ตอนที่ 80 ศึกแห่งศักดิ์ศรี
ชายวัยกลางคนผู้นี้มีชื่อว่ามู่ฉิง และเขาก็ไม่ได้สนใจถังจินซ่งเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลินหนานแน่นิ่ง พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า
“เมื่อครู่เธอพูดว่าคิดจะฆ่าใครในบ้านตระกูลถังก็ได้งั้นรึ?”
“ใช่! ผมพูดแบบนั้น!”
หลินหนานยอมรับ และไม่คิดที่จะปฏิเสธ เขาสัมผัสได้ถึงพลังแข็งแกร่งที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของมู่ฉิงได้
แต่แล้วยังไง?
หลินหนานไม่ใช่คนที่ใครจะสามารถข่มขู่ให้หวาดกลัว และยอมสยบให้ง่ายๆได้ แม้ชายผู้นี้จะแต่งกายเต็มยศ กระโดดลงมายืนบนก้อนหินตรงหน้าตนอย่างสง่างาม เพื่อที่จะให้คำว่า ‘ปรมาจารย์’ ผุดขึ้นภายในหัวของเขา..
“อวดดีเกินไปแล้ว! ที่นี่เป็นบ้านตระกูลถัง ไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะมาพูดจาสามหาวแบบนี้ได้!” มู่ฉิงบอกกับหลินหนานด้วยน้ำเสียงเย็นชา
และเวลานี้เขาก็กำลังโกรธมาก ผมที่ทั้งขาวและสั้นถึงกับตั้งชันราวกับขนเม่น ในขณะที่ถังจินซ่งกลับดีอกดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้น นั่นเพราะมู่ฉิงนั้นนับเป็นผู้มี่มีฝีมือสูงส่งที่สุดในตระกูลถังเวลานี้!
หัวนอนปลายเท้าของชายวัยกลางคนผู้นี้ลึกลับอย่างมาก เขาได้ติดตามพ่อของถังจินซ่งมาตั้งแต่ยังหนุ่ม เรียกได้ว่าเป็นมือขวาของพ่อเขาเลยก็ว่าได้ แต่มู่ฉิงกลับเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด และยากนักที่จะเอ่ยปากพูดจากับคนอื่นนอกจากพ่อของเขา
นอกเหนือจากต้องออกไปจัดการกับปัญหาที่ผู้อื่นจัดการไม่ได้แล้ว มู่ฉิงก็จะอยู่แต่บ้านตระกูลถังฝึกกำลังภายใน และแทบไม่เคยออกไปไหนเลย
ในวัยเด็ก ถังจินซ่งได้พบกับมู่ฉิงเข้าโดยบังเอิญ เพราะแอบเข้าไปเล่นในบริเวณสวนที่มู่ฉิงฝึกวิชา และได้พบเห็นเขากำลังฝึกกำลังภายในเข้าโดยบังเอิญ
ครั้งนั้น เขายังจำได้ติดตาว่า มู่ฉิงใช้กำปั้นของตนเองชกไปที่แผ่นหินจนแตกละเอียด และตั้งแต่นั้นมา ทำให้เขารู้สึกตกใจและเชื่อมั่นว่า มู่ฉิงต้องเป็นผู้ที่มีกำลังภายในสูงส่งมากคนหนึ่ง เขาจึงได้แอบไปถามพ่อของเขาว่า มู่ฉิงนั้นเก่งและมีความสามารถขนาดไหน?
พ่อของเขาถังชวง เพียงแค่ตอบกลับยิ้มๆว่า มู่ฉิงไม่เคยปฏิบัติภารกิจที่เขามอบหมายให้ล้มเหลวเลยสักครั้ง และยังได้เตือนถังจินซ่งไม่ให้ไปมีเรื่องกับมู่ฉิง ไม่อย่างนั้น เขาเองก็จะไม่ยกโทษให้แม้ว่าจะเป็นลูกก็ตาม!
ด้วยเหตุนี้ ต่อให้ถังจินซ่งจะยะโสโอหังมากเพียงใด เขาก็ไม่เคยกล้าที่จะไปกระตุกหนวดเสืออย่างมู่ฉิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว..
และทุกคนในตระกูลถังต่างก็ไม่กล้าเช่นกัน!
แต่มู่ฉิงเองก็ซื่อสัตย์และจงรักภักดีกับตระกูลถังอย่างที่สุด เมื่อใดก็ตามที่เกิดเรื่องกับตระกูลถังขึ้น มู่ฉิงมักจะเป็นคนแรกที่ออกหน้าลุย แต่เขาก็มักจะรอดกลับมาได้ทุกครั้งไป
แต่เมื่อได้ยินหลินหนานพูดว่าจะฆ่าคนในบ้านตระกูลถัง มู่ฉิงจึงไม่อาจอดรนทนได้! และไม่จำเป็นต้องรอให้ถังจินซ่งออกคำสั่ง มู่ฉิงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อที่จะสั่งสอนหลินหนานด้วยตัวเอง
หลินหนานตอบกลับพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย “ผมอวดดีแล้วยังไง?”
