครั้ง อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างสองบริษัทยังค่อนข้างดีอีกด้วย แต่แล้วจู่ๆ เพราะเหตุใดถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้?
ที่ผ่านมา ตระกูลถังเองก็เน้นเรื่องความซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจมาโดยตลอด จึงไม่ควรที่จะทำเรื่องที่เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของตนเองแบบนี้!
เย่ชิงเฉิงคิดหาสาเหตุจนหัวแทบระเบิด แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เวลานี้เธอเพิ่งจะเซ็นต์สัญญาซื้อขายเสื้อผ้าล็อตใหญ่กับบริษัทในฝั่งยุโปไป ซึ่งสัญญาซื้อขายนี้มีมูลค่าสูงถึง 150 ล้านหยวนเลยทีเดียว
แม้ชิงเฉิงกรุ๊ปจะมีธุรกิจหลายอย่าง แต่ธุรกิจหลักก็คือการส่งออกเสื้อผ้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร..
และหากสัญญาการสั่งซื้อนี้เป็นไปอย่างราบรื่นไร้ปัญหาแล้วล่ะก็ ชิงเฉิงกรุ๊ปจะสามารถทำกำไรได้นับสิบๆล้านเลยทีเดียว ไม่เพียงแค่นั้น เส้นทางในการเปิดตลาดฝั่งยุโรปของชิงเฉิงกรุ๊ป ก็จะราบรื่นมากขึ้นด้วย
แต่ตอนนี้ จู่ๆ เฟิงหยวน แฟบริค แฟคทอรี่ กลับระงับการส่งสินค้าให้กับชิงเฉิงกรุ๊ปอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ซึ่งจะนำความเสียหายมาให้กับชิงเฉิงกรุ๊ปอย่างไม่อาจที่จะประเมินได้
ไม่เพียงเท่านั้น หากชิงเฉิงกรุ๊ปไม่สามารถจัดส่งสินค้าให้ตามสัญญาสั่งซื้อที่ได้ตกลงกันไว้ ชิงเฉิงกรุ๊ปคงต้องถูกฟ้องให้ชดใช้ค่าเสียหายถึงสามเท่า หรืออาจจะมากกว่านั้นก็เป็นได้ ซึ่งนั่นจะเป็นความเสียหายที่คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 450 ล้าน!
จำนวนเงินที่มากมายขนาดนี้ ชิงเฉิงกรุ๊ปเองก็ยากที่จะแบกรับไว้ได้ แต่ในระหว่างที่เธอกำลังกุมขมับด้วยความหงุดหงิดอยู่นั้น เหลียงซวี่อี๋ก็เดินเข้ามา
“ว่ายังไงบ้าง? ทางเฟิงหยวนตอบอะไรมาบ้าง?” เย่ชิงเฉิงชิงถามขึ้นด้วยสีหน้า และน้ำเสียงวิตกกังวล
“คนที่รับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรงไม่ยอมรับโทรศัพท์ค่ะท่านประธาน ฉันเองได้แอบถามพนักงานที่ทางเราติดต่ออยู่เป็นประจำ แต่ดูเหมือนทางนั้นก็ไม่ต้องการพูดอะไร คุณเย่คะ ฉันว่าเรื่องนี้ไม่ดีแน่!” เหลียงซวี่อี๋ตอบกลับอย่างระมัดระวัง
“แล้วโรงงานที่ผลิตผ้าอื่นๆล่ะ? ลองติดต่อพวกเขาไปรึยัง?” เย่ชิงเฉิงเอ่ยถามเสียงสั่น
“โรงงานอื่นๆ ล้วนแล้วแต่คุณภาพของผ้าไม่ได้มาตรฐานตามที่ทางเรากำหนด คงจะไม่สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบได้ ไม่อย่างนั้นคงต้องมีปัญหาอื่นตามมาอีกมากมายแน่..”
