ตอนที่ 79 ช่วยผมด้วย!
ผู้ที่มาคือชายหนุ่ม..
ใบหน้าของเขาซีดเผือดและดูกระสับกระส่าย แววตาที่จ้องมองหลินหนานนั้น บ่งบอกถึงความโกรธแค้น และเกลียดชังอย่างที่สุด
ประหนึ่งว่า.. หลินหนานได้แย่งภรรยาสุดที่รักของเขาไป!
และคนผู้นี้ก็คือถังจินซ่ง!
ข้างกายของเขามีบอดี้การ์ดยืนประกบอยู่ทั้งสองด้าน และเวลานี้สายตาของพวกเขาทั้งสามคน ก็กำลังจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลินหนาน
“ยังอยู่ดีเหรอคุณชายถัง?!!” หลินหนานร้องตะโกนถามพร้อมกับหัวเราะออกมา
“นี่แกกล้าเข้ามาเหยียบถึงที่นี่เชียวเหรอ?” ถังจินซ่งถามขึ้นด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“เอ๊ะ.. เมื่อคืนที่เราพบกัน ผมจำได้ว่าคุณไม่ได้ใส่กางเกงตัวนี้นี่นา ทำไมถึงต้องเปลี่ยนกางเกงล่ะ?” หลินหนานล้อเลียน
แต่เมื่อได้ยินคำพูดล้อเลียน และรอยยิ้มเย้ยหยันของหลินหนาน ถังจินซ่งก็ถึงกับร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ
นั่นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ล้วนเป็นฝีมือของไอ้หมอนี่! และเมื่อได้ยินคำว่า ‘กางเกง’ ถังจินซ่งก็ดูเหมือนจะเกิดอาการแพ้ขึ้นมาทันที
เมื่อเช้านี้ บอดี้การ์ดได้ไปพบร่างของเขาที่ข้างถนนไฮเวย์..
เวลานั้น ถังจินซ่งอยู่ในสภาพที่ร่างกายท่อนร่างเปลือยเปล่า และกำลังนอนสลบไสลอยู่กลางกอหญ้า ทำให้รถที่ขับผ่านไปผ่านมาล้วนแต่พากันจอดดู ทำให้ถังจินซ่งอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก!
หลังจากกลับมาที่บ้าน เขาก็ต้องนอนให้น้ำเกลืออยู่เกือบสองขวด จนกระทั่งร่างกายเริ่มฟื้นคืนสภาพ และพ้นขีดอันตรายในที่สุด แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่า จะได้พบเจอกับไอ้ปีศาจร้ายที่นี่อีก!
ว่าแต่.. หมอนี่มาบ้านตระกูลถังทำไม?
ที่นี่เป็นถิ่นของฉัน?
หรือมันตั้งใจจะมาขอโทษ? ใช่แล้ว! ต้องใช่แน่ๆ!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ใบหน้าของถังจินซ่งพลันเปลี่ยนเป็นเบิกบานสดใสขึ้นมาทันที พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“ตอนนี้รู้จักฐานะที่แท้จริงของฉันแล้วสินะ?”
“อืมม.. คุณก็คือคุณชายถัง!” หลินหนานพยักหน้าในขณะเอ่ยตอบ
ถังจินซ่งยิ้มกว้าง และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุข “แกคงมาที่นี่เพื่อขอโทษฉันสินะ? แต่เสียใจด้วย มันสายเกินไปแล้ว! ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่! ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสชาดของการมีชีวิตอยู่อย่างตายทั้งเป็นเลยล่ะ!”
“คุณชายถัง นี่คุณพูดเพ้อเจ้ออะไร? ทำไมผมต้องขอโทษคุณด้วย? ผมทำอะไรผิดไม่ทราบ?” หลินหนานตอบโต้กลับไปด้วยสีหน้ายียวน
“นี่แก..”
ถังจินซ่งโกรธมาก เขาร้องตะโกนตอบกลับไปเสียงดัง “แกยังจะกล้าถามว่าทำอะไรผิดอีกอย่างนั้นเหรอ? แกลืมเรื่องที่ทำไว้เมื่อคืนหมดแล้วหรือยังไง?”
“อ่อ.. เรื่องที่คุณชายถังขี้รดกางเกงน่ะเหรอ?” หลินหนานแกล้งทำท่าเหมือนเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้
เขารีบยกมือข้างหนึ่งขึ้นบีบจมูกตัวเอง ส่วนอีกข้างก็ปัดไปมากลางอากาศ ราวกับว่ากลิ่นเหม็นยังคงติดตัวถังจินซ่งอยู่ ปากก็พูดออกไปว่า
“คุณชายถัง นี่คุณอายุเท่าไหร่แล้ว? น่าจะยี่สิบได้สินะ แต่ทำไมยังไปถ่ายเรี่ยราดอยู่ตามข้างทางเหมือนเด็กแบบนั้นล่ะ? เฮ้อ.. คุณนี่ช่างไร้อารยธรรมซะจริง!!”