“พ่อหนุ่ม เธอรนหาที่ตายชัดๆ!”
กำปั้นของมู่ฉิงพุ่งออกจากร่าง ราวกับอสรพิษที่พุ่งเข้าฉกเหยื่อ และความรุนแรงที่พุ่งผ่านอากาศนั้น ก็ดังจนทุกคนต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน
ส่วนก้อนหินใต้ฝ่าเท้าของมู่ฉิงนั้น ก็ดูเหมือนกับผ่านการแบกรับของหนักมา และถึงกับยุบตัวลงในพื้นทันที
แต่ละหมัดที่มู่ฉิงร่ายรำนั้น เกิดเสียงลมดังพรึบๆ บ่งบอกถึงพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ และท่าทางของมู่ฉิงเวลานี้ ก็บ่งบอกว่าเขาผ่านการฝึกกำลังภายในมาอย่างดี
“น่าสนใจดีนี่..”
หลินหนานพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ร่างที่ยืดตรงประหนึ่งหอกยาวนั้น ได้ก้าวเท้าขวาออกไปด้านหน้าหนึ่งก้าวเช่นกัน ร่างกายท่อนบนโน้มลงเล็กน้อย ดูราวกับคันธนูขนาดใหญ่ กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างตื่นขึ้นอยู่ในท่าเตรียมพร้อมต่อสู้อย่างเต็มที่
ฟิ้ว..
ร่างของหลินหนานพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ราวกับลูกธนูที่พุ่งออกจากคันธนู จนเกิดเป็นเสียงคล้ายวัตถุปะทะกับลมในอากาศ ได้ยินกันทั่วทั้งสนาม
ปัง!!
ตามมาด้วยเสียงปะทะกันจากหมัดของทั้งสองฝ่าย เวลานี้ทั้งสองคนก็กำลังต่อสู้กันอยู่กลางอากาศ และพยายามที่จะเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้!
มู่ฉิงเป็นผู้ที่คลั่งไคล้ในการฝึกกำลังภายในอย่างมาก และสิ่งสำคัญที่เขาจะต้องทำในทุกๆวันก็คือ การฝึกกำลังภายในและวรยุทธอย่างหนักนั่นเอง
เวลานี้ ตระกูลถังอยู่ในช่วงของความรุ่งโรจน์ มู่ฉิงจึงไม่ได้รับภารกิจอันใดจากถังชวงมากนัก เขาจึงมีเวลาที่จะฝึกฝนวรยุทธ และกำลังภายในมากขึ้น
ในตอนนี้ มู่ฉิงฝึกฝนมาถึงขั้นที่ว่า อีกเพียงแค่ครึ่งระดับก็จะเข้าขั้นปรมาจารย์แล้ว ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถเอาชนะหลินหนานได้อย่างง่ายดาย เพราะในความคิดของเขานั้น หลินหนานก็เป็นเพียงแค่อันธพาลทั่วไป
แต่มู่ฉิงก็ไม่โง่พอที่จะฆ่าหลินหนานในบ้านตระกูลถัง เพราะไม่ต้องการสร้างปัญหาขึ้นที่นี่ เขาจึงคิดเพียงแค่จะหักแขนของหลินหนานเป็นการสั่งสอน และลงโทษคนอวดดีเท่านั้น!
แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างที่มู่ฉิงคิดไว้..
เดิมที.. ด้วยกำลังภายในเพียงแค่นี้ของมู่ฉิง เขาก็สามารถทุบแผ่นหินที่วางซ้อนกันถึงสามชั้นแตกได้อย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้ กำลังภายในของเขา กลับไม่สามารถทำให้กำปั้นของหลินหนานเป็นอะไรได้เลยแม้แต่น้อย กำปั้นของหลินหนานแข็งแกร่งราวกับขุนเขายิ่งใหญ่ ที่ยากจะสะทกสะท้านต่อกำลังภายในเพียงแค่นี้
อีกทั้งสีหน้าของหลินหนานในเวลานี้ ก็ดูผ่อนคลายสบายๆ ราวกับว่ายังไม่ได้ลงมือ และแสดงความแข็งแกร่งของตนเองอย่างแท้จริง
มู่ฉิงเข้าใจได้ในทันที!
ชายหนุ่มคนนี้แกล้งทำเป็นออมมือ เพื่อหวังที่จะหลอกให้เขาตายใจ..