เหลียงซวี่อี๋ถึงกับถอนหายใจ “ส่วนโรงงานอื่นๆที่อยู่ในเมืองหรือมณฑลใกล้ๆ ทางเราก็ได้ติดต่อไปหมดแล้ว แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่ต้องการรับออเดอร์ของทางชิงเฉิงกรุ๊ป”
ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเย่ชิงเฉิงกลับยิ่งเศร้าหมอง และเคร่งเครียดมากกว่าเดิม และเวลานี้เธอก็ได้แต่นั่งเหม่อลอยราวกับคนไร้วิญญาณ
เฟิงหยวน แฟบริค แฟคทอรี่ ไม่เพียงเป็นโรงงานผลิตผ้าอันดับหนึ่งของเมืองเจียงไฮว แต่ยังนับเป็นอันดับต้นๆของมณฑลนี้ หรือแม้แต่ประเทศนี้ด้วยซ้ำไป ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำเลิศของโรงงาน ทำให้เฟิงหยวน แฟบริค แฟคทอรี่ กลายเป็นผู้ค้าผูกขาดภายในเมืองแต่เพียงเจ้าเดียว
และจำนวนผ้าที่สั่งซื้อต่อเดือนมากมายเช่นนี้ มีเพียงเฟิงหยวน แฟบริค แฟคทอรี่เท่านั้น ที่จะสามารถผลิตส่งให้ได้ทัน
เย่ชิงเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็ลุกขึ้นยืน สีหน้าบ่งบอกว่าได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว หลังจากนั้นจึงคว้าเสื้อโค้ท แล้วเดินออกจากห้องไปในทันที
“ประธานเย่คะ ไม่ทราบว่าคุณจะไปไหนคะ?” เหลียงซวี่อี๋ร้องตะโกนถาม
“ฉันจะไปสอบถามเหตุผลจากลุงถังด้วยตัวเองว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เย่ชิงเฉิงเอ่ยตอบ
ความจริง เย่ชิงเฉิงเองก็รู้ฐานะของตัวเองดีว่า หากเทียบกับตระกูลถังแล้ว บริษัทของเธอนั้น ก็เปรียบเสมือนบริษัทเล็กๆบริษัทหนึ่งเท่านั้น
แต่ในเมื่อยังพอมีโอกาส เธอก็ต้องการที่จะพยายามทุกวิถีทาง.. เธอไม่อาจอยู่นิ่งเฉย และทนมองชิงเฉิงกรุ๊ปต้องปิดตัวลงโดยไม่ทำอะไรได้ และที่สำคัญ เธอต้องการรู้ว่า เพราะเหตุใดตระกูลถังจึงได้ยุติสัญญากับชิงเฉิงกรุ๊ปอย่างกะทันหันเช่นนี้?
หลังจากที่เย่ชิงเฉิงเดินออกจากห้องไปแล้ว เหลียงซวี่อี๋ก็จัดการปิดหน้าต่าง และล็อคประตูห้อง ก่อนจะหยิบซิมการ์ดใหม่ออกมาจากถุงน่อง หลังจากใส่ซิมลงไปในโทรศัพท์มือถือแล้ว เธอก็รีบกดโทรหาใครบางคนทันที
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เริ่มขั้นตอนต่อไปได้!”
หลังจากนั้น เหลียงซวี่อี๋ก็ดึงซิมการ์ดออกมาหักทำลาย และโยนทิ้งลงไปในถังขยะ ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว และคล่องแคล่วเป็นธรรมชาติ
“ภารกิจของฉันใกล้สำเร็จแล้วสินะ!”
เหลียงซวี่อี๋พึมพำกับตนเอง พร้อมกับยิ้มเศร้า..
……
หลินหนานออกมาหาอะไรกินแถวถนนหวู่หลง และเวลานี้เขาก็กำลังนั่งคุยกับเฉินห่าวอยู่ที่หน้าร้านบะหมี่ลุงซาน
ยิ่งหลินหนานได้คุยกับหลงเฉินมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่า หลงเฉินนั้นมีความสามารถ และเข้าใจโลกได้มากกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่หน้าร้าน รถลินคอล์นคันหนึ่งและคาดิลแลคอีกหลายคัน ก็ขับมาจอดอยู่ที่หน้าร้าน
จากนั้น ก็มีกลุ่มคนที่สวมชุดสูทสีดำ พากันเดินเรียงแถวออกมาจากรถหรูเหล่านั้น หลินหนานนั่งมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในขณะที่เฉินห่าวดูเหมือนจะเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังฝืนกัดฟันลุกขึ้น และเดินไปยืนขวางหน้าหลินหนานไว้
ในเวลานั้นเอง ก็มีชายร่างใหญ่หน้าใหญ่อีกคนเดินลงมาจากรถพอดี ชายคนนั้นเดินตรงเข้ามาด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย ดูราวกับคนใหญ่คนโต
“หยุดก่อน! พวกคุณเป็นใคร?”
เฉินห่าวร้องตะโกนบอกผู้ที่กำลังเดินเข้ามาให้หยุด แต่ชายคนนั้นกลับไม่สนใจหลงเฉินแม้แต่จะปรายตามอง เขาเพียงแค่เคลื่อนกายเล็กน้อย ก็สามารถหลบหลงเฉินที่ยืนขวางทางอยู่ได้อย่างง่ายดาย
“ห๊ะ.. นี่คุณ..”
ยังไม่ทันที่เฉินห่าวจะพูดจบ ร่างทั้งร่างของเขาก็แข็งทื่อดั่งน้ำแข็ง นั่นเพราะผู้ชายคนนั้นเดินตรงเข้าไปหาหลินหนาน พร้อมกับทักทายเขาอย่างมีมารยาท
“สวัดสีครับ คุณชายหลิน!”
หลินหนานยังคงนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่พื้น แต่ปากก็ถามกลับไปว่า “คุณเป็นใคร?”