ทางด้านบอดี้การ์ดทั้งสองคน เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหนาน ก็ทำหน้าราวกับจะยิ้มออกมา แต่ก็ฝืนกลั้นไว้อย่างสุดกำลัง
เมื่อถูกสะกิดบาดแผลในใจเช่นนี้ ถังจินซ่งถึงกับโมโหจนขาดสติ เขาร้องตะโกนออกมาเสียงดัง ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำด้วยความเคียดแค้น
“ไอ้เวร!! ฉันจะฆ่าแก!”
“คุณชายอย่าโมโหไปเลยครับ คุณชายเพิ่งจะฟื้นตัว ยังไม่แข็งแรงดีนัก..” หนึ่งในบอดี้การ์ดรีบกระซิบเตือนทันที
“นั่นสิครับคุณชาย เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราสองคนจะดีกว่า!” บอดี้การ์ดอีกหนึ่งคนพูดขึ้นบ้าง
“พวกแกสองคนจัดการฆ่ามันทิ้งซะ! มีเรื่องอะไรฉันรับผิดชอบเอง แล้วฉันจะตบรางวัลให้พวกแกสองคนแน่นอน!” ถังจินซ่งร้องตะโกนสั่งบอดี้การ์ดสองคนด้วยสีหน้า และแววตาโหดเหี้ยม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนจึงหันไปมองหน้ากัน พร้อมกับพยักหน้าให้กัน เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะรู้สึกว่า คำพูดของคุณชายถังนั้นเชื่อถือไม่ค่อยได้ แต่เขาก็มักจะให้ผลประโยชน์งดงามกับลูกน้องเสมอมา
เมื่อเห็นบอดี้การ์ดทั้งสองเดินตรงเข้ามาหาตนเอง หลินหนานจึงได้แต่โบกมือไปมา..
“ทำไม? คิดจะยอมแพ้แล้วเหรอ? เสียใจด้วย.. พวกเราทำตามคำสั่งของคุณชายเท่านั้น! ถ้าจะโทษ.. ก็ต้องโทษตัวแกเองที่มีตาแต่ไร้แวว!”
หนึ่งในบอดี้การ์ดบอกกับหลินหนาน ในขณะที่พุ่งกำปั้นตรงเข้าใส่ใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนได้ยินเสียงของกำปั้นที่พุ่งผ่านอากาศไปดังพรึบ..
แน่นอนว่าบอดี้การ์ดของตระกูลถังย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่ละคนจะต้องเป็นผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาทั้งสิ้น และหมัดที่ทรงพลังเช่นนี้ หากใครโดนเข้าไปเพียงแค่หมัดเดียว ก็คงจะไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อีกเป็นแน่
แต่หลินหนานกลับยังคงยืนตัวแข็ง ราวกับว่ากำลังตกใจ และหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ถังจินซ่งเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่เบะปากเย้ยหยัน และคิดในใจว่า คนอย่างมันสมควรตายที่สุด!
แต่สิ่งที่เห็นต่อจากนั้น ก็ทำให้ถังจินซ่งถึงกับพูดไม่ออก..
เพราะไม่รู้ว่าฝ่ามือของหลินหนานพุ่งออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และเวลานี้กำปั้นของบอดี้การ์ด ก็ได้ถูกฝ่ามือของหลินหนานกำไว้แน่น บอดี้การ์ดคนนั้นถึงกับตกตะลึงไปเล็กน้อย และพยายามที่จะดึงกำปั้นของตนเองกลับมา
แต่ก็ไม่น่าเชื่อ เพราะฝ่ามือของหลินหนานแข็งแกร่งราวกับคีม ไม่ว่าบอดี้การ์ดคนนั้นจะพยายามออกแรงดึงเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถดึงกำปั้นของตนเองออกจากการเกาะกุมของหลินหนานได้
“เมื่อครู่ที่ฉันส่ายหน้า ก็เพื่อจะบอกแกว่า แกทำอะไรฉันไม่ได้ต่างหาก!” หลินหนานส่ายหน้า และพูดกับบอดี้การ์ดคนนั้น
หลังจากนั้น หลินหนานก็ออกแรงบีบเล็กน้อย เสียงกระดูแตกดังกร๊อบก็ดังขึ้น กระดูกมือของบอดี้การ์ดคนนั้นแตก แล้วเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้น
บอดี้การ์ดอีกคนที่เหลือรีบพุ่งเข้าไปช่วยทันที เขากระโดดขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับงอเข่าเพื่อหมายฟันเข่าเข้าใส่หน้าอกของหลินหนานอย่างสุดกำลัง
“เอาล่ะ ไปหาเพื่อนของแกได้แล้ว!”
หลินหนานร้องตะโกนบอก พร้อมกับจับร่างของบอดี้การ์ดคนแรกโยนขึ้นไปกลางอากาศทันที แล้วร่างของบอดี้การ์ดทั้งสองคนก็ปะทะกันอย่างรุนแรง ก่อนจะร่วงลงไปกองกับพื้น และเวลานี้ทั้งคู่ต่างก็กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
ถังจินซ่งได้แต่ยืนตกตะลึง และทำอะไรไม่ถูก!!