เมื่อคิดได้เช่นนี้ มู่ฉิงจึงได้รวบรวมลมปราณทั้งหมดภายในร่าง และเคลื่อนจากพลังปราณจากท้องน้อยไปที่กำปั้นของตนในทันที
ประหนึ่งมวลไม้ที่ได้รับน้ำจนใบเขียวแตกหน่อ พลังปราณจากท้องน้อยพวยพุ่งไปยังกำปั้นที่พุ่งเข้าปะทะกับหมัดของหลินหนานอีกครั้ง
และพลังปราณที่แข็งแกร่งนั้น สามารถทำให้ร่างของหลินหนานเซถอยหลังไปได้ จนต้องใช้เท้าซ้ายค้ำยันกับพื้นดิน เพื่อต้านทานแรงปะทะที่กำลังครอบงำร่างของตนเองอยู่
ร่างของหลินหนานถอยหลังออกไปไกล จนเกิดเป็นรอยเท้าที่ไถลไปกับพื้นเป็นทางยาว..
ในขณะที่มู่ฉิงต้องใช้กำลังภายในของตนเองทั้งหมด แต่หลินหนานกลับยังคงยิ้มได้อย่างสบาย
พลังปราณจากร่างของมู่ฉิงพุ่งมาอยู่ที่กำปั้นของเขา ในขณะที่เทียนชี่ของหลินหนาน เป็นพลังปราณแห่งการสร้าง แต่ก็มิได้ด้อยไปกว่าพลังปราณแห่งการทำลายล้างของมู่ฉิงเลย
น่าแปลก! พลังปราณของชายหนุ่มผู้นี้ ทั้งลึกลับแล้วก็ซับซ้อนอย่างมาก!
ทันทีที่มู่ฉิงได้สัมผัสเข้ากับเทียนชี่ของหลินหนาน เขาก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความไม่ปกติ นั่นเพราะพลังปราณของอีกฝ่ายมิได้ดุดันโหดเหี้ยม แต่กลับเป็นประหนึ่งแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง และกำลังให้ความอบอุ่นกับผู้ที่ได้รับ
ทำให้คนผู้นั้นรู้สึกคล้ายกับคนเกียจคร้าน และค่อยๆกัดกินพละกำลังให้ค่อยๆถดถอยลง ทำให้พลังปราณที่แข็งแกร่งของเขา ถูกดูดเข้าไปราวกับวัวกระทิงที่ดุดันถูกดูดจมหายไปในทะเลอย่างไร้ร่องรอย
มู่ฉิงรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังต่อสู้อยู่กับปุยนุ่ม ไม่ว่าจะรุนแรงสักเพียงใด ก็ยากที่จะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้..
และเวลานี้ สีหน้าของมู่ฉิงก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจยิ่ง!
แต่ถึงอย่างนั้น ในฐานะที่เขาเข้าใกล้ขั้นปรมาจารย์แล้ว ย่อมต้องมีความมั่นใจและภาคภูมิใจอย่างมาก และเขาจะไม่ยอมพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มตรงหน้านี้โดยเด็ดขาด!
“ฉันเอาจริงแล้วนะ!”
มู่ฉิงร้องตะโกนออกมา พร้อมกับโคจรลมปราณไปทั่วร่าง..
ภายในร่างกายของมู่ฉิงเวลานี้ เสมือนน้ำในบ่อใหญ่ ที่กำลังถูกถ่ายเทไปตามท่อระบายน้ำเล็กๆ และกระจายไปทั่วร่าง
พลังปราณที่แผ่ซ่านนั้นรุนแรงอย่างน่ากลัว และนี่คือพลังมืด!
ผู้ที่ฝึกฝนจนกำลังภายในถึงขั้นปรมาจารย์นั้น ย่อมแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน และภายในร่างกายของคนเราก็มีพลังซ่อนเร้นอยู่มากมาย อยู่ที่ใครจะสามารถนำออกมาใช้งานได้
และนี่คือเหตุผลว่า เพราะเหตุใดนักสู้บางคนที่ดูร่างกายผอมบาง และอ่อนแอ กลับสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย!
การฝึกฝนจนชำนิชำนาญเท่านั้น จึงจะทำให้คนผู้นั้นสามารถนำพลังซ่อนเร้นที่แข็งแกร่งนี้ออกมาใช้ได้ตามต้องการ
และเวลานี้ มู่ฉิงก็ต้องการที่จะเอาจริง ในฐานะที่เขาเข้าสู่การเป็นปรมาจารย์ไปถึงครึ่งระดับแล้ว หากปล่อยให้ชายหนุ่มตรงหน้าเอาชนะได้ เขาคงต้องสูญเสียความนับถือตนเองไปจนหมดแน่
และเวลานี้ มู่ฉิงก็ไม่ได้ต่อสู้เพื่อตระกูลถึง แต่เขากำลังต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของตนเองต่างหาก!
เพราะหากเขาแพ้ให้กับชายหนุ่มผู้นี้ ชีวิตของเขาคงต้องจบสิ้นอยู่เพียงแค่นี้แน่!
เขาจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อรักษาฐานะของตนเอง!