“ผมเป็นบอดี้การ์ดประจำตระกูลถัง คุณเรียกผมว่าอาเฉิงก็ได้ครับ” อาเฉิงตอบหลินหนานกลับไปด้วยท่าทางเคารพนบนอบ
“พวกคุณมีธุระอะไรกับผมไม่ทราบ?” หลินหนานถามกลับไปอย่างไม่ใส่ใจนัก
“นายผู้เฒ่าให้พวกเรามาเชิญคุณชายหลินไปที่คฤหาสน์ตระกูลถัง นายผู้เฒ่าต้องการที่จะแสดงความขอบคุณคุณชายหลินด้วยตัวเอง..” อาเฉิงตอบกลับไปทันที
“ถ้านายผู้เฒ่าของคุณอยากจะขอบคุณผมจริงๆ ทำไม่เขาถึงไม่มาเชิญผมด้วยตัวเองล่ะ?” หลินหนานย้อนถามกลับไป
อาเฉิงถึงกับนิ่งอึ้ง และสีหน้าเปลี่ยนไปทันที!
นายผู้เฒ่าคือผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในตระกูลถัง และเป็นผู้เที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเจียงไฮว แต่ชายหนุ่มผู้นี้กลับกล้าขอให้นายผู้เฒ่ามาเชิญเขาด้วยตัวเองเชียวเหรอ?
แต่อาเฉิงนั้นรู้ดีว่า นายผู้เฒ่าของเขานั้นให้เกียรติหลินหนานมากเพียงใด เขาจึงได้แต่ตอบหลินหนานกลับไปว่า
“นายผู้เฒ่าเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล ร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดี คุณชายหลินได้โปรดให้อภัยผมด้วย หากผมทำสิ่งใดให้คุณชายหลินไม่พอใจ..”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่? หรือพวกคุณส่งคนคอยสะกดรอยตามผม?” หลินหนานถามกลับไปในขณะที่ลุกขึ้นยืน พร้อมกับใช้เท้าขยี้ก้นบุหรี่
หลังจากที่ได้เห็นสายตาของหลินหนาน อาเฉิงเองก็ไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่า ภายใต้แววตาสงบนิ่งนั้น กลับเป็นสายตาที่คมกริบอย่างที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
มันดูคล้ายกับมีดคมกริบที่ไร้ฝัก ซึ่งยากจะซ่อนปกปิดความคมของมันไว้ได้!
อาเฉิงถึงกับตกใจอย่างมาก เขาทำงานในตระกูลถังมานาน เคยพบเจอคนใหญ่คนโต และคนมามากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นคนที่ฉลาดเป็นกรด คนเลว คนซื่อตรง หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่มีอำนาจจริง แต่ชอบโอ้อวด
แต่เขากลับไม่เคยพบเห็นใคร ที่มีแววตาแหลมคมเหมือนเช่นหลินหนานมาก่อนเลย..
“คุณชายหลินได้โปรดอย่าเข้าใจผิด ตระกูลถังมีสายข่าวอยู่เต็มไปหมด เพียงแค่รูปของคุณในกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล พวกเราก็สามารถสืบหาที่อยู่ของคุณได้ไม่ยาก” อาเฉิงรีบอธิบายให้หลินหนานฟังทันที
“ตกลง ผมจะไปกับพวกคุณ!”
หลินหนานขยิบตาให้เฉินห่าว เป็นการบอกให้เฉินห่าวสบายใจว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเขา จากนั้นหลินหนานก็ได้เดินไปขึ้นรถคาดิลแลคที่จอดอยู่
อาเฉิงรีบเดินไปข้างหน้าเปิดประตูให้หลินหนาน พร้อมกับโค้งศรีษะด้วยท่าทางเคารพนบนอบ “เชิญคุณชายหลิน!”
หลังจากที่หลินหนานเข้าไปนั่งในรถแล้ว อาเฉิงก็เดินไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ จากนั้น ขบวนรถก็ได้เคลื่อนออกไปทันที
“พี่หนานนี่สุดยอดจริงๆ!” เฉินห่าวยกนิ้วโป้งขึ้น และอดที่จะเอ่ยชมหลินหนานไม่ได้
……….
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ขบวนรถก็ได้ไปถึงจุดหมายปลายทาง หลินหนานก้าวเท้าลงจากรถ และพบว่าข้าหน้าเป็นคฤหาสน์เก่าแก่หลังหนึ่ง
ด้านหน้าประตูมีสิงโตหินขนาดใหญ่สองตัวตั้งอยู่ทั้งสองฝั่ง ประตูทาด้วยสีแดงส้ม ให้ความรู้สึกถึงความร่ำรวย และความเป็นชนชั้นสูง
อาเฉิงเปิดประตู และเดินนำหลินหนานเข้าไปที่สวนด้านใน จากนั้นจึงหันไปพูดกับหลินหนานด้วยท่าทางเคารพนบนอบเช่นเคย
“คุณชายหลินครับ คุณรออยู่ที่นี่ประเดี๋ยว ผมจะเข้าไปรายงานนายผู้เฒ่าก่อน..”
“อืมม..” หลินหนานพยักหน้า
ระหว่างที่รออาเฉิงเข้าไปรายงานนั้น หลินหนานก็หันมองสำรวจรอบตัวแก้เบื่อ..
“นี่แก?!! แกเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” เสียงร้องตะโกนด้วยความไม่พอใจดังขึ้น
หลินหนานหันมองไปทางต้นเสียง..
โลกช่างกลมยิ่งนัก เขาได้มาพบเจอศัตรูเข้าโดยบังเอิญ!