นั่นเพราะบอดี้การ์ดทั้งสองคนของเขานั้น ล้วนเคยเป็นอันธพาลที่ดุดันโหดเหี้ยมมาก่อนทั้งคู่ และเขาก็เป็นคนที่เลือกสองคนนี้มาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวด้วยตนเอง
แต่ทำไมพวกมันถึงได้พ่ายแพ้ง่ายดายขนาดนี้?
หรือว่า.. หมอนั่นจะเป็นพวกปรมาจารย์ที่ฝึกวรยุทธกันแน่?
“คุณชายถัง บอดี้การ์ดของคุณไม่มีฝีมือเลย ต้องการให้ผมแนะนำให้บ้างมั๊ย?” หลินหนานร้องบอกยิ้มๆ พร้อมกับค่อยๆย่างเท้าเข้าไปหาถังจินซ่ง
“อย่า.. อย่าเข้ามานะ!” ถังจินซ่งร้องตะโกนห้ามปากคอสั่นด้วยความหวาดกลัว
“ทำไมล่ะ? ผมไม่ใช่สัตว์ประหลาดนะ ทำไมคุณต้องทำท่าทางเหมือนหวาดกลัวผมขนาดนั้นด้วย?” หลินหนานตอบกลับ
“แก.. แกชื่ออะไร?” ถังจินซ่งปากสั่นจนฟันกระทบกันแทบหัก
“ผมชื่อหลินหนาน.. คุณอยากจะรู้ไปทำไม?”
“หลินหนานงั้นเหรอ.. ดี!!”
ถังจินซ่งร้องตะโกนออกไปเสียงดัง พร้อมกับแสดงความอาฆาตมาดร้าย “ในเมื่อแกทำตัวเป็นปรปักษ์กับตระกูลถัง ฉันสาบานว่าจะต้องฆ่าแกให้ได้! และจะฆ่าพวกแกทั้งครอบครัวเลยคอยดู!”
“งั้นเหรอ?!”
แววตาของหลินหนานเป็นประกายขึ้นมาทันที และเพียงแค่พริบตาเดียว ร่างของเขาก็ไปยืนอยู่ข้างกายถังจินซ่งเรียบร้อยแล้ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินหนานได้อันตรธานหายไป และเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาแทน เขาแสยะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หรือฉันจะฆ่าแกก่อนดี?”
“กะ.. แกกล้าเหรอ?!! ที่นี่ปะ.. เป็นบ้านตระกูล.. ถัง..” ถังจินซ่งเองก็ไม่รู้ว่า เหตุใดตนเองจึงต้องพูดจาตะกุกตะกักแบบนั้น
“เป็นบ้านตระกูลถังแล้วยังไง? ถ้าฉันคิดจะฆ่าใครสักคนก็ไม่ใช่เรื่องยาก!” น้ำเสียงของหลินหนานนอกจากจะเย็นยะเยือกจนน่าขนลุกแล้ว ยังบ่งบอกถึงความยะโสโอหังไม่เกรงกลัวผู้ใดอีกด้วย
สมาชิกของหน่วยมังกรซ่อนกายไม่เคยหวั่นเกรงผู้ใด!
ถังจินซ่งได้ยินคำพูดของหลินหนาน ก็ถึงกับหวาดกลัวจนตัวสั่น เรียกได้ว่าความน่าสะพรึงกลัวของหลินหนาน ได้แผ่ซ่านเข้าไปในทั่วสรรพางกาย และแทรกซึมลงไปในกระดูกของเขาเลยก็ว่าได้
เวลานี้ ถังจินซ่งถึงกับหายใจสั้นและถี่ ขนลุกขนชันไปทั่วทั้งร่างจนถึงศรีษะ กล้ามเนื้อทั่วร่างหดเกร็งไปหมด และคล้ายกับว่าร่างทั้งร่างของเขาถูกสาปไม่ให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้
เวลานี้ถังจินซ่งเริ่มนึกโกรธตัวเองที่ไปมีเรื่องกับหลินหนาน เพราะดูเหมือนเขาจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่!
แต่ในเวลานั้นเอง เสียงขู่คำรามของใครบางคนก็ดังลั่นทั่วทั้งสวน..
“ใครบังอาจพูดว่าจะฆ่าคนในบ้านตระกูลถัง?”
สิ้นเสียงพูดนั้น ร่างของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าของเสียงกระโดดลงมายืนอยู่บนหินกลางสนามอย่างว่องไว และมั่นคง
เขาคือชายวัยกลางคนที่มีความสูงปานกลาง สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว ผมที่ตัดสั้นนั้นขาวโพลน ใบหน้าธรรมดาไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับคมกริบราวกับดวงตาเหยี่ยว..
และเพียงแค่การปรากฏตัวของเขา ก็สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกสะพรึงกลัว และขนลุกขนชันได้!
ทันทีที่ชายกลางคนผู้นั้นปรากฏตัว ถังจิซ่งก็รีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว เพราะชายผู้นี้เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายของเขาในเวลานี้ พร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง
“ลุงมู่ฉิง.. ช่วยผมด้วย!”